ASTV ผู้จัดการรายวัน - หุ้นกลุ่มแบงก์วิ่งนำตลาด หลัง “มูดีส์” เพิ่มอันดับความแข็งแกร่ง อีกทั้งปัจจัยในต่างประเทศมีความหวังจึงช่วยดันหุ้นไทยบวกเพิ่ม 25 จุด โตในทิศทางเดียวกับภูมิภาค โบรกฯเชื่อดัชนีไปต่อ ด้าน บล.ภัทร ประเมินดัชนีปีนี้ยังอยู่เป้าเดิม 1,150 จุด ชี้ส.ค.หุ้นผันผวนจัดหลายบล.ได้รับผลกระทบ ภาพรวมเชื่อต่างชาติไม่หนีหุ้นไทย เหตุฟรีโฟลต65% ของหุ้นทั้งตลาดยังอยู่ในมือต่างประเทศ
ตลาดหุ้นไทยวานนี้(31ส.ค.) ดัชนีปิดที่ระดับ 1,070.05 จุด เพิ่มขึ้น 25.08 จุด หรือ 2.40%มูลค่าการซื้อขาย 30,089.84 ล้านบาท ซึ่งเป็นปรับตัวดีขึ้นตามตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาค ที่คาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ จะมีมาตรการผ่อนคลายทางการเงินออกมา โดยรวมหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์มีแรงซื้อเข้ามามากสุดและนักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับมาซื้อสุทธิ 748.50 ล้านบาท
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ สำนักวิจัย บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวขึ้นได้ดีในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากมีความคาดหวังว่าเฟดจะมีมาตรการผ่อนคลายทางการเงินในการประชุมเฟดครั้งหน้า ซึ่งหุ้นที่ขึ้นนำตลาดวานนี้คือกลุ่มแบงก์ หลัง มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ประกาศเพิ่มอันดับ ความแข็งแกร่งทางการเงิน(BFSR)ของธนาคารกรุงเทพ(BBL)และธนาคารไทยพาณิชย์(SCB) และจากนโยบายภาครัฐบาลที่มีความชัดเจนขึ้น ทำให้เริ่มแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติเข้ามา แต่มองว่า มองว่านักลงทุนยังระมัดระวังการลงทุน เพราะตลาดฯยังรอดูตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯในปลายสัปดาห์นี้ ซึ่งจะมีตัวเลข ISM และตัวเลขการจ้างงานประกาศออกมา ทำให้แนวโน้มการลงทุนในวันนี้(1 ก.ย.) ดัชนี มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นต่อได้ พร้อมให้แนวรับ 1,055-1,060 จุด แนวต้าน 1,090 จุด
นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทุนภัทร (PHATRA) กล่าวว่า บริษัทยังคงเป้าดัชนีตลาดหุ้นไทยในปีนี้ที่ 1,150 จุด และมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ประมาณ 30,000 ล้านบาท โดยในเดือนสิงหาคมนี้ มองว่าโบรกเกอร์ทั้งอุตสาหกรรมได้รับผล กระทบจากตลาดหุ้นที่ผันผวนมาก เพราะปัญหาเศรษฐกิจในยุโรปและสหรัฐฯ ทำให้บริษัท ได้ขายหุ้นออกจำนวน 1 ใน 3 ของพอร์ตการลงทุน ซึ่งจะมีการตัดสินใจเข้าลงทุนอีกครั้งในช่วงกันยายนี้
ขณะเดียวกันที่ผ่านมา บริษัทได้ให้คำแนะนำลูกค้าประเภท Private Wealth ให้ ลดการลงทุนในหุ้นทั้งในตลาดไทยและต่างประเทศ จากเดิมที่แนะนำให้ลงทุนในสัดส่วน 40% โดยปรับพอร์ตด้วยการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในทองคำมากขึ้นเป็น5% เนื่องจากมองว่าราคาทองคำมีโอกาสปรับขึ้นไปที่ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทั้งนี้ PHATRA คาดว่ารายได้และกำไรในไตรมาส 3/54 จะสูงกว่าไตรมาส 2/54 ที่มีรายได้ 637.8 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 233.1 ล้านบาท เนื่องจากส่วนหนึ่งมาจากกำไรจากพอร์ตการลงทุน และ ธุรกิจทุกฝ่ายเติบโตได้ดี ซึ่งจะทำให้รายได้ในปีนี้ของบริษัทเป็นไปตามเป้าที่ 2,100 ล้านบาท
นาย บรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการ PHATRA กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของเงินลงทุนต่างประเทศว่า อยากให้นักลงทุนเข้าใจว่าเม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทยที่มีการเทขายสุทธิออกไปมากก่อนหน้านี้ เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของการลงทุนทั้งหมด ซึ่งจากข้อมูลพบว่าหุ้นทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์ฯ ปัจจุบันมีฟรีโฟลตประมาณ 4 ล้านล้านหุ้น เป็นหุ้นใน Set100 ประมาณ 87% และ65%นี้ถือโดยนักลงทุนต่างชาติ หรือคือเป็นเม็ดเงินประมาณ 2.2 ล้านล้านบาท ดังนั้นที่เคยมีข่าวว่าต่างชาติจะถอนเงินในการลงทุนกลับไปหมด ส่วนตัวนั้นไม่เชื่อเพราะเม็ดเงินจำนวนมากขนาดนี้ไม่ได้โยกย้ายออกไปได้ง่ายโดยเร็ว
ตลาดหุ้นไทยวานนี้(31ส.ค.) ดัชนีปิดที่ระดับ 1,070.05 จุด เพิ่มขึ้น 25.08 จุด หรือ 2.40%มูลค่าการซื้อขาย 30,089.84 ล้านบาท ซึ่งเป็นปรับตัวดีขึ้นตามตลาดหุ้นอื่นๆในภูมิภาค ที่คาดหวังว่าธนาคารกลางสหรัฐ จะมีมาตรการผ่อนคลายทางการเงินออกมา โดยรวมหุ้นกลุ่มธนาคารพาณิชย์มีแรงซื้อเข้ามามากสุดและนักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับมาซื้อสุทธิ 748.50 ล้านบาท
นายอภิชาติ ผู้บรรเจิดกุล นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ สำนักวิจัย บล.ทิสโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยวานนี้ปรับตัวขึ้นได้ดีในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นอื่นในภูมิภาคเอเชีย เนื่องจากมีความคาดหวังว่าเฟดจะมีมาตรการผ่อนคลายทางการเงินในการประชุมเฟดครั้งหน้า ซึ่งหุ้นที่ขึ้นนำตลาดวานนี้คือกลุ่มแบงก์ หลัง มูดี้ส์ อินเวสเตอร์ เซอร์วิส ประกาศเพิ่มอันดับ ความแข็งแกร่งทางการเงิน(BFSR)ของธนาคารกรุงเทพ(BBL)และธนาคารไทยพาณิชย์(SCB) และจากนโยบายภาครัฐบาลที่มีความชัดเจนขึ้น ทำให้เริ่มแรงซื้อของนักลงทุนต่างชาติเข้ามา แต่มองว่า มองว่านักลงทุนยังระมัดระวังการลงทุน เพราะตลาดฯยังรอดูตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯในปลายสัปดาห์นี้ ซึ่งจะมีตัวเลข ISM และตัวเลขการจ้างงานประกาศออกมา ทำให้แนวโน้มการลงทุนในวันนี้(1 ก.ย.) ดัชนี มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นต่อได้ พร้อมให้แนวรับ 1,055-1,060 จุด แนวต้าน 1,090 จุด
นายอภินันท์ เกลียวปฏินนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ทุนภัทร (PHATRA) กล่าวว่า บริษัทยังคงเป้าดัชนีตลาดหุ้นไทยในปีนี้ที่ 1,150 จุด และมูลค่าการซื้อขายเฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ประมาณ 30,000 ล้านบาท โดยในเดือนสิงหาคมนี้ มองว่าโบรกเกอร์ทั้งอุตสาหกรรมได้รับผล กระทบจากตลาดหุ้นที่ผันผวนมาก เพราะปัญหาเศรษฐกิจในยุโรปและสหรัฐฯ ทำให้บริษัท ได้ขายหุ้นออกจำนวน 1 ใน 3 ของพอร์ตการลงทุน ซึ่งจะมีการตัดสินใจเข้าลงทุนอีกครั้งในช่วงกันยายนี้
ขณะเดียวกันที่ผ่านมา บริษัทได้ให้คำแนะนำลูกค้าประเภท Private Wealth ให้ ลดการลงทุนในหุ้นทั้งในตลาดไทยและต่างประเทศ จากเดิมที่แนะนำให้ลงทุนในสัดส่วน 40% โดยปรับพอร์ตด้วยการเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในทองคำมากขึ้นเป็น5% เนื่องจากมองว่าราคาทองคำมีโอกาสปรับขึ้นไปที่ 2,000 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ทั้งนี้ PHATRA คาดว่ารายได้และกำไรในไตรมาส 3/54 จะสูงกว่าไตรมาส 2/54 ที่มีรายได้ 637.8 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 233.1 ล้านบาท เนื่องจากส่วนหนึ่งมาจากกำไรจากพอร์ตการลงทุน และ ธุรกิจทุกฝ่ายเติบโตได้ดี ซึ่งจะทำให้รายได้ในปีนี้ของบริษัทเป็นไปตามเป้าที่ 2,100 ล้านบาท
นาย บรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการ PHATRA กล่าวถึงการเคลื่อนไหวของเงินลงทุนต่างประเทศว่า อยากให้นักลงทุนเข้าใจว่าเม็ดเงินลงทุนของนักลงทุนต่างชาติในตลาดหุ้นไทยที่มีการเทขายสุทธิออกไปมากก่อนหน้านี้ เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของการลงทุนทั้งหมด ซึ่งจากข้อมูลพบว่าหุ้นทั้งหมดในตลาดหลักทรัพย์ฯ ปัจจุบันมีฟรีโฟลตประมาณ 4 ล้านล้านหุ้น เป็นหุ้นใน Set100 ประมาณ 87% และ65%นี้ถือโดยนักลงทุนต่างชาติ หรือคือเป็นเม็ดเงินประมาณ 2.2 ล้านล้านบาท ดังนั้นที่เคยมีข่าวว่าต่างชาติจะถอนเงินในการลงทุนกลับไปหมด ส่วนตัวนั้นไม่เชื่อเพราะเม็ดเงินจำนวนมากขนาดนี้ไม่ได้โยกย้ายออกไปได้ง่ายโดยเร็ว