xs
xsm
sm
md
lg

ฟิทชให้เครดิตหุ้นกู้SCBที่"F1+(tha)"

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - ฟิทช์ เรทติ้งส์ให้เครดิตหุ้นกู้ระยะสั้น"ไทยพาณิชย์"ที่ระดับ "F1+(tha)" ในวงเงินไม่เกิน 5 หมื่นล้าน อายุไม่เกิน 270 วัน ระบุจากผลการดำเนินงานแข็งแกร่ง

บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศให้อันดับเครดิตภายในประเทศ (National Rating) ระยะสั้นที่ระดับ "F1+(tha)" แก่โครงการหุ้นกู้ระยะสั้นของธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB โดยหุ้นกู้ในโครงการดังกล่าวเป็น หุ้นกู้ไม่มีหลักประกัน ไม่ด้อยสิทธิ มูลค่าไม่เกิน 5 หมื่นล้านบาท อายุไม่เกิน 270 วัน ซึ่งจะทำการออกเป็นชุดเป็นระยะเวลา 12 เดือนนับจากที่ได้ยื่นเอกสารเพื่อขออนุมัติ จำนวนเงินที่ได้จากการออกหลักทรัพย์จะนำไปใช้ในการดำเนินธุรกิจทั่วไป ในขณะที่อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ SCB อยู่ที่ระดับ ‘AA(tha)’ แนวโน้มอันดับเครดิตมีเสถียรภาพ

ทั้งนี้ อันดับเครดิตของ SCB สะท้อนถึงผลการดำเนินงานโดยรวมที่แข็งแกร่ง รวมถึงสภาพคล่องที่พอเพียงและเงินกองทุนที่แข็งแกร่ง ซึ่งในความเห็นของฟิทช์น่าจะช่วยให้ธนาคารสามารถรองรับผลกระทบหากสภาพแวดล้อมในการดำเนินงานมีการปรับตัวอ่อนแอลงอย่างรุนแรง ธนาคารยังเป็นผู้นำทางด้านเครือข่ายของเงินฝากและสินเชื่อ โดยมีธุรกิจสินเชื่อรายย่อยที่แข็งแกร่งที่สุดเทียบกับธนาคารพาณิชย์ในประเทศไทย โดย SCB มีสินเชื่อรายย่อยเป็นสัดส่วน 38% ของสินเชื่อรวม กลุ่มธุรกิจทางการเงินของธนาคารยังประกอบด้วยธุรกิจจัดการกองทุนและธุรกิจหลักทรัพย์ ในเดือนมีนาคม 2554 ธนาคารได้เข้าซื้อหุ้นในบริษัทไทยพาณิชย์นิวยอร์คไลฟ์ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ SCNYL ในสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นเป็น 94.6% จาก 47.3% ซึ่งเป็นการขยายฐานธุรกิจประกันภัย โดยปัจจุบัน SCB มีทั้งธุรกิจประกันชีวิตและวินาศภัย

นอกจากนี้ ถึงแม้จะต้องเผชิญกับสภาวะความไม่สงบทางการเมืองในประเทศในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา SCB สามารถที่จะมีผลประกอบการที่แข็งแกร่ง โดยมีกำไรสุทธิ (รวมส่วนของผู้ถือหุ้นส่วนน้อย) อยู่ที่ 2.43 หมื่นล้านบาท ในปี 2553 เพิ่มขึ้น 16.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งเป็นผลมาจากรายได้ดอกเบี้ยและรายได้ค่าธรรมเนียมและค่าบริการที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญที่ลดลงในช่วงไตรมาส 1 ปี 2554 ธนาคารมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นถึง 104.4% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนมาอยู่ที่ 1.31 หมื่นล้านบาท หากไม่นับรวมกำไรที่เกิดขึ้นจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นใน SCNYL แล้ว SCB ยังคงมีกำไรสุทธิที่แข็งแกร่งที่ 8.0 พันล้านบาท ในไตรมาส 1 ปี 2554 หรือเพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยส่วนใหญ่เป็นผลจากการเติบโตของสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น 20% (เทียบกับไตรมาส 1 ปี 2553) และการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่าธรรมเนียมทางการเงินสุทธิจากการรวมงบการเงินของ SCNYL
กำลังโหลดความคิดเห็น