ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - หลังจากพรรคเพื่อไทยได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล แม้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีจะบอกว่าไม่มีนโยบายในการออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้แก่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้เป็นพี่ชายที่อยู่ระหว่างหลบหนีคดี แต่เมื่อดูจากพฤติกรรมของคนในรัฐบาลในช่วงสองสัปดาห์แรกของการทำงาน พบว่า มีเป้าหมายที่จะช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อย่างแน่นอน เพียงแต่ไม่กล้าประกาศออกมาอย่างโจ่งแจ้งเท่านั้น
นอกเหนือจากการช่วยร้องขอให้ทางการญี่ปุ่นอนุญาตให้ทักษิณ ชินวัตร เดินทางเข้าประเทศได้เป็นกรณีพิเศษ เพื่อสร้างเครดิตให้ตัวเองในเวทีนานาชาติ ทั้งที่มีหมายจับและคำพิพากษาจำคุกติดตัวแล้ว ในประเทศเอง ก็มีความเคลื่อนไหวที่จะช่วยให้ทักษิณ ชินวัตร หลุดพ้นจากคดีทุจริตคอร์รัปชั่น ทั้งคดีที่ศาลได้พิพากษาไปแล้วและคดีที่รอเข้าสู่กระบวนการทางศาล
นั่นคือการผลักดันให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ซึ่งจะมีผลให้มาตรา 309 ของรัฐธรรมนูญ ฉบับ พ.ศ.2550 ถูกยกเลิกไปโดยปริยาย และจะส่งผลให้คณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) ที่แต่งตั้งขึ้นโดยคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ (คมช.) หลังการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 ไม่มีกฎหมายรองรับ
นั่นหมายความว่า สำนวนคดีทุจริตคอร์รัปชั่นนับสิบคดีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตกเป็นจำเลย ตามที่ คตส.ได้สืบสวนสอบสวนเอาไว้รวมทั้งที่ส่งฟ้องศาลไปแล้ว จะกลายเป็นโมฆะขึ้นมาทันที
หลังการจัดตั้งรัฐบาล “ปู1”เสร็จลงใหม่ๆ นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎรแอบโยนหินถามทางออกมาว่า จะใช้เส้นทางลัดในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะใช้เวลาเพียง 3 เดือน วิธีการคือให้ ส.ส.ในสภาลงมติ เอาเนื้อหาของรัฐธรรมนูญ 2540 มาสวมทับฉบับ 2550 ยกเว้น 3 มาตราแรกที่คงเนื้อหาของฉบับ 2550 เอาไว้
แต่เมื่อถูกกระแสคัดค้าน เพราะนี่คือการรวบรัดให้ ส.ส.แก้ไขกันเองโดยไม่ให้ประชาชนมีส่วนร่วม นายสมศักดิ์ก็ออกมาแก้เกี้ยวว่า นั่นเป็นเพียงการแสดงความคิดเห็นในทางวิชาการว่า จะมีวิธีใดแก้ไขรัฐธรรมนูญได้บ้าง
อย่างไรก็ตาม การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน โดย ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวในช่วงการแถลงนโยบายรัฐบาลว่า จะแก้รัฐธรรมนูญอย่างแน่นอน เพราะได้หาเสียงกับประชาชนไว้ แต่จะเป็นการแก้ไขมาตรา 291 เพื่อให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ(ส.ส.ร.) ขึ้นมาทำหน้าที่ ซึ่งรายละเอียดจะเป็นอย่างไรต้องไปทำประชามติจากประชาชนก่อน
ร.ต.อ.เฉลิมพยายามบอกว่าระบบบัญญัติรัฐธรรมนูญไม่สามารถนิรโทษกรรมให้ใครได้ แต่ก็ไม่ได้บอกว่ารัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มาจาก ส.ส.ร.ที่จะเลือกตั้งขึ้นมาใหม่ ซึ่งถือเป็นชุดที่ 3 นั้น จะมีคงเนื้อหาตามมาตรา 309 ของฉบับ 2550 ไว้หรือไม่ ซึ่ง ณ เวลานี้ เชื่อขนมกินได้เลยว่าจะไม่มีอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ส.ส.ร.ชุดที่ 3 ตามแนวทางที่ ร.ต.อ.เฉลิมเปิดเผยออกมานั้น จะมาจากการเลือกตั้งจังหวัดละ 1 คน รวมเป็น 77 คน และแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิจากนักวิชาการหรือผู้เชี่ยวชาญมาร่วมอีก 33 คน ซึ่งก็พอจะมองออกว่า หากมีการเลือกตั้งจังหวัดละคนนั้น ส.ส.ร. 3 ก็จะมีแต่คนของระบอบทักษิณ
จึงเป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากมากที่จะมีการคงเนื้อหาตามมาตรา 309 ของรัฐธรรมนูญฉบับ 2550 เอาไว้ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยจะยกเอาข้ออ้างที่ว่า เนื้อหาในมาตรา 309 ไม่เป็นประชาธิปไตย เพราะเป็นการรับรองการรัฐประหารว่าเป็นสิ่งที่ถูกต้อง
แต่เป้าประสงค์หลักของระบอบทักษิณในการลบล้างมาตรา 309 ก็คือการลบล้างข้อกฎหมายที่รองรับการทำงานของ คตส. และเมื่อ คตส.ไม่มีกฎหมายรองรับเอาไว้ ความผิดของทักษิณ ชินวัตร ตามสำนวนการสบสวนของ คตส.ทุกคดี รวมทั้งคดีทุจริตการซื้อขายที่ดินย่านถนนรัชดาภิเษกที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุก 2 ปีไว้แล้ว ก็จะหายวับไปทันที
นี่คือช่องทางที่จะทำให้ทักษิณ ชินวัตร เดินทางกลับเข้าประเทศโดยปราศจากความผิด และรัฐบาลของน้องสาวไม่ต้องถูกครหาว่าออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้พี่ชายของตัวเองเป็นการเฉพาะ แต่ทักษิณ ชินวัตร ก็สามารถพ้นจากความผิดได้ด้วยผลของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ทักษิณมองเห็นช่องทางนี้ จึงได้แต่อดใจรอ ไม่เร่งรีบให้เห็นเป็นพิรุธ ซึ่งหากสังเกตจากคำให้สัมภาษณ์ของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ก็จะพบว่า ไม่มีการพูดถึงเงื่อนไขเวลา โดยบอกว่าอาจจะกินเวลาหลายปีก็ได้ ทั้งนี้ เพื่อลับลวงพรางไม่ให้ฝ่ายต่อต้านจับทางถูก
แม้ว่าอาจจะมีบางคนที่กระตือรือร้นกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นพิเศษ นั่นคือ นายแพทย์เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และเป็นแกนนำคนเสื้อแดงที่เคยเป็นตัวตั้งตัวตีล่ารายชื่อประชาชนเสนอขอร่างรัฐธรรมนูญฉบับของตัวเองไว้แล้ว
ในระหว่างการแถลงนโยบายรัฐบาล นายแพทย์เหวง โตจิราการ อภิปรายในสภาอ้างว่าการที่พรรคเพื่อไทยได้รับเลือกตั้ง ส.ส.เข้าสภามากที่สุด พรรคเพื่อไทยสามารถที่จะอ้างเป็นเจตนารมณ์แก้ไขรัฐธรรมนูญตามที่พรรคต้องการก็ได้ แต่พรรคก็ยังไม่ทำเพราะต้องการให้ประชาชนมีส่วนร่วม
อย่างไรก็ตาม หากวัดจากกระแสสังคมต่อกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้น เอแบคโพลได้เปิดเผยผลสำรวจเมื่อวันที่ 21 สิงหาคมต่อสถานการณ์ทางการเมืองพบว่า กลุ่มตัวอย่างร้อยละ 52.7 ไม่ไว้วางใจและเกรงว่าจะมีเหตุวุ่นวายขัดแย้งรุนแรงเกิดขึ้นอีก จากกระแสข่าวการแก้ไขรัฐธรรมนูญและสถานการณ์การเมืองขณะนี้
ขณะที่ร้อยละ 53.3 ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีเพียงร้อยละ 46.7 ที่เห็นด้วย ส่วนร้อยละ 76.9 เห็นว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องที่รอได้ไม่จำเป็นต้องทำทันทีตอนนี้ ในขณะที่ร้อยละ 23.1 ระบุเป็นเรื่องเร่งด่วนต้องทำทันที
นอกจากนี้ ผลสำรวจยังพบว่าร้อยละ 55.1 เห็นว่า ความพยายามแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นความพยายามทำเพื่อผลประโยชน์ของคนบางคนบางกลุ่ม ในขณะที่ร้อยละ 44.9 เห็นว่าทำเพื่อประโยชน์ส่วนรวม
เมื่อถามถึงความคิดเห็นเกี่ยวกับข่าวสารการเมืองที่ได้รับในเวลานี้ พบว่า ร้อยละ 40.9 ระบุรัฐบาลกำลังมุ่งช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร มากเกินไป ร้อยละ 79.8 ต้องการให้รัฐบาลเร่งแก้ไขปัญหาปากท้อง เศรษฐกิจของประชาชนมากกว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ในขณะที่เพียงร้อยละ 2.1 ต้องการให้รัฐบาลเร่งแก้ไขรัฐธรรมนูญมากกว่า
จากผลสำรวจดังกล่าว พรรคเพื่อไทยต้องตระหนักว่า แม้การแก้ไขรัฐธรรมนูญจะเป็น 1 ในประเด็นที่หาเสียงกับชาวบ้านเอาไว้ แต่การที่ชาวบ้านเลือกมาเป็นรัฐบาลนั้น ไม่ใช่เลือกเพื่อให้เข้ามาแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่เลือกเพราะนโยบายที่บอกว่าจะแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจปากท้องให้ชาวบ้านมากกว่า ไม่ว่าจะเป็น ปรับค่าแรงขั้นต่ำขึ้นเป็นวันละ 300 บาท ให้เงินเดือนคนที่จบปริญญาตรีเริ่มต้นที่ 15,000 บาท หรือการยกเลิกกองทุนน้ำมันเพื่อให้น้ำมันราคาถูกลง เป็นต้น
ต้องจับตาว่า นับจากนี้พรรคเพื่อไทยจะปรับกลยุทธ์ในการเคลื่อนไหวแก้ไขรัฐธรรมนูญใหม่อย่างไร เพื่อปกปิดวัตถุประสงค์ซ่อนเร้นในการช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรให้มิดชิดกว่านี้