ASTVผู้จัดการรายวัน - บิ๊กแบงก์กรุงไทยคาดดอกเบี้ยเริ่มเข้าสู่ภาวะทรงตัวหลังปรับขึ้นมาตั้งแต่ปลายปีก่อน มั่นใจสินเชื่อทั้งปีเป็นไปตามเป้าสูงกว่า 10% แม้ 7 เดือนจะลด เหตุคลังคืนเงินกู้ 4.7 หมื่นล้าน ระบุมีดีลปลายปีอีกหลายราย
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)(KTB)เปิดผยว่า ธนาคารยังคงยืนเป้าอัตราการเติบโตสินเชื่อในปีนี้ที่ระดับสูงกว่า 10% แม้ว่าสินเชื่อในช่วง 7 เดือนจะลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากทางภาครัฐได้ชำระคืนเงินกู้มาประมาณ 4.7 หมื่นล้านบาท แต่จากภาวะเศรษฐกิจที่ยังเติบโตต่อเนื่อง ประกอบกับธนาคารยังมีดีลใหญ่ในช่วงที่เหลือของปีอีกหลายราย จึงเชื่อว่าธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ส่วนด้านสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)นั้น ยังในระดับที่ต่ำแม้ว่าในช่วงที่ผ่านมา จะเป็นทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นมาตั้งแต่ปลายปีก่อน และทำให้ภาระการผ่อนชำระของลูกค้าเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังไม่ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้มากนัก ทั้งในส่วนของสินเชื่อรายย่อย และผู้ประกอบขนาดกลางและย่อม(เอสเอ็มอี) เนื่องจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวต่อเนื่องทำให้ลูกค้ายังสามารถผ่อนชำระเงินกู้ได้อยู่
"คงจะบอกไม่ได้ว่าดอกเบี้ยที่ขึ้นมาเป็นระยะๆนั้น ไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อผู้ประกอบการ แต่ความที่เศรษฐกิจยังดี คนมีงานทำ ธุรกิจยังดำเนินต่อไปได้ ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นก็ไม่ค่อยกระทบความสามารถในการชำระหนี้เท่าไหร่ แต่ถ้าเศรษฐกิจแย่ คนตกงาน ธุรกิจเจ๊ง แล้วดอกเบี้ยขึ้น อย่างนี้กระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้แน่ แต่ตอนนี้ไม่"
สำหรับทิศทางอัตรราดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปีนี้ ที่จะมีการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายการเงิน(กนง.)อีก 2 ครั้งนั้น มีโอกาสที่ดอกเบี้ยจะเริ่มทรงตัวแล้ว เนื่องจากมีปัจจัยเสี่ยงจากทั้งจากต่างประเทศและในประเทศเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังมีโอกาสที่ดอกเบี้ยนโยบายจะปรับเพิ่มขึ้นได้ ก็คงต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของกนง.ว่าจะให้น้ำหนักที่ส่วนไหน
"ไม่ใช่บอกว่าดอกเบี้ยจะไม่มีโอกาสปรับขึ้น แต่โอกาสที่จะทรงตัวน่าจะมีมากกว่า ซึ่งหากดอกเบี้ยนโยบายทรงตัว ดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ก็จะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาดอกเบี้ยก็ได้ปรับเพิ่มมาระดับหนึ่งแล้ว"
ด้านสภาพคล่องของระบบในปัจจุบันนั้น ยังคงมีเหลืออยู่มาก แม้ว่าทั้งกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)จะออกมาพันธบัตรมาขายแห่งละ 5 หมื่นล้านบาท ขณะที่ธนาคารพาณิชย์เองก็ได้ระดมเงินฝากมาไว้จำนวนหนึ่งแล้ว ซึ่งในส่วนของธนาคารก็จะมีการออกแคมเปญเป็นระยะ เพื่อรักษาฐานลูกค้าในช่วงที่แข่งขันสูง
นายอภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)(KTB)เปิดผยว่า ธนาคารยังคงยืนเป้าอัตราการเติบโตสินเชื่อในปีนี้ที่ระดับสูงกว่า 10% แม้ว่าสินเชื่อในช่วง 7 เดือนจะลดลง ซึ่งเป็นผลมาจากทางภาครัฐได้ชำระคืนเงินกู้มาประมาณ 4.7 หมื่นล้านบาท แต่จากภาวะเศรษฐกิจที่ยังเติบโตต่อเนื่อง ประกอบกับธนาคารยังมีดีลใหญ่ในช่วงที่เหลือของปีอีกหลายราย จึงเชื่อว่าธนาคารสามารถปล่อยสินเชื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
ส่วนด้านสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้(เอ็นพีแอล)นั้น ยังในระดับที่ต่ำแม้ว่าในช่วงที่ผ่านมา จะเป็นทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นมาตั้งแต่ปลายปีก่อน และทำให้ภาระการผ่อนชำระของลูกค้าเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังไม่ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้มากนัก ทั้งในส่วนของสินเชื่อรายย่อย และผู้ประกอบขนาดกลางและย่อม(เอสเอ็มอี) เนื่องจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวต่อเนื่องทำให้ลูกค้ายังสามารถผ่อนชำระเงินกู้ได้อยู่
"คงจะบอกไม่ได้ว่าดอกเบี้ยที่ขึ้นมาเป็นระยะๆนั้น ไม่ส่งผลกระทบอะไรต่อผู้ประกอบการ แต่ความที่เศรษฐกิจยังดี คนมีงานทำ ธุรกิจยังดำเนินต่อไปได้ ดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นก็ไม่ค่อยกระทบความสามารถในการชำระหนี้เท่าไหร่ แต่ถ้าเศรษฐกิจแย่ คนตกงาน ธุรกิจเจ๊ง แล้วดอกเบี้ยขึ้น อย่างนี้กระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้แน่ แต่ตอนนี้ไม่"
สำหรับทิศทางอัตรราดอกเบี้ยในช่วงที่เหลือของปีนี้ ที่จะมีการประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายการเงิน(กนง.)อีก 2 ครั้งนั้น มีโอกาสที่ดอกเบี้ยจะเริ่มทรงตัวแล้ว เนื่องจากมีปัจจัยเสี่ยงจากทั้งจากต่างประเทศและในประเทศเพิ่มขึ้น แต่ก็ยังมีโอกาสที่ดอกเบี้ยนโยบายจะปรับเพิ่มขึ้นได้ ก็คงต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของกนง.ว่าจะให้น้ำหนักที่ส่วนไหน
"ไม่ใช่บอกว่าดอกเบี้ยจะไม่มีโอกาสปรับขึ้น แต่โอกาสที่จะทรงตัวน่าจะมีมากกว่า ซึ่งหากดอกเบี้ยนโยบายทรงตัว ดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ก็จะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ซึ่งในช่วงที่ผ่านมาดอกเบี้ยก็ได้ปรับเพิ่มมาระดับหนึ่งแล้ว"
ด้านสภาพคล่องของระบบในปัจจุบันนั้น ยังคงมีเหลืออยู่มาก แม้ว่าทั้งกระทรวงการคลังและธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)จะออกมาพันธบัตรมาขายแห่งละ 5 หมื่นล้านบาท ขณะที่ธนาคารพาณิชย์เองก็ได้ระดมเงินฝากมาไว้จำนวนหนึ่งแล้ว ซึ่งในส่วนของธนาคารก็จะมีการออกแคมเปญเป็นระยะ เพื่อรักษาฐานลูกค้าในช่วงที่แข่งขันสูง