xs
xsm
sm
md
lg

หุ้นไทยร่วงต่อ13จุดมูลค่าสูญ1ล้านล้าน

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ดัชนีตลาดหุ้นไทยร่วงต่ออีก 13.86 จุด เหตุนักลงทุนผวา ! หนี้ยุโรปไม่จบ มาร์เกตแคปสูญ 1 ล้านล้านบาท เหลือ 7 ล้านล้านบาท ด้านประธานตลาดหุ้น เตื่อนลงทุนรอบคอบ พร้อมปรับพอร์ตลงทุนเน้นผลตอบแทนมากขึ้น แจง 2-3 ปี ลดสัดส่วนลงทุนหุ้น จากภาวะผันผวนหวั่นเงินลงทุนหด จรัมพร แย้ม หากราคาหุ้นต่ำกว่าบุ๊ค เล็งออกมาตการดูแล เผยขณะนี้ยังไม่จำเป็น

บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้น วานนี้ (4 ต.ค.) ดัชนีตลาดหุ้นไทยค่อนข้างผันผวนในแดนลบ แม้จะสามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นในช่วงเปิดการซื้อขายภาคเช้า แตะรับดับสูงสุดที่ 877.97 จุด ก่อนจะปรับตัวลดลงต่ำกว่าราคาปิดครั้งก่อน เนื่องจากนักลงทุนยังกังวลเกี่ยวกับปัญหาหนี้ยุโรป และปิดการซื้อขายที่ 855.45 จุด ลดลง 13.86 จุด หรือ 1.59% มูลค่าการซื้อขายรวม 34,377.74 ล้านบาท

ทั้งนี้ นักลงทุนต่างประเทศมียอดซื้อสุทธิ 447.69 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันในประเทศ ขายสุทธิ 1,369.23 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ซื้อสุทธิ 604.54 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อย ซื้อสุทธิ 317.00 ล้านบาท ขณะที่มูลค่าตามราคาตลาดรวมลดเหลือ 7 ล้านล้านบาท ลดลงจากก่อนวิกฤตครั้งนี้ประมาณ 1 ล้านล้านบาท

นายสมพล เกียรติไพบูลย์ ประธานกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวถึง ภาวะตลาดหุ้นไทย ว่า ภาวะตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงต่อเนื่องเกิดจากปัจจัยต่างประเทศปัญหาหนี้ของยุโรป โดยเฉพาะกรีซ ขณะที่ปัจจัยภายในประเทศของไทยนั้นไม่มีปัญหา แม้จีดีพีจะมีการปรับตัวลดลงจากปัญหาอุทกภัย ซึ่งถือว่าน้ำท่วมครั้งนี้ใหญ่มากและมีผลกระทบเสียหายอย่างกว้างขวง แต่เชื่อว่ารัฐบาลจะมีการดูแลเยียวยาได้

สำหรับนักลงทุนในช่วงนี้จะต้องระมัดระวังในการลงทุนพิจารณาการลงทุนอย่างรอบคอบ อย่าอ่อนไหวกับสถานการณ์ในต่างประเทศ แม้ดัชนีตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวลดลง หากนักลงทุนมีการลงทุนในหุ้นที่มีฐานะการเงินแข็งแกร่ง และมีการจ่ายเงินปันผลที่ดี ก็สามารถลงทุนระยะยาวได้ โดยขณะนี้ยังไม่ต้องมีมาตรการออกมา ตราบที่สถานการณ์ตลาดหุ้นไทยมีการแกว่งตัวตามตลาดหุ้นต่างประเทศ ซึ่งหากภาวะตลาดหุ้นไทยมีการปรับตัวลดลงแรงตลาดหลักทรัพย์ฯมีมาตรการรองรับอยู่แล้ว

นายจรัมพร โชติกเสถียร กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์ฯ กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯอยู่ระหว่างการศึกษามาตรการที่จะเข้ามาดูแลตลาดหุ้นหากราคาหุ้นลดลงผิดปกติ เช่น หุ้นหลายตัวราคาต่ำกว่ามูลค่าทางบัญชี (BV) หรือมีมูลค่าต่ำกว่าพื้นฐานมาก แต่ขณะนี้ยังไม่ถึงจุดที่ จะต้องมีมาตรการออกมาดูแลแม้ดัชนีหุ้นจะปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่องในระยะนี้ก็ตาม ซึ่งการดำเนินการเกี่ยวกับตลาดหุ้นนั้นมีหลายวิธี ขณะนี้ยังไม่สรุปว่ามาตรการใดจะมีความเหมาะสม

ตลาดเล็งปรับพอร์ตลงทุน

สำหรับพอร์ตการลงทุนของตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่มีมูลค่า 1.4 หมื่นล้านบาท นั้นได้มีการลดการลงทุนในหุ้นลง เนื่องจากนโยบายในระยะ 2-3 ปีนี้ เห็นว่าหน้าที่หลักของตลาดหลักทรัพย์ควรรักษาเงินลงทุนก้อนนี้ไว้ และผลประกอบการหลักของตลาดหลักทรัพย์มีความผันผวนอยู่แล้วเพราะขึ้นอยู่กับสภาพตลาด จากรายได้จากมูลค่าการซื้อขาย ดังนั้น ผลตอบแทนที่มาจากการลงทุนไม่ควรไปผูกกับภาวะตลาดอีก

อย่างไรก็ตามตลาดหลักทรัพย์อยู่ระหว่างการศึกษาลงทุนทางเลือกอื่น เช่น การลงทุนในสินค้าโภคภัณฑ์ การลงทุนต่างประเทศ เพื่อจะนำมาร่วมกำหนดเป็นแผนลงทุนในปี 2555 อย่างไรก็ตาม เงินหลักส่วนใหญ่ของตลาดหลักทรัพย์ยังคงลงทุนในพันธบัตร และเงินฝาก

นายบรรยง พงษ์พานิช ประธานกรรมการ บริษัท ทุนภัทร จำกัด (มหาชน)หรือ PHATRA กล่าวว่า นักลงทุนต่างชาติมีส่วนสำคัญในการสร้างพลวัตให้กับตลาดหุ้น แต่ขณะนี้นักลงทุนต่างชาติกลับมีสถานะเป็นผู้ขายสุทธิตลาดหุ้นไทย 3.5 หมื่นล้านบาท ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบัน แต่ไม่ได้มาก คิดเป็นสัดส่วนเพียง 1.5-1.7% ของมูลค่าการถือครองในSET 100 จำนวน 2.5 ล้านล้านบาท

ดังนั้น การจะสร้างพลวัตอย่างต่อเนื่องให้กับตลาดหุ้นนั้น จะต้องพัฒนานักลงทุนสถาบันไทยและบุคคลธรรมดามีศักยภาพลงทุนหุ้นของโลก และต้องพัฒนาตลาดหุ้นไทยให้เป็นตลาดหุ้นของโลกด้วย หรือเป็นที่สนใจลงทุนของต่างชาติ การแปรรูปตลาดหลักทรัพย์นับเป็นองค์ประกอบสำคัญในการผลักดันให้ตลาดหุ้นไปสู่พัฒนาเหล่านี้

ก.ล.ต.หารือโบรกฯระบุตลาดหุ้นเป็นไปตามกลไก ช็อตเซลล์-ฟอร์ซเซลไม่มีปัญหา

นายประเวช องอาจสิทธิกุล ผู้ช่วยเลขาธิการอาวุโส สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) กล่าวว่า ก.ล.ต.ได้เชิญกรรมการสมคมบริษัทหลักทรัพย์เข้ามาหารือและติดตามสถานการณ์ตลาดหุ้นไทย เนื่องจากมีความกังวลเรื่องสถานะของบริษัทหลักทรัพย์ในปัจจุบันที่สถานการณ์ตลาดหุ้นผันผวน ซึ่งจากการหารือพบสถานะทางการเงินของบริษัทหลักทรัพย์ทั้งหมดยังคงมีสถานะแข็งแกร่งไม่มีปัญหาทางการเงิน และไม่มีปัญหาเรื่องธุรกิจการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ (SBL) รวมทั้งทำ short sell พบว่าไม่มีความผิดปกติยังอยู่ในระดับ 2-3% ของมูลค่าการซื้อขายต่อวัน ถือว่ายังอยู่ในระดับที่ไม่น่าเป็นห่วงแต่ยังต้องติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด รวมถึงการบังคับขายหลักทรัพย์ (force sell)

นอกจากนี้ ก.ล.ต.จะมีการนัดประชุมกับทีมงานของตลาดหลักทรัพย์ฯ ในวันนี้
กำลังโหลดความคิดเห็น