xs
xsm
sm
md
lg

"ประสาร"เล็งถกบอร์ด ย้ำใช้ทุนสำรองต้องระวัง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยภายในงานสัมมนาประจำปีครั้งที่10 ของบริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ภายใต้หัวข้อ "ความเสี่ยงของเศรษฐกิจโลกและแนวโน้มเศรษฐกิจประเทศไทย "ว่า ธปท.พร้อมจะนำโจทย์ทั้ง 4 ข้อจากการหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้ไปศึกษาต่อโดยจะนำโจทย์ดังกล่าวไปปรึกษาหารือกับคณะกรรมการชุดต่างๆ ที่ทำหน้าที่แต่ละเรื่องตามที่กฎหมายของธปท.กำหนดไว้ ก่อนที่จะนำความเห็นส่งให้กระทรวงการคลังพิจารณาต่อไป
โดยโจทย์ที่คลังให้มาในเรื่องการบริหารเงินสำรองทางการระหว่างประเทศและการแก้ไขปัญหาหนี้สินกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (กองทุนฟื้นฟูฯ) จะต้องหารือกับคณะกรรมการธปท. (กกธ.) ซึ่งจะมีการประชุมนัดต่อไปช่วงปลายเดือน ก.ย.นี้ ส่วนในเรื่องกรอบเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อที่ใช้ในการกำหนดนโยบายการเงินก็จะไม่มีการประชุมนัดพิเศษ แต่จะขอความคิดเห็นของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ในการประชุมปกติรอบถัดไปวันที่ 19 ต.ค.นี้ รวมไปถึงเรื่องารกำกับดูแลตั๋วแลกเงิน (บี/อี) เป็นเรื่องของมุมมอง แต่เรื่องนี้ต้องหารือกับคณะกรรมการนโยบายสถาบันการเงิน(กนส.) เช่นกัน
"คลังไม่ได้เป็นการแทรกแซงการทำงานของ ธปท. เป็นเรื่องธรรมดาที่ทุกคนต่างหวังดีที่สุดกับประเทศ ส่วน ธปท.ต้องผ่านขั้นตอนและระบบตามกฎหมายกำหนดไว้ ฯ ฉะนั้น ธปท.ไม่ได้หนักใจกับเรื่องเหล่านี้ หลักสำคัญจะดูว่าอะไรที่เป็นประโยชน์มากที่สุดต่อประเทศไทย "

**ในเงินสำรองฯ มีทั้งสินทรัพย์-หนี้สิน**
ผู้ว่าการธปท.กล่าวว่า การนำเงินสำรองระหว่างประเทศบางส่วนไปจัดตั้งเป็นกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติต้องพิจารณาให้รอบคอบ เพราะปัจจุบันเงินสำรองฯ ส่วนใหญ่เกิดจากเงินไหลเข้าของนักลงทุนต่างชาติที่มีการลงทุนในไทยรูปแบบต่างๆ ซึ่งเม็ดเงินเหล่านี้เปรียบเป็นเจ้าหนี้ต่างประเทศ และธปท.มีหน้าที่ดูแลเสถียรภาพระหว่างประเทศ โดยหากเกิดเหตุการณ์ฉุกเฉิน นักลงทุนต่างชาติถอนเงินออกไปและไทยมีเงินให้ไม่เพียงพอก็จะกระทบต่อเสถียรภาพประเทศได้เหมือนกับวิกฤตเศรษฐกิจปี 40 จึงต่างกับบางประเทศ เช่น ประเทศนอร์เวย์ที่มีบ่อน้ำมันและมีการส่งออกไป ทำให้เป็นเจ้าของเงินที่ได้กลับมาทั้งหมด อีกทั้งปัจจุบันไทยมีหนี้ต่างประเทศถึงกว่าแสนล้านบาทแล้ว ทำให้ไทยมีทั้งในส่วนของสินทรัพย์และหนี้สินรวมอยู่ในทุนสำรองฯ ซึ่งหากนำทุนสำรองไปใช้ก็ต้องนำสินทรัพย์และหนี้สินไปด้วย
สำหรับกรณีที่ว่าบางฝ่ายมองว่าจริงๆ ธปท.มีกำไร แต่ที่ขาดทุนเกิดจากการตีราคาทางบัญชี ทำให้ไม่สามารถนำเงินส่งคลังได้นั้น ผู้ว่าการธปท.กล่าวว่า การกำไรหรือขาดทุนทางบัญชี นอกจากคิดจากการดำเนินงานของธปท.แล้ว เกิดจากการตีมูลค่าทรัพย์สินทางบัญชีด้วย ซึ่งการทำหน้าที่ของธปท.ต่างกับธุรกิจทั่วไป แม้จะถือสินทรัพย์ต่างประเทศมาก
แต่สกุลเงินสำคัญอ่อนค่าลงในระยะหลัง ซึ่งธปท.ก็พยายามบริหารเงินสำรองด้วยการกระจายไปลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ มากขึ้น ทำให้นับตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน สกุลเงินบาทเทียบกับเงินดอลลาร์ก็เสมอตัวหรือขาดทุนไม่มากนัก ส่วนช่วงที่เหลือของปีนี้ก็เป็นอย่างไรเป็นเรื่องที่คาดเดาได้ยาก

**คาดปีนี้เงินเฟ้อพื้นฐานไม่เกิน3%**
นายประสาร กล่าวถึงโจทย์ที่คลังให้ธปท.ไปทบทวนกรอบเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานให้แคบลงว่า ธปท.มองว่ากรอบเงินเฟ้อที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ที่ระดับ 0.5-3% ถือว่ายืดหยุ่นพอสมควร และการดำเนินนโยบายการเงินไม่ควรขยับขึ้นๆ ลงๆ แบบถี่เกินไป เพราะจะมีผลให้ตลาดการเงินขาดเสถียรภาพและส่งผลให้นักธุรกิจ ผู้ออมเงินวางแผนการลงทุนได้ยาก
อีกทั้งหากทางการมองอัตราเงินเฟ้อเกิน 3% ทำให้แรงคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อยิ่งสูงขึ้นอีก
อย่างไรก็ตาม ธปท.มองว่าในสิ้นปีนี้ อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานยังอยู่ภายในกรอบเป้าหมายนโยบายการเงินอยู่ จากเดิมที่มองว่าจากทะลุกรอบในช่วงไตรมาส 3-4 ของปีนี้ เนื่องจากขณะนี้แรงกดดันด้านอุปสงค์ของกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมหลัก (G3) ลดลง เพราะเศรษฐกิจประเทศเหล่านี้ชะลอตัวและยังฟื้นตัวชัดเจนนัก รวมไปถึงผลจากมาตรการลดราคาน้ำมันของภาครัฐ
กำลังโหลดความคิดเห็น