นครบาลสนองนโยบาย “เหลิม” กวดขันบ่อน-สถานบันเทิงเกินเวลา

ตำรวจสนองนโยบายรองนายกรัฐมนตรีเฉลิมทันควัน สั่งกวดขันการลักลอบเล่นการพนัน สถานบริการเปิดเกินเวลา พร้อมกำชับผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้น ห้ามซื้อขายตำแหน่งเด็ดขาด



วันนี้ (30 ส.ค.) เมื่อเวลา 11.30 น. ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล พล.ต.ต.ปิยะ อุทาโย โฆษกกองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้สรุปนโยบายและข้อสั่งการของ ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 ส.ค.ที่ผ่านมา ที่ได้เดินทางมาตรวจเยี่ยมการทำงานของกองบัญชาการตำรวจนครบาล และได้มีการหารือแนวทางการปฏิบัติงานของแต่ละหน่วยงาน พร้อมกับรับฟังการรายงานผลการดำเนินงานของแต่ละพื้นที่

พล.ต.ต.ปิยะกล่าวว่า ได้กำชับการดำเนินการตามนโยบายการป้องกันปราบปรามอบายมุขให้เป็นไปอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะบ่อนการพนันอย่าปล่อยปละละเลยให้มีการลักลอบเล่นการพนันในเขตพื้นที่โดยเด็ดขาด ส่วนสถานบริการให้ดำเนินการพิจารณาตามกรอบของกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยต้องมีการตรวจสอบกวดขันยาเสพติดที่มีการลักลอบขายในสถานบริการ นอกจากนี้สถานบริการจะต้องปิดตามเวลาที่กฎหมายกำหนด โดยเมื่อเวลา 01.00 น.ของเมื่อคืนที่ผ่านมา ทางผู้บัญชาการและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ทำการตรวจสอบและปฎิบัติหน้าที่ตามสถานบริการต่างๆ เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายที่กำหนดไว้

นอกจากนี้ยังได้กำชับผู้บังคับบัญชาทุกระดับชั้นให้พิจารณาดำเนินการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการตำรวจ ให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม โดยไม่ให้มีการซื้อขายตำแหน่ง หรือได้รับผลประโยชน์ใดๆโดยเด็ดขาด ทั้งนี้ ได้ขอความร่วมมือจาก ตชด.ให้มาช่วยในการปราบปรามยาเสพติดตามแนวตะเข็บชายแดน ภายใต้กรอบของกฎหมาย เพื่อให้ผลการปฏิบัติเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และมุ่งเน้นการพัฒนาบุคลากรของทุกหน่วยงาน

พล.ต.ต.ปิยะกล่าวต่อว่า เนื่องจากรัฐบาลได้มีนโยบายพิจารณาเลื่อนระดับชั้นให้แก่ข้าราชการตำรวจที่มียศ ด.ต.ที่มีอายุ 52 ปีขึ้นไป เพื่อแต่งตั้งเลื่อนชั้นให้เป็นข้าราชการตำรวจชั้นสัญญาบัตร ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการทำงานของข้าราชการ และรัฐบาลมีนโยบายช่วยเหลือข้าราชการตำรวจ ในเรื่องเงินกู้ โดยมีเงินกองทุนให้ข้าราชการตำรวจ กู้เงินในอัตราดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 5 เพื่อไม่ให้ข้าราชการตำรวจมีหนี้สินจากเงินกู้นอกระบบ

ทั้งนี้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่มากรวางพวงหรีดในวันที่ทางรัฐบาลแถลงนโยบาย พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 ได้ตรวจสอบรายละเอียดจากกล้องวงจรปิดที่บันทึกเหตุการณ์ทั้งหมด ซึ่งตอนนี้ทราบชื่อแล้วคือ นายอาทิตย์ พูลศิริ และนายยุทธภูมิ ตันเร่ง สองนักศึกษาที่วางพวงหรีดหน้ารัฐสภา ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ออกหมายเรียกเพื่อนำตัวมาสอบปากคำ แต่ยังไม่มีการแจ้งข้อหาแต่อย่างใด

โฆษก บช.น.กล่าวยังกล่าวถึงกรณีผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 7 ถูกส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ลูกโซ่ข่มขู่ ด้วยการโพสต์ภาพถ่ายและระบุข้อมูลส่วนตัว ทั้งชื่อและนามสกุล ว่าเป็นผู้ซักถามนายกรัฐมนตรีจนต้องเดินหนี โดยภายในวันนี้ทางกลุ่มเสื้อแดงได้เดินทางไปที่สถานีช่อง 7 เพื่อกดดันการปลดผู้สื่อข่าวสาวที่เสนอตามข่าวมานั้น เบื้องต้นทาง บช.น.ได้มีมาตรการสั่งการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการและควบคุมดูแลความสงบเรียบร้อยอย่างใกล้ชิด