xs
xsm
sm
md
lg

โลกทัศน์และกรอบบริหารใหม่ของรัฐบาลยิ่งลักษณ์ (2)

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


ปัญญาพลวัตร
โดย...พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต

ฝูงสัตว์ที่มีกายและใจสีแดงขึ้นครองอำนาจ วางอุ้งเท้าอันน่ากลัวของเขาลงบนศีรษะของประชาชนโดยปราศจากธรรมะ ด้านหนึ่งพวกมันประกาศพันธะสัญญาสะกดวิญญาณของผู้คนให้ตกอยู่ในมายาภาพและความฝันอันเพริศพิไล อีกด้านหนึ่งพวกมันสร้างบรรยากาศแห่งความหวาดกลัวขึ้นมาด้วยการกระทำและพฤติกรรมที่รุนแรง บันไดแห่งอำนาจถูกสร้างขึ้นมาด้วยเลือดเนื้อและชีวิตของผู้คน พวกมันจะต้องทำอะไรอีกเล่ากับพันธะสัญญา เมื่อพวกมันสามารถออกคำสั่งบงการ บีบบังคับ คุกคามชีวิตผู้คน การลงทัณฑ์และโซ่ตรวนได้จัดเตรียมแล้วสำหรับผู้ไม่บูชาพวกมัน (ดัดแปลงมาจาก ฟรีดริช นิทซ์ซี่)

โลกทัศน์ทางการเมืองและการบริหารของของผู้ครองอำนาจของประเทศไทยในยามนี้ดูมีความคล้ายคลึงกับสิ่งที่นิทซ์ชี่ได้กล่าวไว้ในอดีตราวกับเวลาในประวัติศาสตร์ของมนุษย์ไม่เคยเคลื่อนไหว ราวกับพัฒนาการแห่งภูมิปัญญาและจริยธรรมหยุดชะงักลงไป

รัฐบาลประกาศในนโยบายว่าจะสร้างความปรองดองสมานฉันท์และฟื้นฟูประชาธิปไตย แต่พึงระลึกว่าการปรองดองสมานฉันท์ ในความคิดของพวกเขาหาได้มีความหมายในการยุติความขัดแย้งของผู้คนแต่อย่างใด แต่หากหมายถึงการให้ผู้คนในสังคมยอมรับอำนาจและสถานภาพของพวกเขาอย่างไม่โต้แย้งและขัดขืน ทั้งยังหมายถึงการใช้อำนาจดิบเถื่อนในการแต่งตั้งผู้รับใช้อันซื่อสัตย์ครองตำแหน่งและอำนาจในบ้านเมือง โดยมิใส่ใจว่าผู้คนเหล่านั้นจะก่ออาชญากรรมแก่บ้านเมืองไว้อย่างไร และรวมไปถึงการคิดและเตรียมการจะจ่ายเงินงบประมาณของแผ่นดินจำนวนมหาศาลเพื่อเป็นรางวัลแก่มวลชนและผู้ก่อการร้ายเสื้อแดงที่สละชีวิตและเลือดเนื้อให้พวกเขาขึ้นมามีอำนาจ

โลกทัศน์ที่อยู่เบื้องหลังนโยบายการปรองดองสมานฉันท์เช่นนี้คือ โลกทัศน์แบบอำนาจนิยม ผสานกับลัทธิพวกพ้องนิยม(cronyism) อำนาจนิยมมีนัยว่าการบูชาและหลงใหลอำนาจ ดังนั้นคนเหล่านี้จึงไม่คำนึงถึงวิธีการในการเข้าสู่อำนาจ พวกเขาจะใช้ทุกวิธีการที่คนสามัญไม่อาจจินตนาการได้เพื่อให้เข้าสู่อำนาจ ไม่ว่าจะเป็นการกระตุ้นยุยงปลุกปั่นให้มวลชนใช้ความรุนแรง การสร้างสถานการณ์และใช้ความรุนแรงทำลายชีวิตมวลชนของตนเอง เพื่อนำไปใส่ร้ายและใช้ในการทำลายความน่าเชื่อถือของคู่แข่ง พวกเขายังใช้นโยบายหาเสียงแบบหลอกลวง เกินจริง เพื่อให้ผู้คนเกิดความหวังและนิยมชมชอบ ครั้นเมื่อได้ครองอำนาจพวกเขาก็จะอ้างเหตุผลสารพัดอย่างว่าไม่สามารถทำดังที่หาเสียงไว้ได้

ลักษณะของการใช้อำนาจของผู้มีโลกทัศน์แบบอำนาจนิยมคือ การใช้ลัทธิพวกพ้องนิยม พวกเขาจะแต่งตั้งคนที่ใกล้ชิดสนิทสนม พี่น้อง เพื่อนฝูง และลูกน้องผู้รับใช้พวกเขาอย่างสุดชีวิตให้ดำรงตำแหน่งสำคัญ โดยไม่คำนึงถึงความรู้ความสามารถและคุณธรรมของคนเหล่านั้นแต่ประการใด เพื่อเป็นรางวัลในการตอบแทนการรับใช้ การกระทำเช่นนี้ทำให้บรรดาผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งเกิดความสำนึกบุญคุณและส่งผลในการตอกย้ำความจงรักภักดียิ่งขึ้น ด้วยรู้สึกว่าตนเองมิได้ถูกทอดทิ้งจากผู้ที่เป็นเจ้านาย

บุคคลที่ถูกมองว่าไม่ใช่พวกพ้องหรือไม่ยอมรับใช้พวกเขาก็จะถูกบีบ กดดัน บังคับให้ออกจากตำแหน่งโดยไร้ความผิด แม้ว่าบุคคลนั้นจะทำงานดี เสียสละเพื่อประเทศ หรือมีความซื่อสัตย์ในการปฏิบัติหน้าที่เพียงใดก็ตาม ก็เป็นสิ่งที่ไร้ความหมาย และนี่คงจะเป็นวิธีการบริหารแบบใหม่ของรัฐบาลที่เขียนไว้ในออกสารนโยบายกระมัง

ส่วนนโยบายปรองดองที่จะใช้การเยียวยาฟื้นฟูเป็นแนวทางการดำเนินงาน ก็เป็นอีกวิธีการหนึ่งในการตอบแทนหรือให้รางวัลแก่คนของพวกเขา อย่างไรก็ตาม หากนโยบายนี้ถูกนำไปปฏิบัติจริงตามที่เขียนและอ่านในรัฐสภา ผลกระทบที่ตามมาคือการขยายตัวของความขัดแย้งและความแตกแยกภายในสังคมไทยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะผู้คนจำนวนมากในสังคมที่มีจิตใจเป็นธรรมย่อมไม่ยอมรับกับนโยบายที่นำเงินงบประมาณแผ่นดินอันเป็นเงินภาษีของประชาชนไปให้รางวัลแก่กลุ่มบุคคลที่ประชาชนเชื่อว่าเป็นผู้เผาบ้านเผาเมืองและก่อการร้ายอย่างแน่นอน และเมื่อไรที่รัฐบาลผลักดันนโยบายนี้ไปสู่การปฏิบัติ ก็จะเป็นตัวเร่งความวิบัติของรัฐบาลให้เร็วขึ้น

การเอาเงินงบประมาณแผ่นดินช่วยพวกพ้องซึ่งก่อให้เกิดรอยร้าวและความแตกแยกในสังคมยิ่งขึ้นก็เป็นการบริหารแบบใหม่ของรัฐบาลนี้อีกเช่นเดียวกัน

อีกประเด็นหนึ่งที่ควรกล่าวถึงคือ นโยบายการฟื้นฟูประชาธิปไตยโดยการเสริมสร้างความเข้าใจร่วมของประชาชน คำถามคือประชาธิปไตยในความหมายของพวกเขาคืออะไร คือการเลือกตั้งโดยการซื้อเสียงใช่หรือไม่ คือการหาเสียงด้วยการหลอกลวงประชาชนเพื่อให้ใช้เสียงส่วนใหญ่ใช่หรือไม่ คือการให้เสรีภาพแก่มวลชนเสื้อแดงข่มขู่คุกคามสื่อมวลชนและทำร้ายประชาชนที่มีความคิดเห็นทางการเมืองไม่ตรงกับพวกเขาใช่หรือไม่ คือการใช้เสียงส่วนใหญ่ในสภาผู้แทนราษฎรปกป้องทักษิณ ชินวัตร ใช่หรือไม่ คือการให้ ส.ส.ในพรรคเขียนใบลาออกไว้ล่วงหน้าเพื่อป้องกันการย้ายพรรค ใช่หรือไม่

หากใช่ และก็มีแนวโน้มว่าใช่ ประชาธิปไตยในโลกทางความคิดและการปฏิบัติของพวกเขาจึงเป็นสิ่งที่มีความเลื่อนลอยและเป็นการอนุญาตให้พวกเขาและมวลชนผู้สนับสนุนพวกเขาทำตามอย่างที่พอใจ โดยมิไยดีกับบรรทัดฐานทางกฎหมายและจริยธรรมแต่อย่างใด

ประชาธิปไตยเช่นนี้จึงตรงกับสิ่งที่ นิทซ์ชี่ กล่าวไว้ว่า เป็นการบูชาเสรีภาพและความวุ่นวาย เป็นการบูชาความสามัญและความหยาบกระด้าง เป็นการเกลียดชังความเป็นเลิศและคุณธรรม จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะมีบุคคลยิ่งใหญ่จะยอมตกอยู่ในวังวนของการเลือกตั้งที่ไร้ศักดิ์ศรีและลดคุณค่าความเป็นมนุษย์ให้เหลือเพียงความเป็นทาสของนายทุนเจ้าของพรรคเช่นนี้

ประเทศชาติจะยิ่งใหญ่ไม่ได้เพราะย่อมไม่มีบุคคลที่ยิ่งใหญ่คนใดยอมไปกลวกเกลื้อกับสภาพน้ำเน่าของการเมือง ด้วยเหตุนี้ในแวดวงของการเมืองแบบประชาธิปไตยของประเทศไทยจึงเต็มไปด้วยนักโกหกหลอกลวงที่ปั้นนโยบายจากความว่างเปล่า นักสร้างภาพลักษณ์ที่ไร้สมองไม่มีปัญญา ได้แต่เจรจาความตอบคำถามตามบทที่ถูกสั่งมา นักเลงอันธพาลที่ชอบข่มขู่คุกคามผู้คน นายทุนที่พร้อมจะทุจริตอย่างมูมมามโดยไม่จำกัดกาละและเทศะ และนักฉวยโอกาสที่อิงแอบกระแสความนิยมขึ้นสู่อำนาจ
การสร้างความเข้าใจเรื่องประชาธิปไตยแก่ประชาชนจึงเป็นเรื่องที่โฆษณาชวนเชื่อ ล้างสมองให้ผู้คนยอมรับอำนาจที่ได้มาอย่างฉ้อฉลและยอมจำนนกับการใช้อำนาจแบบดิบเถื่อนของพวกเขานั่นเอง

รัฐบาลยังประกาศว่าจะแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 โดยการเลือกตั้งคณะผู้ร่างรัฐธรรมนูญจังหวัดละหนึ่งคน พวกเขาย่อมเล็งผลเลิศเพราะในประเทศนี้ไม่มีกลุ่มใดที่เชี่ยวชาญในเรื่องการโฆษณาชวนเชื่อหลอกลวงผู้คนได้เก่งกาจยิ่งกว่าพวกเขา พวกเขาเป็นกลุ่มที่สามารถกุมสภาพกลไกการเลือกตั้ง และสามารถกำหนดได้ว่าใครจะเป็นผู้ชนะได้รับการเลือกตั้ง ดังนั้นหากคณะผู้ร่างรัฐธรรมนูญมาจากการเลือกตั้ง พวกพ้องของพวกเขาย่อมจะเป็นกลุ่มที่มีเสียงข้างมากในสภาร่างรัฐธรรมนูญที่พวกเขาสร้างขึ้นมาอย่างแน่นอน

เป้าหมายของการเขียนรัฐธรรมนูญใหม่ที่พวกเขาพยายามซ่อนเร้น แต่มิอาจซุกไว้ได้อย่างมิดชิด ก็คือ การใช้เสียงข้างมากแบบดิบๆเพื่อทำลายหลักนิติธรรม โดยการเขียนรัฐธรรมนูญอย่างแนบเนียนและแยบยลให้ยกเลิกโทษทัณฑ์และอาชญากรรมทั้งหลายที่เจ้านายและพรรคพวกของพวกเขากระทำก่อกรรมไว้ต่อประเทศนี้

การแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อลบล้างอาชญากรรมที่ญาติ พรรคพวก เพื่อนฝูงของพวกเขาก่อไว้ ก็คงเป็นวิธีการบริหารแบบใหม่ของรัฐบาลนี้อีกเช่นเดียวกัน

ม่านมายาภาพแห่งความสวยสดงดงามของผู้นำรัฐบาล เสียงส่วนใหญ่ในสภาผู้แทนราษฎรจากชัยชนะในการเลือกตั้งอันเต็มไปด้วย “เทคนิคการหาเสียง” และการทุจริต อันเป็นสิ่งที่พวกเขาอ้างสิทธิความชอบธรรมในการครองอำนาจ กำลังจะถูกเปิดออกมาอย่างรวดเร็ว

เพียงไม่กี่เพลา อำนาจที่พวกเขาถือครองอยู่ก็กลายเป็นตัวทำละลายสลายเปลือกนอกอันเป็นมายาภาพที่พวกเขาปกคลุมเอาไว้ สัญชาติญาณดิบอันเป็นจิตเดิมแท้ของพวกเขาก็ปรากฏออกมา
 
เราจึงเห็นการกระทำที่เกิดจากธาตุดั้งเดิมของพวกเขา เห็นถึงความกระเหี้ยนกระหือรือในการกระทำตามแรงปรารถนาที่ซ่อนเร้นอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการปกป้องและการอำนวยความสะดวกแก่เจ้านายของพวกเขา การทำให้เจ้านายของเขาเป็นสิ่งที่แตะต้องไม่ได้ซึ่งเป็นรากฐานความเชื่อของพวกเขาเกี่ยวกับลัทธิทักษิณมหาราษฎร์ การใช้อำนาจในการแต่งตั้งพวกพ้องจำนวนมากซึ่งเป็นผู้ต้องหาคดีก่อการร้ายและคดีหมิ่นสถาบันอันเป็นที่เคารพของคนไทยให้เป็นใหญ่ในบ้านเมือง การบีบบังคับข้าราชการที่ไม่ยอมรับใช้ให้พ้นเส้นทางเพื่อเอาญาติของเจ้านายเขามานั่งในตำแหน่งแทน และการข่มขู่คุกคามสื่อมวลชนและผู้คนที่ไม่เห็นด้วยกับพวกเขา

สิ่งเหล่านี้คือโลกทัศน์และการบริหารแนวใหม่ที่รัฐบาลได้ทำไปแล้ว และจะกระทำในแนวทางเช่นนี้ต่อๆไปในอีกหลายเรื่อง และผมขอตบท้ายด้วยประโยคของนักเขียนนิรนามในอดีตผู้หนึ่งเกี่ยวกับสภาพของบ้านเมืองว่า

“เมื่อเหล่าสัมภเวสีผู้กระหายอำนาจครองเมือง ความป่าเถื่อนก็จะได้รับการยกย่องบูชา ความหยาบช้าจะกลายเป็นความดี ภูตผีจะมีหน้ามีตา ทว่าแผ่นฟ้าจะร่ำไห้”
กำลังโหลดความคิดเห็น