xs
xsm
sm
md
lg

ทิสโก้ขยับเป้าสินเชื่อแตะ20%

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นางอรนุช อภิศักดิ์ศิริกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มทิสโก้ กล่าวว่า ผลงานของกลุ่มทิสโก้ในช่วงครึ่งแรกของปี 2554 ที่ผ่านนั้น เป็นที่น่าพอใจทั้งในส่วนของธุรกิจธนาคาร ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจการจัดการกองทุน ซึ่งกลุ่มทิสโก้จะยังยึดถือแนวทางในการดำเนินธุรกิจด้วยระมัดระวังต่อไป พร้อมกันนั้นจะมุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์การเงินที่ตอบโจทย์ลูกค้าในทุกกลุ่มอย่างต่อเนื่อง
ส่วนกรณีที่ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยของเงินให้สินเชื่อ(สเปรด)ของธนาคารปรับตัวลงเหลือ 4.2%ในปัจจุบันจากต้นปีที่อยู่ในระดับ 5%นั้น เป็นการปรับตัวเข้าสู่ระดับปกติ หลังจากช่วง 2 ปีก่อนสเปรดของธนาคารอยู่ในระดับสูงผิดปกติ จากการลดลงของดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วในปี 2552 จากวิกฤติเศรษฐกิจของสหรัฐฯ ขณะที่ดอกเบี้ยส่วนใหญ่ของธนาคารเป็นอัตราคงที่ ดังนั้น การปรับตัวลดลงของสเปรดดังกล่าวจึงไม่ส่งผลต่อการดำเนินงาน และยังอยู่ในระดับสูงกว่าช่วงปลายปี 2551 ที่สเปรดอยู่ในระดับ 3.6%
นายสุทัศน์ เรืองมานะมงคล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทิสโก้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารได้พิจารณาปรับเป้าหมายการปล่อยสินเชื่อในปีนี้เพิ่มขึ้นเป็น 20% จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ 15% หลังจากที่สินเชื่อรวมในไตรมาส 2 ที่ผ่านมาขยายตัวอย่างต่อเนื่องถึง 16.9% เมื่อเทียบกับสิ้นปีที่ผ่านมา โดย ณ 30 มิ.ย.2554 ธนาคารมียอดสินเชื่อรวม 1.75 แสนล้านบาท จากสิ้นปี 2553 ที่มีสินเชื่อคงค้าง 1.49 แสนล้านบาท
"สินเชื่อรายย่อยของธนาคารในช่วงครึ่งปีแรกเติบโตได้ค่อนข้างดี แม้ว่าสินเชื่อเช่าซื้อรถซึ่งเป็นสินเชื่อหลักจะได้รับผลกระทบจากการหยุดผลิตชิ้นส่วนรถยนต์จากญี่ปุ่น แต่สินเชื่อเช่าซื้อรถก็ยังสมารถเติบโตได้ จากผลิตภัณฑ์ที่ออกไว้รองรับ อาทิ "ทิสโก้ ออโต้ แคช" หรือ "ทิสโก้ ท๊อป อัพ รถฟ่อนอยู่ก็กู้ได้" เป็นต้น ส่วนในช่วงครึ่งปีหลัง คาดว่าสินเชื่อจะยังสามารถเติบโตได้ หลังบริษัทชิ้นส่วนรถยนต์ของญี่ปุ่นกลับเข้าสู่ภาวะปกติ การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ราบรื่น ก็น่าจะทำให้มีการลงทุนเพิ่มขึ้น และส่งผลสินเชื่อของแบงก์พาณิชย์ด้วย"
ด้านเงินฝากนั้นในช่วงไตรมาส 2 ปี 2554 มียอดรวม 1.49 แสนล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 21.11%เมื่อเทียบกับสิ้นปีที่ผ่านมา โดยส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของตั๋วแลกเงิน(บีอี)ระยะสั้นที่เพิ่มขึ้นถึง 52.6% ซึ่งการเพิ่มขึ้นดังกล่าวเป็นการปรับกลยุทธ้านการระดมเงินของธนาคารเพื่อรองรับการกำหนดใช้พ.ร.บ.คุ้มครองเงินฝากที่จะบังคับใช้ครึ่งปีหลัง เนื่องจากตั๋วเงินไม่ได้อยู่ในการคุ้มครองจากพ.ร.บ.ดังกล่าว เมื่อถึงกำหนดใช้จึงไม่ส่งผลกระทบเหมือนเงินฝาก
นายสุทัศน์กล่าวอีกว่า การระดมเงินฝากในช่วงที่ผ่านมาค่อนข้างรุนแรง เนื่องจากคาดการณ์ว่าสินเชื่อในครึ่งปีหลังจะยังเติบโตได้ดี แต่ในช่วงที่เหลือของปีการแข่งขันระดมเงินฝากคงจะไม่รุนแรงมากแล้ว เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้ขึ้นมาระดับหนึ่งแล้ว ขณะที่ดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ได้ปรับเพิ่มขึ้นล้ำหน้าดอกเบี้ยนโยบายไปแล้ว การแข่งขันด้านราคาจึงไม่น่าจะรุนแรงเท่าช่วงต้นปี
"ดอกเบี้ยนโยบายคงจะปรับขึ้นอีกไม่มากแล้ว คงจะเกิน 4%ไม่ได้ เพราะตอนนี้เริ่มมีความวิตกกังวลเรื่องเศรษฐกิจยุโรป อเมริกามากขึ้น ขณะที่เงินเฟ้อที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่ก็มาจากเงินดอลลาร์ฯที่อ่อนค่า ไม่ใช่เพราะเศรษฐกิจโตเกินไป และดอกเบี้ยนโยบายก็ไม่จำเป็นต้องสูงกว่าอัตราเงินเฟ้อ คงต้องดูปัจจัยอื่นๆประกอบด้วย"
กำลังโหลดความคิดเห็น