ASTVผู้จัดการรายวัน - บอร์ด ธ.ก.ส.อนุมัติ 3 แนวทาง ใช้เงิน ธ.ก.ส. - กู้ซินดิเคตโลน - ให้คลังออกบอนด์ใช้คืนหนี้เดิม ควานหาเงิน 2.9 แสนล้าน รองรับโครงการรับจำนำข้าว 20 ล้านตัน พร้อมชงตั้งบอร์ด 4 ชุดติดตามดูแลการดำเนินนโยบายหวังให้เกิดความโปร่งใสและเกษตรกรได้ประโยชน์สูงสุด
นายลักษณ์ วจนานวัจ ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการธ.ก.ส.มีมติเห็นชอบในหลักการที่จะเสนอผ่านกระทรวงการคลังเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อหางบประมาณในการทำโครงการจำนำข้าวตามนโยบายของรัฐบาลทั้งสิ้น 3 แนวทาง จะทำให้มีวงเงินสำหรับใช้ในโครงการนี้เบื้องต้นจำนวน 2.9 แสนล้านบาท สามารถรองรับปริมาณข้าวเปลือกที่จะเข้าร่วมโครงการได้ทั้งสิ้นจำนวน 20 ล้านตัน
โดยแนวทางที่ 1.ธ.ก.ส.จะใช้เงินทุนของธ.ก.ส.เองจำนวน 9 หมื่นล้านบาทซึ่งวงเงินนี้สามารถใช้รองรับข้าวได้ประมาณ 5-6 ล้านตัน หากยังไม่เพียงพอจะเสนอแนวทางที่ 2.คือ การให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) จัดหาแหล่งเงินกู้จากสถาบันการเงินในประเทศ โดยรูปแบบนี้ธ.ก.ส.ได้ดำเนินการในสมัยที่นายสุชาติ ธาดาดำรงเวช เป็นรมว.คลังให้รัฐบาลค้ำประกันเงินกู้ร่วมจากธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) KTB ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด(มหาชน)SCIB และธนาคารทหารไทย จำกัด(มหาชน) TMB วงเงิน 1.1 แสนล้านบาท ซึ่งแนวทางนี้สามารถเพิ่มวงเงินได้ตามความต้องการใช้จริงแต่ในเบื้องต้นได้กำหนดไว้ที่ 1 แสนล้านบาท
และแนวทางสุดท้ายคือการเจรจาใช้คืนหนี้เดิมสมันนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี วงเงิน 1.04 แสนล้านบาท เป็นเงินต้น 9.5 หมื่นล้านบาทและดอกเบี้ย 9 พันล้านบาท ซึ่งหากแนวทางนี้สามารถตกลงกันได้ก็จะทำให้ธ.ก.ส.มีสภาพคล่องในการรองรับโครงการนี้เพิ่มขึ้น โดยวิธีการใช้คืนหนี้จากเดิมที่จะใช้คืนโดยผ่านทางงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้รัฐบาลให้เปลี่ยนเป็นการออกพันธบัตรให้ธ.ก.ส.มีอายุ 5-6 ปีเพื่อให้มีระยะเวลาในการชำระคืนหนี้คืนแก่ธ.ก.ส.อย่างชัดเจน
“วงเงินทั้ง 3 แนวทางที่บอร์ดได้มีมติคงต้องเสนอไปตามขั้นตอนผ่านกระทรวงการคลังและเข้าครม.เพื่ออนุมัติเป็นขั้นตอนไป และวิธีการใช้ก็จะใช้เป็นลำดับขั้นเริ่มจากแนวทางแรกไปถึงแนวทางที่สาม แต่ทั้งนี้เท่าที่ธ.ก.ส.ได้ประเมินในเบื้องต้นแล้ววงเงินจาก 3 แหล่งมูลค่ารวม 2.9 แสนล้านน่าจะเพียงพอสำหรับการรับจำนำหากมีระบบบริหารจัดการที่ดีให้มีการหมุนเวียนของข้าวในโครงการในอัตราที่เหมาะสม” นายลักษณ์กล่าว
ทั้งนี้ บอร์ด ธ.ก.ส.ยังได้เสนอแนวทางในการบริหารจัดการโดยยึด 3 เรื่องคือ 1.ดูแลเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการไม่ให้ถูกเอารัดเอาเปรียบ 2.ป้องกันการทุจริตที่เกิดขึ้นจากกระบวนการรับจำนำในอดีตตั้งแต่เริ่มโครงการ การนำข้าวเข้าโกดัง การสีข้าว การขนส่งข้าวสารจนถึงกระบวนการขาย และ3.ให้มรการบริหารจัดการในแง่การตลาดและการระบายข้าวที่ชัดเจนกว่าที่เคยทำในอดีต
นอกจากนี้จะเสนอให้มีการตั้งคณะกรรมการย่อยอีก 4 ชุดขึ้นมาติดตามกำกับดูแลโครงการรับจำนำข้าวประกอบไปด้วย1.คณะกรรมการดูแลการรับจำนำ 2.คณะกรรมการติดตามดูแลการสีแปลงสภาพข้าวสาร 3.คณะกรรมการติดตามการระบายข้าวอย่างเป็นระบบเพื่อไม่ให้ทำลายกลไกราคา และ4.คณะกรรมการกำกับติดตามดูแลโครงการทั้งหมดโดยจะให้มีเจ้าหน้าที่จะกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอเข้าร่วมในกรรมการชุดนี้ด้วย
“ขั้นตอนการรับจำนำข้าวในครั้งนี้จะเพิ่มคุณภาพการทำงานให้มีประสิทธิภาพและมีความโปร่งใสมากขึ้น โดยระนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาติดตามกำกับดูแลการดำเนินงานทั้งหมดตั้งแต่ระบบจีพีเอสในการติดตามการขนส่งและติดตั้งกล้องซีซีทีวีในโกดังเพื่อควบคุมความปลอดภัยในการดูแลรักษาความปลอดภัยของสต็อกข้าวที่รับมาจากโรงสี รวมทั้งในระดับจังหวัดจะมีการตั้งคณะอนุกรรมการระดับจังหวัดขึ้นมาเพื่อทำให้เกิดความเชื่อมั่นในระบบการรับจำนำเพิ่มขึ้นด้วย” นายลักษณ์กล่าว.
นายลักษณ์ วจนานวัจ ผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการธ.ก.ส.มีมติเห็นชอบในหลักการที่จะเสนอผ่านกระทรวงการคลังเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อหางบประมาณในการทำโครงการจำนำข้าวตามนโยบายของรัฐบาลทั้งสิ้น 3 แนวทาง จะทำให้มีวงเงินสำหรับใช้ในโครงการนี้เบื้องต้นจำนวน 2.9 แสนล้านบาท สามารถรองรับปริมาณข้าวเปลือกที่จะเข้าร่วมโครงการได้ทั้งสิ้นจำนวน 20 ล้านตัน
โดยแนวทางที่ 1.ธ.ก.ส.จะใช้เงินทุนของธ.ก.ส.เองจำนวน 9 หมื่นล้านบาทซึ่งวงเงินนี้สามารถใช้รองรับข้าวได้ประมาณ 5-6 ล้านตัน หากยังไม่เพียงพอจะเสนอแนวทางที่ 2.คือ การให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) จัดหาแหล่งเงินกู้จากสถาบันการเงินในประเทศ โดยรูปแบบนี้ธ.ก.ส.ได้ดำเนินการในสมัยที่นายสุชาติ ธาดาดำรงเวช เป็นรมว.คลังให้รัฐบาลค้ำประกันเงินกู้ร่วมจากธนาคารออมสิน ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) KTB ธนาคารนครหลวงไทย จำกัด(มหาชน)SCIB และธนาคารทหารไทย จำกัด(มหาชน) TMB วงเงิน 1.1 แสนล้านบาท ซึ่งแนวทางนี้สามารถเพิ่มวงเงินได้ตามความต้องการใช้จริงแต่ในเบื้องต้นได้กำหนดไว้ที่ 1 แสนล้านบาท
และแนวทางสุดท้ายคือการเจรจาใช้คืนหนี้เดิมสมันนายสมัคร สุนทรเวช เป็นนายกรัฐมนตรี วงเงิน 1.04 แสนล้านบาท เป็นเงินต้น 9.5 หมื่นล้านบาทและดอกเบี้ย 9 พันล้านบาท ซึ่งหากแนวทางนี้สามารถตกลงกันได้ก็จะทำให้ธ.ก.ส.มีสภาพคล่องในการรองรับโครงการนี้เพิ่มขึ้น โดยวิธีการใช้คืนหนี้จากเดิมที่จะใช้คืนโดยผ่านทางงบประมาณรายจ่ายประจำปีให้รัฐบาลให้เปลี่ยนเป็นการออกพันธบัตรให้ธ.ก.ส.มีอายุ 5-6 ปีเพื่อให้มีระยะเวลาในการชำระคืนหนี้คืนแก่ธ.ก.ส.อย่างชัดเจน
“วงเงินทั้ง 3 แนวทางที่บอร์ดได้มีมติคงต้องเสนอไปตามขั้นตอนผ่านกระทรวงการคลังและเข้าครม.เพื่ออนุมัติเป็นขั้นตอนไป และวิธีการใช้ก็จะใช้เป็นลำดับขั้นเริ่มจากแนวทางแรกไปถึงแนวทางที่สาม แต่ทั้งนี้เท่าที่ธ.ก.ส.ได้ประเมินในเบื้องต้นแล้ววงเงินจาก 3 แหล่งมูลค่ารวม 2.9 แสนล้านน่าจะเพียงพอสำหรับการรับจำนำหากมีระบบบริหารจัดการที่ดีให้มีการหมุนเวียนของข้าวในโครงการในอัตราที่เหมาะสม” นายลักษณ์กล่าว
ทั้งนี้ บอร์ด ธ.ก.ส.ยังได้เสนอแนวทางในการบริหารจัดการโดยยึด 3 เรื่องคือ 1.ดูแลเกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการไม่ให้ถูกเอารัดเอาเปรียบ 2.ป้องกันการทุจริตที่เกิดขึ้นจากกระบวนการรับจำนำในอดีตตั้งแต่เริ่มโครงการ การนำข้าวเข้าโกดัง การสีข้าว การขนส่งข้าวสารจนถึงกระบวนการขาย และ3.ให้มรการบริหารจัดการในแง่การตลาดและการระบายข้าวที่ชัดเจนกว่าที่เคยทำในอดีต
นอกจากนี้จะเสนอให้มีการตั้งคณะกรรมการย่อยอีก 4 ชุดขึ้นมาติดตามกำกับดูแลโครงการรับจำนำข้าวประกอบไปด้วย1.คณะกรรมการดูแลการรับจำนำ 2.คณะกรรมการติดตามดูแลการสีแปลงสภาพข้าวสาร 3.คณะกรรมการติดตามการระบายข้าวอย่างเป็นระบบเพื่อไม่ให้ทำลายกลไกราคา และ4.คณะกรรมการกำกับติดตามดูแลโครงการทั้งหมดโดยจะให้มีเจ้าหน้าที่จะกรมสอบสวนคดีพิเศษหรือดีเอสไอเข้าร่วมในกรรมการชุดนี้ด้วย
“ขั้นตอนการรับจำนำข้าวในครั้งนี้จะเพิ่มคุณภาพการทำงานให้มีประสิทธิภาพและมีความโปร่งใสมากขึ้น โดยระนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเข้ามาติดตามกำกับดูแลการดำเนินงานทั้งหมดตั้งแต่ระบบจีพีเอสในการติดตามการขนส่งและติดตั้งกล้องซีซีทีวีในโกดังเพื่อควบคุมความปลอดภัยในการดูแลรักษาความปลอดภัยของสต็อกข้าวที่รับมาจากโรงสี รวมทั้งในระดับจังหวัดจะมีการตั้งคณะอนุกรรมการระดับจังหวัดขึ้นมาเพื่อทำให้เกิดความเชื่อมั่นในระบบการรับจำนำเพิ่มขึ้นด้วย” นายลักษณ์กล่าว.