xs
xsm
sm
md
lg

กู้1.8แสนล้านชดเชยขาดดุล คลังยันปีหน้ารับมือไหว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

คลังเตรียมกู้ชดเชยขาดดุลก่อนสิ้นปีงบประมาณ 54 อีก 1.8 แสนล้านบาทภายในเดือนกันยายนนี้ ขณะที่เงินคงคลังพร้อมสำหรับให้รัฐบาลโยกไปใช้ก่อนกฎหมายงบประมาณผ่านสภา มีผลบังคับใช้ได้จริงมกราคม 55 ดันยอดเงินกู้ทั้งปีอยู่ที่ 3.98 แสนล้านบาท ส่วนกู้ชดเชยขาดดุลปีหน้า 4 แสนล้านบาทยังรับมือได้

นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล ผู้อำนวยการ สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) เปิดเผยว่า ภายในเดือนกันยายนนี้สบน.จะกู้เงินชดเชยการขาดดุลงบประมาณรายจ่ายปี 2554 อีก 1.8 แสนล้านบาทภายในเดือนเดียว ส่วนรายละเอียดจะเป็นพันธบัตรระยะสั้นหรือระยะยาวเท่าใดนั้นกำลังพิจารณาแนวโน้มดอกเบี้ยของตลาด แต่ส่วนใหญ่การออกพันธบัตรของกระทรวงการคลังก็จะได้รับความสนใจร่วมประมูลจากสถาบันการเงินอยู่แล้วไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

ทั้งนี้ ถือเป็นการเตรียมพร้อมระดมเงินไว้ใช้ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปีนี้หรือไตรมาสแรกของปีงบประมาณรายจ่าย 2555 ที่จะล่าช้าไปจากเดิมคาดว่าจะเป็นเดือนมกราคม 2555 เพราะหากดูเฉพาะงบประมาณรายจ่ายปี 2554 นั้นไม่ได้มีความจำเป็นต้องกู้เงินชดเชยขาดดุลเพิ่ม แม้ว่ากรอบการขาดดุลจะเปิดช่องไว้ถึง 4.2 แสนล้านบาท เนื่องจากที่ผ่านมากรมจัดเก็บรายได้นำส่งรายได้มากกว่าเป้าหมายแต่ขณะนี้มีแนวโน้มว่ารายได้จะหายไปบางส่วนสบน.จึงต้องกู้เงินมาสำรองไว้ก่อน

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาสบน.ได้กู้เงินชดเชยขาดดุลงบประมาณปี 2554 ไปแล้ว 1.68 แสนล้านบาท หากรวมที่กำลังจะกู้อีก 1.8 แสนล้านบาท และรวมกับที่จะออกพันธบัตรรายย่อยพิเศษขายให้แก่ประชาชนเป็นการทั่วไปผ่านเครื่องเอทีเอ็ม ตั้งแต่วันที่ 12 ก.ย.ถึง 30 ก.ย.นี้ วงเงินอีก 5 หมื่นล้านบาท รวมเป็นการกู้ชดเชยขาดดุลปีงบประมาณ 2554 จริงจำนวน 3.98 แสนล้านบาท

สำหรับการกู้ชดเชยขาดดุลในปีงบประมาณ 2555 ที่เพิ่มขึ้นมาจาก 3.5 แสนล้านบาทเป็น 4 แสนล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 5 หมื่นล้านบาทนั้นอยู่ในวิสัยที่สามารถกู้เงินได้ผ่านช่องทางปกติที่สบน.ดำเนินการในแต่ละปี โดยจะเป็นการระดมเงินผ่านหลายรูปแบบรวมทั้งบอนด์ออมทรัพย์ด้วยซึ่งจะมีการกำหนดประเภทและวงเงินอีกครั้งในปีหน้าเพราะงบประมาณยังไม่ได้มีผลบังคับใช้จึงไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน

นอกจากนี้ สบน.ยังพร้อมจะกู้เงินจากสถาบันการเงินในประเทศเพื่อหาสภาคล่องให้ธ.ก.ส.ใช้ในการดำเนินโครงการรับจำนำข้าวประมาณ 1 แสนล้านบาทหากรัฐบาลเห็นชอบตามแนวทางดังกล่าว ซึ่งจะเป็นการให้แข่งขันกันเสนอดอกเบี้ยตามตลาดและจากเครดิตของกระทรวงการคลังน่าจะได้อัตราดอกเบี้ยต่ำกว่าตลาด ต่างจากการกู้เงินจากสถาบันการเงินทั้ง 4 แห่งในอดีตที่มีอัตราดอกเบี้ยค่อนข้างสูง
กำลังโหลดความคิดเห็น