ASTVผู้จัดการรายวัน-“สุกำพล”หนุน "ไทยสไมล์” เจาะตลาดโลว์คอสต์ แทน "ไทยไทเกอร์ฯ” ชี้การบินไทยควรมีแค่ 2 สายการบิน จับตลาดบนและตลาดล่าง พร้อมแนะพิจารณาขายหุ้นนกแอร์ทิ้ง ถ้าไม่เกิดประโยชน์ เหตุไม่ได้ถือหุ้นใหญ่ ไม่ยืนยันปรับบอร์ดใหม่หรือไม่ ขอเวลาทำงานร่วมกันก่อน
พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า เห็นด้วยกับการที่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จัดตั้งสายการบินไทย สไมล์ (THAI Smaile) และบริหารโดยหน่วยธุรกิจของการบินไทยเอง และเห็นว่าหากการบินไทยมีสายการบินไทย สไมล์แล้ว สายการบินไทย ไทเกอร์แอร์ คงจะเกิดยาก เนื่องจากทั้ง 2 สายการบินจะบริการในตลาดที่ใกล้เคียงกัน และที่ผ่านมาการจัดตั้งไทย ไทเกอร์ แอร์เวย์ส มีปัญหาเรื่องวิธีการที่ต้องร่วมทุนกับสายการบินไทเกอร์ แอร์เวย์ส ของสิงคโปร์
ทั้งนี้ ได้เสนอแนวคิดไปยังบริษัท การบินไทยเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจด้านสายการบินแล้ว โดยเห็นว่าการบินไทย ควรจะให้บริการเพียง 2 สายการบิน คือ การบินไทย ซึ่งเจาะตลาดระดับพรีเมี่ยมและไทย สไมล์ ซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจของการบินไทยเจาะตลาดสายการบินต้นทุนต่ำ หลังจากที่ผู้บริหารการบินไทยได้เข้าหารือและรายงานแนวทางว่าจะบริหารสายการบินรวม 4 สาย คือ
การบินไทยสำหรับตลาดพรีเมี่ยม ,สายการบินนกแอร์ ซึ่งถือหุ้นอยู่ 39% ,ไทยไทเกอร์ แอร์เวย์ส อยู่ระหว่างการพิจารณาเรื่องการจัดตั้ง และไทยสไมล์ มีแผนจะเปิดให้บริการในวันที่ 1 ก.ค.2555
พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า ในส่วนของนกแอร์นั้น เนื่องจากการบินไทยไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และเป็นการบินภายในประเทศ ตลาดไม่ใหญ่มาก เรื่องนี้ผู้บริหารก็คงต้องพิจารณาว่า ควรจะถือหุ้นต่อไป หรือควรจะถอนตัวขายหุ้นที่มีอยู่ออกไป จะสามารถดำเนินการได้หรือไม่ มีข้อดีข้อเสียอย่างไร ซึ่งผู้บริหารการบินไทยจะรายงานผลการดำเนินงานและหารือร่วมกับกระทรวงคมนาคมทุกเดือน และเชื่อว่าหลังจากนี้การทำงานระหว่างกระทรวงและการบินไทยจะเกิดความเข้าใจกันมากขึ้น
“ตลาดโลว์คอสต์ เป็นตลาดสำคัญซึ่งได้ตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อมีไทย สไมล์ แล้ว ก็เห็นว่าน่าจะสามารถแข่งขันกับสายการบินโลว์แอร์ไลน์อื่นๆ ได้ เพราะสามารถรับช่วงต่อผู้โดยสารของการบินไทยไปยังเส้นทางใกล้ๆ ได้โดยมีค่าโดยสารที่ต่ำลง ขณะที่พนักงานและเครื่องบินยังเป็นของการบินไทย แต่มีต้นทุนในการดำเนินงานต่ำกว่า ดังนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องจัดตั้งสายการบินไทย ไทเกอร์ แอร์เวย์สก็ได้ เพราะการมีสายการบินในความควบคุมดูแลหลายสาย อาจจะไม่สามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเห็นว่า การมีการบินแค่ 2 สาย แต่สามารถให้บริการได้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายน่าจะดีกว่า”พล.อ.อ.สุกำพลกล่าว
ส่วนการปรับเปลี่ยนคณะกรรมการ (บอร์ด) การบินไทยนั้น พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า ต้องพิจารณาว่าการทำงานเป็นอย่างไร มีอะไรไม่เหมาะสมหรือไม่ชอบมาพากลหรือไม่ ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไร คงตอบอะไรตอนนี้ไม่ได้ และหากจะทำอะไรก็ต้องเป็นไปตามระเบียบและขั้นตอน เนื่องจากการบินไทยเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
ตามแผนดำเนินการ สายการบินไทย สไมล์ จะเปิดบินในเดือนก.ค.2555 ใช้เครื่องบินรวม 11 ลำ เครื่องลำแรก คือ แอร์บัส เอ 320 ความจุ 174 ที่นั่ง จะเข้ามาในเดือนมิ.ย.2555 โดยในปีแรกจะเปิดให้บริการในเส้นทางในประเทศประมาณ 4-5 เส้นทาง คือ อุบลราชธานี อุดรธานี ขอนแก่น เชียงราย และสุราษฎร์ธานี ในปีที่ 2 จะเริ่มเปิดให้บริการไปยังต่างประเทศ ทั้งในอาเซียน จีน และอินเดีย โดยอัตราค่าบริการจะต่ำกว่าการบินไทย แต่สูงกว่าสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอส แอร์ไลน์) โดยคาดว่าผลการดำเนินงานในช่วงปีแรกจะยังไม่ดีมาก แต่หลังจากได้รับเครื่องบินครบทั้ง 11 ลำ ในปี 2556 คาดว่าจะเริ่มมีกำไรโดยจะมีรายได้ถึง 5,000 ล้านบาท และจะมีส่วนแบ่งการตลาดผู้โดยสารในกลุ่มดังกล่าวได้ประมาณ 1-2% ต่อปี
พล.อ.อ.สุกำพล สุวรรณทัต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า เห็นด้วยกับการที่บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) จัดตั้งสายการบินไทย สไมล์ (THAI Smaile) และบริหารโดยหน่วยธุรกิจของการบินไทยเอง และเห็นว่าหากการบินไทยมีสายการบินไทย สไมล์แล้ว สายการบินไทย ไทเกอร์แอร์ คงจะเกิดยาก เนื่องจากทั้ง 2 สายการบินจะบริการในตลาดที่ใกล้เคียงกัน และที่ผ่านมาการจัดตั้งไทย ไทเกอร์ แอร์เวย์ส มีปัญหาเรื่องวิธีการที่ต้องร่วมทุนกับสายการบินไทเกอร์ แอร์เวย์ส ของสิงคโปร์
ทั้งนี้ ได้เสนอแนวคิดไปยังบริษัท การบินไทยเกี่ยวกับการดำเนินธุรกิจด้านสายการบินแล้ว โดยเห็นว่าการบินไทย ควรจะให้บริการเพียง 2 สายการบิน คือ การบินไทย ซึ่งเจาะตลาดระดับพรีเมี่ยมและไทย สไมล์ ซึ่งเป็นหน่วยธุรกิจของการบินไทยเจาะตลาดสายการบินต้นทุนต่ำ หลังจากที่ผู้บริหารการบินไทยได้เข้าหารือและรายงานแนวทางว่าจะบริหารสายการบินรวม 4 สาย คือ
การบินไทยสำหรับตลาดพรีเมี่ยม ,สายการบินนกแอร์ ซึ่งถือหุ้นอยู่ 39% ,ไทยไทเกอร์ แอร์เวย์ส อยู่ระหว่างการพิจารณาเรื่องการจัดตั้ง และไทยสไมล์ มีแผนจะเปิดให้บริการในวันที่ 1 ก.ค.2555
พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า ในส่วนของนกแอร์นั้น เนื่องจากการบินไทยไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และเป็นการบินภายในประเทศ ตลาดไม่ใหญ่มาก เรื่องนี้ผู้บริหารก็คงต้องพิจารณาว่า ควรจะถือหุ้นต่อไป หรือควรจะถอนตัวขายหุ้นที่มีอยู่ออกไป จะสามารถดำเนินการได้หรือไม่ มีข้อดีข้อเสียอย่างไร ซึ่งผู้บริหารการบินไทยจะรายงานผลการดำเนินงานและหารือร่วมกับกระทรวงคมนาคมทุกเดือน และเชื่อว่าหลังจากนี้การทำงานระหว่างกระทรวงและการบินไทยจะเกิดความเข้าใจกันมากขึ้น
“ตลาดโลว์คอสต์ เป็นตลาดสำคัญซึ่งได้ตั้งข้อสังเกตว่า เมื่อมีไทย สไมล์ แล้ว ก็เห็นว่าน่าจะสามารถแข่งขันกับสายการบินโลว์แอร์ไลน์อื่นๆ ได้ เพราะสามารถรับช่วงต่อผู้โดยสารของการบินไทยไปยังเส้นทางใกล้ๆ ได้โดยมีค่าโดยสารที่ต่ำลง ขณะที่พนักงานและเครื่องบินยังเป็นของการบินไทย แต่มีต้นทุนในการดำเนินงานต่ำกว่า ดังนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องจัดตั้งสายการบินไทย ไทเกอร์ แอร์เวย์สก็ได้ เพราะการมีสายการบินในความควบคุมดูแลหลายสาย อาจจะไม่สามารถบริหารจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเห็นว่า การมีการบินแค่ 2 สาย แต่สามารถให้บริการได้ครอบคลุมทุกกลุ่มเป้าหมายน่าจะดีกว่า”พล.อ.อ.สุกำพลกล่าว
ส่วนการปรับเปลี่ยนคณะกรรมการ (บอร์ด) การบินไทยนั้น พล.อ.อ.สุกำพลกล่าวว่า ต้องพิจารณาว่าการทำงานเป็นอย่างไร มีอะไรไม่เหมาะสมหรือไม่ชอบมาพากลหรือไม่ ถ้าไม่มีก็ไม่ต้องเปลี่ยนแปลงอะไร คงตอบอะไรตอนนี้ไม่ได้ และหากจะทำอะไรก็ต้องเป็นไปตามระเบียบและขั้นตอน เนื่องจากการบินไทยเป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
ตามแผนดำเนินการ สายการบินไทย สไมล์ จะเปิดบินในเดือนก.ค.2555 ใช้เครื่องบินรวม 11 ลำ เครื่องลำแรก คือ แอร์บัส เอ 320 ความจุ 174 ที่นั่ง จะเข้ามาในเดือนมิ.ย.2555 โดยในปีแรกจะเปิดให้บริการในเส้นทางในประเทศประมาณ 4-5 เส้นทาง คือ อุบลราชธานี อุดรธานี ขอนแก่น เชียงราย และสุราษฎร์ธานี ในปีที่ 2 จะเริ่มเปิดให้บริการไปยังต่างประเทศ ทั้งในอาเซียน จีน และอินเดีย โดยอัตราค่าบริการจะต่ำกว่าการบินไทย แต่สูงกว่าสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอส แอร์ไลน์) โดยคาดว่าผลการดำเนินงานในช่วงปีแรกจะยังไม่ดีมาก แต่หลังจากได้รับเครื่องบินครบทั้ง 11 ลำ ในปี 2556 คาดว่าจะเริ่มมีกำไรโดยจะมีรายได้ถึง 5,000 ล้านบาท และจะมีส่วนแบ่งการตลาดผู้โดยสารในกลุ่มดังกล่าวได้ประมาณ 1-2% ต่อปี