ระยอง - รองผบช.ภ.2 ลงพื้นที่จังหวัดระยอง ประชุมหาแนวทางในการเร่งติดตามคดีค้างเก่าผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับยาเสพติด และห้ามมีบ่อนการพนันในทุกพื้นที่โดยเด็ดขาด
วันนี้ (30 ส.ค.) ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการตำรวจภูธร จ.ระยอง พล.ต.ต.นิวัฒน์ รัตนาธรรมวัฒน์ รองผบช.ภ.2 เป็นประธานในการประชุมการปราบปรามจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับปัญหายาเสพติด โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนทุกโรงพัก เข้าร่วมประชุม
พล.ต.ต.นิวัฒน์ รัตนาธรรมวัฒน์ รองผบช.ภ.2 กล่าวว่านโยบายการป้องกันปราบปรามปัญหายาเสพติดเป็นนโยบายของรัฐบาล ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ได้สั่งการให้ทุกพื้นที่ระดมเร่งรัดสืบสวนปราบปรามจับกุมผู้กระทำผิดเกี่ยวกับยาเสพติด ตนได้รับมอบหมายในการติดตามหมายจับคดค้างเก่าเกี่ยวกับคดียาเสพติด ทั้ง 8 จังหวัดภาคตะวันออก มีคดีค้างเก่าตั้งแต่ปี 45 เป็นต้นไป
รวมทั้งสิ้น 4 ,000 กว่าคดี ดำเนินการไปแล้วปัจจุบันเหลือประมาณ 600 คดี สำหรับจังหวัดระยองมีคดียาเสพติดค้างเก่าเหลืออยู่ 108 หมาย และได้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจเจ้าของคดีทั้งหมด มาวางแนวทางในการสืบสวนจับกุมให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 15 กันยายน 54 ตามที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำหนดในการระดมกวาดล้าง ซึ่งในการประชุมครั้งนี้เพื่อตรวจสอบความถูกต้องว่ายังเหลือหมายจับจำนวนเท่าใด ผิดจากข้อมูลที่มีอยู่หรือไม่ และได้มอบหมายให้สารวัตรสืบสวนของแต่ละท้องที่ดำเนินการพิสูจน์ทราบและสืบสวนติดตามจับกุมให้ได้
พล.ต.ต.นิวัฒน์ กล่าวว่า มีความเชื่อว่าผู้ที่มีหมายจับในเรื่องของการจำหน่ายยาเสพติดก็ยังคงจำหน่ายอยู่ ผู้ที่มีหมายจับเกี่ยวกับการเสพก็ยังคงเสพอยู่ ก็พยายามจะนำคนเหล่านี้เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ซึ่งจะช่วยลดปัญหายาเสพติดลงได้ ยาเสพติดเป็นต้นเหตุของปัญหาอาชญากรรมทุกประเภท ร้อยละ 90 ของคดีอาชญากรรมมักจะเกี่ยวข้องกับยาเสพติด เพราะฉะนั้นถ้าจะลดปัญหาอาชญากรรมอื่นๆ ก็ต้องลดปัญหายาเสพติดให้ได้
ส่วนกรณีที่มีการสั่งจากเรือนจำนั้น ต้องมีการตัดวงจรการใช้โทรศัพท์ในเรือนจำให้ได้ จะมีการประสานกับผู้บัญชาการเรือนจำหลายจังหวัด จะมีการขนย้ายนักโทษไปไว้ยังจุดหนึ่ง แล้วเข้าตรวจค้นอย่างละเอียด ต้องประสานกับผู้ว่าราชการจังหวัดให้ประสานไปยังผู้บัญชาการเรือนจำ และจะมีการปฏิบัติการตรวจค้นเรือนจำจังหวัดชลบุรีเป็นแห่งแรก สำนักงานตำรวจแห่งชาติมีแนวทางในการนำนักโทษที่สำคัญทุกเรือนจำในประเทศไทย ไปรวมกันที่เรือนจำเขาดิน จ.ราชบุรี ซึ่งที่นั่นจะมีการตัดวงจรการใช้โทรศัพท์ของนักโทษอย่างสิ้นเชิง
สำหรับนโยบายเร่งด่วนการปราบปรามจับกุมบ่อนการพนัน มีการกำชับทุกพื้นที่ไม่ให้มีบ่อนการพนันอย่างเด็ดขาด หากพื้นที่ไหนปล่อยให้มีบ่อนการพนัน จะถือเป็นความผิดทางวินัย และเป็นความผิดทางอาญาหากมีการเรียกรับโดยมิชอบ