กมธ.สิทธิฯวุฒิสภา เชิญนักข่าวช่อง 7 สอบกรณีอีเมลแดงคุกคามสื่อ 8 ก.ย. ประธาน กมธ.ชี้ รัฐเฉยปรามส่อรู้เห็นเป็นใจหรือไม่ สับ “เฉลิม” ให้ท้าย ส่อปรองดองยาก แฉทีวีบางช่องจุ้นเบรกด่า “นช.แม้ว” ด้านเจ้าตัวพร้อมให้ข้อมูล เมินเผชิญหน้ามือส่งเมล หวั่นถูกขยายผลยั่วยุ แต่ลั่นเอาเรื่องจนถึงที่สุด โยนชาวบ้านตัดสินคำพูดรองนายกฯ แต่เชื่อหากมีคำว่า “ปื๊ด” นำหน้า “จัดให้” คงพูดอีกอย่าง
วันนี้ (2 ก.ย.) ที่รัฐสภา มีรายงานว่า คณะกรรมาธิการสิทธิมนุษยชน สิทธิเสรีภาพ และการคุ้มครองผู้บริโภค วุฒิสภา ที่มี นายสมชาย แสวงการ เป็นประธานได้ส่งหนังสือเชิญ น.ส.สมจิตต์ นวเครือสุนทร ผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 เข้าร่วมประชุมกรรมาธิการ ในวันที่ 8 กันยายน เวลา 14.00 น.ในหนังสือมีเนื้อหาระบุว่า คณะกรรมาธิการตระหนักถึงความสำคัญในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากเป็นประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการคุกคามสิทธิและเสรีภาพการทำหน้าที่ของสื่อมวลชนในการเสาะแสวงหาและนำเสนอข้อเท็จจริง รวมทั้งเป็นกระบอกเสียงแทนประชาชน จึงเชิญ น.ส.สมจิตต์ เข้าร่วมประชุมเพื่อให้ข้อมูลและข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวต่อกรรมาธิการฯตามวันและเวลาดังกล่าว
นายสมชาย กล่าวว่า กรณีนี้เป็นประเด็นคุกคามสื่อมวลชน เพราะเป็นการทำหน้าที่ตามปกติในการสอบถามแหล่งข่าวตาม รธน.ที่ให้สิทธิประชาชนในการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร และสื่อมวลชนในการค้นหาความจริง อีกทั้งคำถามที่ น.ส.สมจิตต์ ถามนายกรัฐมนตรีเป็นคำถามทั่วไปที่สังคมสงสัย ถือเป็นการตั้งคำถามแทนประชาชน ซึ่งนายกฯมีสิทธิ์ตอบหรือไม่ตอบก็ได้ และคำถามนั้นก็ไม่ได้เป็นคำถามเกินเลยกว่าที่สามัญชนทั่วไปจะสงสัย ว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็นการเอื้อประโยชน์ที่เกี่ยวข้องกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พี่ชายนายกรัฐมนตรีหรือไม่ การเลี่ยงหนีเป็นวิธีหนึ่ง แต่ต้องไม่ใช้ช่องทางส่งถึงกันเป็นสัญลักษณ์ในเชิงข่มขู่คนทำหนาที่สื่อสารมวลชน การที่นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลไม่ได้มีการปรามในเรื่องนี้เป็นสิ่งที่หมิ่นเหม่ต่อการรู้เห็นเป็นใจให้มีการคุกคามสื่อหรือไม่
นายสมชาย กล่าวว่า การที่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกฯ แถลงต่อที่ประชุมสภาในลักษณะปกป้องคนที่คุกคามสื่อ ว่าอ่านพจนานุกรมไม่พบว่าคำว่า “จัดให้” จะเป็นการคุกคามแต่อย่างใด จะยิ่งทำให้เกิดการคุกคามมากขึ้น เพราะแทนทึ่จะมีการปรามกลุ่มคนที่สนับสนุนตัวเอง รัฐบาลกลับไม่ทำแต่ทำเหมือนให้ท้าย กรรมาธิการเห็นว่า น่าจะหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาเพื่อเทียบเคียงศึกษาตรวจสอบข้อเท็จจริงเพื่อดูว่ามีกรณีอื่นๆ ที่เกิดการคุกคามเช่นนี้หรือไม่ เพราะทราบว่า นสพ.หลายฉบับปลดคนของตัวเองออก สถานีโทรทัศน์หลายช่องควบคุมเนื้อหารายการไม่ให้เอ่ยถึงอดีตนายกรัฐมนตรีในทางลบ ซึ่งในเรื่องนี้ หากพบว่าเกี่ยวข้องกับหน่วยงานใด ก็อาจมีการทำเรื่องถึงประธานวุฒิสภาทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเพื่อให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลต่อกรรมาธิการด้วย
“ผมทราบมาว่า สถานีโทรทัศน์บางแห่งไม่ให้รายการที่มีความเห็นต่างจากรัฐบาลออกอากาศ บางสถานีของเคเบิ้ลทีวีมีการประชุมผู้จัดรายการให้งดเว้นการพูดถึง พ.ต.ท.ทักษิณ อดีตนายกฯในทางเสียหายด้วย” นายสมชาย กล่าว
นายสมชาย ยังตำหนิ ร.ต.อ.เฉลิม ที่ออกมาปกป้องคนเสื้อแดงว่าไม่คุกคามสื่อ ว่า เป็นการสรุปที่เร็วเกินไป ซึ่งก็ไม่มั่นใจว่า จะเป็นเพราะต้องการใช้คนเสื้อแดงเป็นฐานในการปกป้องอำนาจรัฐหรือไม่ ถ้าเป็นเช่นนั้นก็จะทำให้เจตนารมย์ของรัฐบาลที่จะแก้ไขไม่แก้แค้น รวมถึงการที่บอกจะส่งสัญญาณปรองดองคงทำได้ยากขึ้น เพราะมีลักษณะแตะต้องไม่ได้ ปกป้องนายกรัฐมนตรีเหมือนไข่ในหินเกินไป เป็นปรากฏการณ์สะท้อนว่าโอกาสปรองดองสมานฉันท์เกิดขึ้นได้ยากในสังคมไทย
ด้าน น.ส.สมจิตต์ กล่าวว่า ได้รับหนังสือเชิญจากกรรมาธิการแล้วและพร้อมที่จะเข้าให้ข้อมูลตามวันและเวลาดังกล่าว ซึ่งในวันที่ 8 กันยายน เวลา 10.00 น.ตำรวจก็ได้ออกหมายเรียกให้ น.ส.พรทิพย์ เดินทางไปรับทราบข้อกล่าวหาที่ สน.ดุสิตด้วย แต่ตนคงไม่เดินทางไปที่ สน.ดุสิต เพราะได้รับคำแนะนำจากผู้มีความรู้ด้านกฎหมาย ว่า เป็นหน้าที่ของตำรวจที่จะต้องดำเนินการ หาก น.ส.พรทิพย์ แจ้งความกลับตามที่เคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ ค่อยไปรับทราบข้อกล่าวหาจากทางตำรวจ อีกเหตุผลหนึ่งที่ตัดสินใจไม่ไป สน.ดุสิต เป็นเพราะในขณะนี้มีการบิดเบือนข้อเท็จจริงกล่าวหาว่า ตนมีเจตนายั่วยุ ดังนั้น หากเดินทางไปเผชิญหน้ากับ น.ส.พรทิพย์ ก็จะถูกนำไปขยายผลอีก ทั้งๆ ที่การแจ้งความของตนเป็นเพียงการรักษาสิทธิตามกฎหมาย เช่นเดียวกับ น.ส.พรทิพย์ หากคิดว่าตัวเองเป็นผู้เสียหายก็สามารถแจ้งความได้เช่นเดียวกัน ส่วนการถูกผิดเป็นหน้าที่ของศาลจะเป็นผู้วินิจฉัย ซึ่งยังยืนยันว่าจะดำเนินคดีจนถึงที่สุด
ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดอย่างไรที่ ร.ต.อ.เฉลิม ระบุว่า คำว่าจัดให้ไม่ถือเป็นความผิดตามกฎหมาย น.ส.สมจิตต์ กล่าวว่า ผิดหรือไม่ศาลจะเป็นผู้ตัดสิน เช่นเดียวกับคำพูดของร.ต.อ.เฉลิม ที่ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินว่าท่านได้ทำให้ประชาชนรู้สึกอุ่นใจต่อการดูแลความปลอดภัยให้กับคนไทยหรือยังผ่านเหตุการณ์นี้ โดยเห็นว่า หากคำว่า “จัดให้” มีคำว่า “ปื๊ด” นำหน้า ร.ต.อ.เฉลิม อาจจะมีความเห็นเป็นอีกอย่างหนึ่งก็ได้