xs
xsm
sm
md
lg

"วิเชียร"โยนผ้าแฉถูกบีบให้ออก เสี่ยอ่างคราง!ปัดรับงานเพื่อไทย

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


"วิเชียร" ถอดใจ แฉมีความพยายามบีบให้ลาออก ตั้งแง่หากไปต้องมีศักดิ์ศรี ฝากผู้มีอำนาจต้องมีคุณธรรม จึงจะอยู่ได้อย่างยั่งยืน "ยิ่งลักษณ์" ปัดไม่ได้บีบหรอกค่ะ"เหลิม"แหลไม่ใช่หมอนวด เลียอีก "เพรียวพันธ์" เก่งปราบยา "มาร์ค" ยุ "วิเชียร" เปิดโปงให้ชัด "ชูวิทย์" บีบน้ำตา น้อยใจปัดรับงานเพื่อไทย โพลชี้ ตร. "รักพี่เสียดายน้อง" หนุน "เพรียวพันธ์" ผบ.ตร. แต่ "วิเชียร" ก็เหมาะสม

วานนี้ (31 ส.ค.) เวลา 10.00 น.ที่กองบัญชาการปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.เป็นประธานเปิดการประชุมเรื่อง“การประชุมเป้าหมายนักค้ายาเสพติดรายสำคัญ และนักค้ายาเสพติดข้ามชาติ”ระหว่าง บช.ปส. กับ สำนักงานปราบปรามยาเสพติดสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย ท่ามกลางกระแสข่าวกดดันให้หลุดจากตำแหน่ง ผบ.ตร.

ภายหลังการเปิดประชุม พล.ต.อ.วิเชียร ตอบคำถามผู้สื่อข่าว ถึงเรื่องที่จะถูกโยกย้ายจากตำแหน่ง ผบ.ตร.ให้ไปเป็นปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของการเสียสละเพื่อส่วนรวม และขึ้นอยู่กับผู้บังคับบัญชา หากผู้บังคับบัญชาเห็นสมควรว่าต้องไป หรือไม่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้ก็ยินดีที่จะไป แต่ต้องไปอย่างถูกต้องสมเหตุสมผล ไปอย่างมีเกียรติมีศักดิ์ศรี ตนทำงานปกป้องคนดีกำจัดคนชั่ว ดังนั้น ผู้มีอำนาจต้องใช้อำนาจด้วยความเป็นธรรม เพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวม เพื่อประเทศชาติ ใครทำผิดก็ว่าไปตามผิด ไม่ใช่การเหมารวมทั้งหมด ไม่เช่นนั้น จะเป็นการทำลายองค์กรตำรวจ ซึ่งเป็นองค์กรผดุงความยุติธรรมมาอย่างช้านาน

"องค์กรตำรวจควรต้องถนอมรักษาเอาไว้ เพื่อศรัทธาของประชาชน ถ้าถูกทำลายลงแล้วจะอยู่อย่างยั่งยืนได้อย่างไร จึงขอฝากผู้มีอำนาจให้ใช้คุณธรรม เพื่อรักษาองค์กรและศรัทธาประชาชน หากเห็นผมไม่เหมาะ ก็จะไป แต่ยังไม่รู้ว่าผมเองเหมาะกับตำแหน่งอะไร"ผบ.ตร. กล่าว

เมื่อถามต่อว่า คิดเห็นอย่างไรกับการถูกโยกย้าย พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่มีคำสั่งโยกย้าย แต่การไปสร้างเรื่องราวเหมารวมจะทำให้ตำรวจที่ตั้งหน้าตั้งตาทำงานเสียหายไปด้วย เพราะพวกเขามีความตั้งใจทำงานกัน เรามีหน้าที่ดูแลความสงบเรียบร้อย ในช่วงเวลา 1-2 ปีที่ผ่านมา คิดว่าตนเองได้กู้ชื่อเสียงองค์กรและศรัทธาจากประชาชนกลับมาได้ในระดับหนึ่ง ส่วนเรื่องตำแหน่งปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวอย่าเพิ่งไปพูดถึงตอนนี้ แต่ถ้าเห็นว่าเหมาะสมก็จะไป ซึ่งจุดไหนที่ไปแล้วเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ ประชาชน และพระมหากษัตริย์ ก็พร้อมจะทำหน้าที่

**ผบ.ตร.ยอมรับถูกบีบให้ออก**

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า คิดว่ามีขบวนการทำให้องค์กรตำรวจบอบช้ำ เพื่อบีบให้เปลี่ยนตัว ผบ.ตร.คนใหม่ ใช่หรือไม่ พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวเพียงสั้นๆว่า ใช่ครับ เมื่อถามต่อว่า แล้วอยากฝากอะไรกับ ผบ.ตร.คนใหม่ พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าใครจะมาเป็น ผบ.ตร.คนใหม่ ซึ่งใครก็มาได้ รอง ผบ.ตร.ที่เหมาะสมก็มาได้ทุกคน แต่การไปทำลายองค์กรนั้นมันไม่ดี จะทำอะไรก็ขอให้นึกถึงส่วนรวม อยากฝากเรื่องคุณธรรมไว้เป็นหลัก และถ้าตนจะไปก็ต้องไปอย่างมีศักดิ์ศรี

พล.ต.อ.วิเชียร ยังกล่าวถึงผลสรุปการสอบสวนเรื่องบ่อนย่านรัชดาว่า การสืบสวนยังไม่เสร็จสิ้น ต้องมีการสืบสวนอีกว่ามีการปล่อยปละละเลยหรือไม่อย่างไร ตรงนี้จเรตำรวจยังต้องสืบสวนต่อ หากพบมีการปล่อยปละละเลยจริงก็ต้องมีการสอบต่อไปอีกว่ามีการรับเงินด้วยหรือไม่ ขณะนี้เรื่องก็ได้ส่งให้ทางกองวินัยเข้ามาช่วยตรวจสอบ และขุดคุ้ยว่ามีการรับเงินด้วยหรือไม่ พร้อมทั้งดูเรื่องการลงโทษด้วย ในเบื้องต้นหากจะมีการลงโทษก็คงจะเป็นเรื่องของการปล่อยปละละเลยซึ่งยังไม่ใช่โทษร้ายแรง แต่ตอนนี้ยังไม่ได้เซ็นคำสั่งใดๆ ทั้งสิ้น เพราะยังต้องมีการสืบสวนต่ออีก

ผู้สื่อข่าวถามว่า คิดว่าหากมีการเปลี่ยนตัว ผบ.ตร.คนใหม่แล้ว เรื่องบ่อนจะมีการสอบสวนต่อไปหรือไม่ พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า ตรงนี้มันมีกฎเกณฑ์ มีกฎหมายของมันอยู่แล้ว ทุกอย่างก็เป็นไปตามกระบวนการ แล้วก็ยังไม่รู้ด้วยว่าใครจะได้มาเป็น ผบ.ตร.คนใหม่

**"ยิ่งลักษณ์"ปัดไม่ได้บีบ"วิเชียร"**
 

ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการโยกย้ายข้าราชการตำรวจว่าแล้วแต่ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ที่รับผิดชอบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.ออกมาระบุว่า ถูกบีบให้พ้นจากตำแหน่ง ผบ.ตร.นั้น ไม่มีหรอกคะ ไม่ได้บีบหรอกคะ ท่านก็ทำงานในส่วนของท่าน เมื่อวานเราก็คุยในเรื่องของนโยบายมากกว่าไม่ได้คุยเรื่องตัวบุคคลเลย

*"เหลิม"ไม่ใช่หมอนวดบีบ"วิเชียร"**
 

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ พล.ต.อ.วิเชียร ระบุมีการบีบให้ออกจากตำแหน่งว่า ท่านเมื่อยเมื่อไหร่ ถึงมีคนบีบ ไม่มีหรอก คนจะบีบ ท่านต้องเป็นขี้เมื่อย เมื่อถามย้ำว่า ตกลงมีการบีบจริงหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า “อ๋อผมไม่ใช่หมอนวด”เมื่อถามว่า จะจัดกรมตำรวจให้คนกับงานเหมาะสมกัน ทำให้ตำรวจกลับมารับใช้คนเหมือนเดิม ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า แน่นอน จริงจัง วันศุกร์นี้จะไปตรวจเยี่ยมกองบัญชาตำรวจตระเวนชายแดน จะไปเอากำลังตำรวจตระเวนชายแดนที่มีจำนวนมาก เพื่อเอามาเสริมตำรวจภูธร เรื่องการแก้ไขปัญหายาเสพติด มาเสริมนครบาลในเรื่องป้องกันปราบปรามปัญหายาเสพติด

**เลีย"เพรียวพันธ์"เก่งปราบยา**
 

เมื่อถามว่า พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รองผบ.ตร.และพี่ชายคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร จะขึ้นเป็น ผบ.ตร.เลยหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ทราบ อาจเป็น พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ ซึ่งตนไม่รู้ใจนายกฯ หลายคนเข้าใจผิดในเรื่อง คณะกรรมการตำรวจแห่งชาติ (ก.ตช.)กฎหมายเขียนว่า นายกฯเป็นประธานโดยตำแหน่ง ห้ามมอบหมายบุคคลอื่นทำหน้าที่แทน แต่คณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) นายกฯมอบหมายได้ให้รองนายกฯคนหนึ่งคนใด แต่ต้องมีหนังสือเฉพาะราย และการย้าย ผบ.ตร.โดยไม่ยินยอม สามารถย้ายมาช่วยราชการได้ แต่งตั้งคนรักษาการ หากย้ายโดยยินยอมก็แต่งตั้ง ผบ.ตร.คนใหม่ ซึ่งต้องเข้า ก.ตช.โดยนายกฯเป็นประธานรองนายกฯไม่เกี่ยว

ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวต่อว่า วันนี้เป็นข่าวดีของสังคมไทย แต่เป็นข่าวร้ายของพวกค้ายาเสพติด เมื่อ 2 วันที่ผ่านมา ตนได้เชิญ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ มาปรึกษา ซึ่ง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ได้เบาะแสการค้ายาของคนไทยและมาเลเซีย จึงส่ง พล.ต.ต.หาญพล นิตย์วิบูลย์ รองผบช.ปส.ไปจับคนร้ายได้ที่ด่านสะเดา จ.สงขลา ได้ยาไอซ์ 45 กก.ซึ่งเรียนแล้วว่า พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ เก่งเรื่องปราบปรามยาเสพติด และปราบอาชญากรรมต้อง พล.ต.อ.ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา รอง ผบ.ตร.

**"มาร์ค"หนุน"วิเชียร"เปิดโปง**
 

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่าที่หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวกรณี พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.ออกมาระบุว่ามีความพยายามบีบให้พ้นจากตำแหน่งว่าก็ต้องให้พล.ต.อ.วิเชียร เปิดเผยออกมา ยืนยันว่าการโยกย้ายแต่งตั้ง จะเป็นเรื่องนโยบาย หรือเรื่องความบกพร่องก็ขอให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างโปร่งใส อย่าเอาความต้องการทางการเมืองเป็นตัวตั้ง ตนคิดว่าสิ่งที่ประชาชนอยากเห็นคือความตรงไปตรงมา และรัฐบาลเองก็ต้องชัดเจนว่าตกลงแล้วปัญหาที่เกิดขึ้น อาทิ เรื่องบ่อนการพนันนี้เกี่ยวข้องอะไรกับใครแค่ไหน ใครผิดก็ต้องลงโทษ แต่ถ้าไม่เกี่ยวก็คือไม่เกี่ยว การบริหารจัดการก็ว่ากันไปตามเหตุผล ส่วนกรณีมีความพยายามจะใช้เรื่องบ่อนการพนันเป็นต้นเหตุของการบีบให้พล.ต.อ.วิเชียร ลาออกจากตำแหน่งนั้น หาก พล.ต.อ.วิเชียร ไม่เกี่ยวข้องก็ต้องยืดหยัด ทั้งนี้การจะแต่งตั้งพล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.เพื่อให้มาดำรงตำแหน่งแทนนั้น อยู่ที่ความมีเหตุมีผล และถ้าจะอ้างถึงการคืนความเป็นธรรมนั้น ก็คงจะย้อนกันไปไม่จบ เพราะเมื่อครั้งที่พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ขึ้นมา ก็มีคนที่ระบุว่าไมได้รับความเป็นธรรมเหมือนกัน

"ผมอยากจะย้ำให้ชัดว่าการแต่งตั้งโยกย้าย เหตุผลมันต้องไม่ใช่เรื่องเครือญาติ ต้องมีเหตุมีผลรองรับได้ และถ้ามาจริงก้ต้องได้รับถูกจับตาเป็นพิเศษอยู่แล้ว สังคมเองก็ต้องตรวจสอบ"

**ยันแตกต่างกับย้าย"พัชรวาท"**
 

ถามถึงกรณีที่ ร.ต.อ.เฉลิมระบุในช่วงรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ มีการโยกย้าย พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ เช่นเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนั้นมีมูลเหตุชัดเจน โดยมีการสอบสวนและรัฐบาลไม่ได้ทำกันเอง ส่วนการสั่งให้ไปช่วยราชการในภาคใต้โดยมีการตั้งรักษาราชการแทน ผบ.ตร.นั้น เป็นการพูดคุยชัดเจน และไม่เป็นปัญหาอะไร ที่แตกต่างจากกรณีนี้ เพราะขณะนี้มีความพยายามบอกว่าจะลงโทษแต่ยังไม่มีการเปิดเผยความผิดว่าเป็นอย่างไร
 
เมื่อถามว่าการที่นำเอาเรื่องบ่อนและยาเสพติดมาเกี่ยวข้องเป็นการผิดสังเกตหรือไม่ ทั้งที่ พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ก็รับผิดชอบในส่วนนี้อยู่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็ต้องให้สังคมเข้าไปตรวจสอบ และดูข้อเท็จจริง

**"เสี่ยอ่าง" น้อยใจ ปัดรับงานเพื่อไทย**
 

นายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรครักประเทศไทย กล่าวถึงกรณีการเปิดเผยบ่อนรัชดานั้นเป็นการรับลูกของรัฐบาล เพื่อมีการโยกย้ายตำแหน่ง ผบ.ตร ว่าตนมีเกียรติมีศักดิ์ศรี และการกระทำนั้นเพื่อประโยชน์ของสังคมที่เปิดเผยโจรในรูปแบบ และก็เป็นการเปิดเผยแบบเย้ยฟ้าท้าดิน ซึ่งเรื่องดังกล่าวนี้สามารถตรวจสอบได้ ตั้งแต่หลังการเลือกตั้งมา ตนก็ไม่เคยได้ปินไวท์กับ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัมนตรี หรือแม้กระทั่งพูดคุยทางโทรศัพท์กับใคร ขณะที่การทำงานของตนที่เป็นพรรคเล็กก็ทำงานได้ยากลำบาก เพราะฉะนั้นกรุณาอย่าผลักพวกตนไปอยู่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ทั้งนี้ยืนยันว่าจะทำงานเพื่อประชาชน แม้จะถูกข่มขู่ แต่ไม่กลัว ซึ่งแตกต่างจากนักการเมืองคนอื่น ที่ทุกคนมุ่งแต่เรื่องการเมือง แต่ประเทศชาติไม่ได้อะไร จึงอยากให้สังคมให้ความเป็นธรรมแก่ตน
เมื่อถามว่า หากมีการย้าย ผบ.ตร.แต่ไม่ย้ายตำแหน่งอื่น ๆ จะถูกมองว่าเป็นเกมการเมืองหรือไม่ นายชูวิทย์ กล่าวว่า ตนอาจจะผิดหวัง แต่ที่ผ่านมาตนไม่เคยต้องการให้มีการย้าย ผบ.ตร.แต่ต้องการให้ตำรวจปรับปรุงการทำงาน เมื่อถามต่อว่าหาก พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติถูกย้ายมาเป็น ผบ.ตร.จะเหมาะสมกับงานปรายบอบายมุขหรือไม่ ตนไม่ทราบว่า พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ มีคุณสมบัติหรือไม่ แต่ถ้าหากยังมีบ่อนเปิดอยู่อีก ตนก็จะออกมาพูดอีก ซึ่งถ้าตนไม่ออกมาพูด ก็สามารถมาต่อว่าตนได้ อย่างไรก็ตามตนก็ขอร้องว่าอย่าผลักตนไปอยู่กับพรรคเพื่อไทยเลย

**โพลล์พบ ตร."รักพี่เสียดายน้อง"**
 

นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัยเอแบคโพลล์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจแบบเรียลไทม์โพล เรื่องเสียงสะท้อนของนายตำรวจต่อกระแสข่าวตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยสำรวจข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร ระดับผู้กำกับ และรองผู้กำกับ ผู้ปฏิบัติหน้าที่ระดับสถานีตำรวจทั่วประเทศ 512 นาย

ผลสำรวจพบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 62.7 เห็นด้วยต่อข่าว พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ในตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.) ในขณะที่ร้อยละ 37.3 ไม่เห็นด้วย และเมื่อถามถึงกระแสข่าวเกี่ยวกับตำแหน่ง ผบ.ตร.เป็นเรื่องความเหมาะสมตามระบบคุณธรรม หรือ ระบบอุปถัมภ์ พบว่า ร้อยละ 47.9 คิดว่า เหมาะสมตามระบบคุณธรรม ในขณะที่ร้อยละ 31.6 คิดว่าเป็นระบบอุปถัมภ์ อย่างไรก็ตาม ร้อยละ 20.5 คิดว่า เป็นทั้งความเหมาะสมตามระบบคุณธรรม และอุปถัมภ์

อย่างไรก็ตาม เมื่อสัมภาษณ์เชิงลึกด้วยการวิจัยเชิงคุณภาพ พบว่า นายตำรวจส่วนใหญ่ยังเห็นว่า พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร.เป็นผู้ที่มีความเหมาะสมเช่นกัน มุ่งมั่นทำงาน มีความประนีประนอมสูง ช่วยเชื่อมประสานความรักความสามัคคีของสังคมตำรวจ และใส่ใจดูแลสวัสดิการตำรวจชั้นผู้น้อยพอสมควร

แต่ที่น่าพิจารณาคือ ตัวอย่างผู้กำกับสถานีตำรวจและรองผู้กำกับที่ถูกศึกษา เกินครึ่งหรือร้อยละ 54.5 เห็นว่าจะเป็นปัญหาขัดแย้งรุนแรง ถ้าหากมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในขณะที่ร้อยละ 45.5 ไม่คิดว่าจะเป็นปัญหา

ส่วนข้อเสนอแนะต่อรัฐบาลในการปรับปรุงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พบว่า เกือบร้อยละร้อยหรือร้อยละ 98.3 ระบุให้เพิ่มเงินเดือน รายได้ ค่าครองชีพ รองลงมาคือร้อยละ 87.4 ระบุแต่งตั้งโยกย้ายให้เป็นธรรม ใช้ระบบคุณธรรมพิจารณา ขจัดปัญหาซื้อขายตำแหน่ง ร้อยละ 80.6 สร้างความสามัคคีในสังคมตำรวจ ร้อยละ 78.8 เพิ่มงบประมาณให้เหมาะสม ร้อยละ 74.5 แก้ไขกฎหมายให้ตำรวจทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ร้อยละ 68.3 ปรับปรุงบ้านพักตำรวจให้น่าอยู่ ร้อยละ 62.5 เพิ่มกำลังพลให้เหมาะสมกับประชากรและปริมาณงาน ร้อยละ 61.4 ส่งเสริมอบรมให้ความรู้ด้านกฎหมายแก่ตำรวจชั้นผู้น้อย ร้อยละ 60.6 จัดวัสดุอุปกรณ์ อาวุธปืน เทคโนโลยีให้ทันสมัย และร้อยละ 34.7 ระบุอื่นๆ เช่น ให้ความสำคัญกับวิชาชีพตำรวจ แยกงานไม่เกี่ยวกับตำรวจออกไป และเรื่องสิทธิของตำรวจ

นายนพดล กล่าวว่า ผลสำรวจชี้ให้เห็นว่าข้าราชการตำรวจระดับผู้กำกับและรองผู้กำกับสถานีตำรวจที่ถูกศึกษาส่วนใหญ่เห็นด้วยกับกระแสข่าว พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ในตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ แต่เป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนต่อสังคมตำรวจและสาธารณชนทั่วไป เนื่องจากมีการมองกันไปได้ทั้งในเรื่องของระบบคุณธรรมและระบบอุปถัมภ์เช่นกัน

ดังนั้น รัฐบาลต้องคำนึงถึงหลักเหตุและผลอันเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางที่น่าจะช่วยทำให้สถานการณ์ในช่วงจุดเปลี่ยนของประเทศผ่านพ้นไปได้ แต่ให้ระวัง"พลังของคนชั้นกลาง" ที่มีลักษณะบางอย่างเฉพาะตัวแบบคาดไม่ถึง หากถึงจุดหนึ่งที่พวกเขาทนกันไม่ไหว พลังเหลืองคืนชีพ ความขัดแย้งแบบ "อคติระหว่างสองนครา" เกิดขึ้น บ้านเมืองก็จะอยู่ลำบาก แนวทางที่ประเทศมีนายกรัฐมนตรีหญิงในความคาดหวังของสาธารณชนเรื่อง ความประนีประนอม ยึดโยงความเป็นหนึ่งของคนในสังคมจึง “อาจ” เป็นทางออกได้.
กำลังโหลดความคิดเห็น