xs
xsm
sm
md
lg

ปชป.ยื่นถอดถอน"เสี่ยปึ้ง" ช่วย"แม้ว"ขอวีซ่าเข้าญี่ปุ่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

เมื่อเวลา 10.30 น. วานนี้ ( 25 ส.ค. ) นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ได้นำรายชื่อส.ส.พรรคจำนวน 130 คน เข้ายื่นต่อพล.อ.ธีรเดช มีเพียร ประธานวุฒิสภา เพื่อให้ถอดถอน นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี เนื่องจากมีพฤติการณ์ส่อว่า จงใจใช้อำนาจหน้าที่ขัดต่อบทบัญญัติ หรือกฎหมายฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง 2 ประการ คือ ครม.จะปฏิบัติหน้าที่ได้จะต้องมีการโปรดเกล้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญานตน และแถลงนโยบายต่อรัฐสภา แต่ปรากฏว่านายสุรพงษ์ ได้ใช้อำนาจในฐานะรมว.ต่างประเทศ ก่อนที่จะมีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาไปร้องขอต่อรัฐบาลญี่ปุ่น ให้ออกวีซ่าให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ผู้ต้องขังตามหมายจับของศาลฎีกาแผนกคดีอาญาผู้ดำรงตำแหน่งทากงารเมือง ซึ่งมีโทษจำคุก 2 ปี อีกทั้งเป็นผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลอาญา ในคดีความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้าย
นายวิรัตน์ กล่าวว่า นายสุรพงษ์ ได้ระบุว่า รัฐบาลมีนโยบายจะยกเลิกการติดตามตัวคนร้าย ซึ่งหมายถึงพ.ต.ท.ทักษิณ มาลงโทษ แต่เมื่อดูนโยบายที่ได้แถลงต่อรัฐสภา กลับไม่มีนโยบายดังกล่าว ถือว่าขัดบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 176 อย่างชัดแจ้ง และมีเจตนาพิเศษเพื่อมิให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ถูกจับกุมตามหมายจับ และหมายคุมขังของศาลการกระทำดังกล่าวของนายสุรพงษ์ ถือว่ามีความผิดตามประมวลกฎหมาย อาญา ม. 189 และ ม. 192 ทั้งยังขัดต่อประมวลจริยธรรมของส.ส. พ.ศ.2553 อีกด้วย
ดังนั้น ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ทั้ง 130 คน อยากชี้ให้สังคมเห็นว่า นักการเมืองหรือรัฐาธิปัตย์ ไม่อยู่ในกรอบระเบียบบ้านเมืองจะเสียหาย ที่ยื่นถอดถอนครั้งนี้เพื่อเตือนสตินักการเมือง เมื่อมีอำนาจก็อย่าเหลิงในอำนาจ
ด้านพล.อ.ธีรเดช มีเพียร ประธานวุฒิสภา กล่าวว่า ขั้นตอนจากนี้ไปภายในกรอบเวลา 30 วัน โดยประธานวุฒิสภาจะแจ้งเรื่องดังกล่าวต่อที่ประชุมวุฒิสภา และตรวจสอบคำร้อง และรายชื่อผู้ยื่นถอดถอนทั้ง 130 คน ว่าถูกต้องหรือไม่ หากครบถ้วน ถูกต้อง จะส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ( ปปช. )ไต่ส่วนต่อไป

ด้านนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ กล่าวถึงการมารับหน้าที่ครั้งนี้แล้วถูกสังคมมองว่า เป็นสายล่อฟ้า ว่า ตนยินดี และไม่หนักใจ เพราะตนเกิดธาตุไฟ มันจึงร้อนและเป็นสายล่อฟ้าอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า ภารกิจลำดับแรกที่จะดำเนินการคือ อะไร นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ตอนนี้เท่าที่คุยกันนั้น เดือน ก.ย.จะเดินทางไปเยือนประเทศในอาเซียนตามธรรมเนียมปฏิบัติ โดยไม่รู้ว่าจะไปประเทศใด อาจเรียงตามตัวอักษร ส่วนคำเชิญให้ไปเยือนกัมพูชานั้น ขอตรวจสอบรายการกับกระทรวงก่อน ยืนยันทำงานเต็มที่
นายสุรพงษ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ใช้ล่ามประจำตัวในการพบกับทูตต่างๆว่า เรื่องใดที่เป็นทางการ และเป็นกิจจะลักษณะ ตนตั้งใจใช้ล่าม ซึ่งคิดว่าไม่น่ามีปัญหา เพราะเรามีภาษาไทยเป็นภาษาประจำชาติ ตนจึงจะใช้ภาษาไทยในการพูดทุกเรื่องที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์ที่เป็นทางการทั้งหมด แต่หากหลังจากคุยกันจบแล้วก็จะคุยด้วยภาษาอังกฤษ เพราะตนระวังถ้อยคำทางการทูต เพราะภาษาบางคำใช้ผิดจะดิ้นได้ เช่น คำว่าเข้มแข็งนั้น ภาษาทางวิศวกรรม ใช้อีกความหมาย หนึ่งแต่ภาษาทางธุรกิจ ก็ใช้อีกความหมายหนึ่ง ฉะนั้นสิ่งที่ละเอียดอ่อน ตนใช้ภาษาไทยดีที่สุด อย่างน้อยจะมีบันทึกที่ล่ามบันทึกไว้
" ไม่ต้องห่วง ผมมีโอกาสทำงานจะทำให้ดีที่สุดโดยเฉพาะความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา ลาว พม่า มาเลเซีย เพราะหลายเรื่องได้คุยกับทูตประเทศต่างๆ แบบนอกรอบ และเร็วๆนี้ จะมีข่าวดีหลายเรื่องตามมา รอให้มีหนังสืออย่างเป็นทางการแจ้งมาก่อนแล้ว จะประกาศให้ทราบ เพราะหลายเรื่องมีความอ่อนไหว หากพูดไปก่อนจะเสียหาย" นายสุรพงษ์ กล่าว
นายสุรพงษ์ ยังกล่าวถึงการทำงานร่วมกับขรก.ว่า ตนเข้ามาในฐานะผู้บริหาร จะดูทุกเรื่อง โดยจะร่วมกับทูตประเทศต่างๆ ทำงานร่วมกัน และตนขอร้องข้าราชการให้ทำงานเพื่อประเทศ ไม่แบ่งฝ่าย ซึ่งข้าราชการจะเป็นหัวใจให้ประเทศเดินไปได้
เมื่อถามว่าการแต่งตั้งโยกย้ายราชการประจำปี จะไปย้ายข้าราชการที่ รมว.ต่างประเทศคนก่อนแต่งตั้งไว้หรือไม่ นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้เข้าไปดู เพราะปลัดกระทรวงยังไม่เสนอขึ้นมา
นายสุรพงษ์ กล่าวถึงการเดินทางไปสานสัมพันธ์กับกัมพูชาว่า เรื่องนี้กระทรวงรายงานให้ตนฟังแล้ว และมีกรณีที่ตนเป็นห่วงมากที่สุดคือ คดีที่อยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศที่มีมาตรการชั่วคราว รวมทั้งตีความคดีปราสาทพระวิหาร เมื่อปี 2505 เรื่องนี้จะต้องสรุปในวันที่ 21 พ.ย. ศาลอาจตัดสินเลย รวมทั้งรัฐบาลชุดที่แล้วดำเนินการหลายเรื่อง แต่เรื่องนี้เท่าที่ตนสังเกตนั้นล่าช้าไปนิด แต่ทนายความที่มีชื่อเสียงระดับโลก 3 คนที่กระทรวงจ้างไว้ และคณะทำงานที่จะสู้คดีก็จะทำงานต่อไปตามที่รัฐบาลชุดที่แล้ววางไว้ แต่มีสิ่งที่น่าห่วงหลายข้อ ที่ตนยังไม่ได้คุย
ส่วนแนวโน้มการสูญเสียดินแดนนั้น นายสุรพงษ์ กล่าวว่า ขอเรียนว่า เรื่องนี้อ่อนไหว ตนไม่สบายใจ เพราะบางเรื่องดำเนินการล่าช้าเเละทำงานไม่เต็มที่ แต่ตนไม่อยากจะว่ากล่าวกันว่าในอดีตทำกันอย่างไร โดยจะทำงานก้าวต่อไป และส่วนหนึ่งจะให้สังคมรู้ว่า สิ่งต่างๆ เกิดอะไรขึ้น และตนจะสรุปให้ฟัง
" ศาลโลกเมื่อปี 2505 ตัดสินแล้ว และไทยยอมรับ แต่เหตุการณ์วันนี้จะโทษกันไปมาไม่มีประโยชน์กับไทยและเพื่อนบ้าน ผมให้กระทรวงลำดับเรื่องทั้งหมดที่ยาวมาก บางเรื่องอ่อนไหว เปิดเผยไม่ได้ เมื่อผมเห็นรายงานสรุปจึงบอกว่าไม่สบายใจ และเหลือเวลา 3 เดือนก่อนศาลตัดสิน ส่วนเรื่องพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลของไทยกับกัมพูชา ตามที่สมาชิกอภิปรายนั้น ตัวเลขพื้นที่ 2.6 หมื่นตารางกิโลเมตร ในเอ็มโอยู 2544 ที่คุยเรื่องจัดผลประโยชน์ให้ลงตัว เรื่องนี้เคยคุยกันแล้ว เเต่ตัวเลขต้องคุยกันอีกครั้ง เพราะโดนนายอภิสิทธิ์ ยกเลิกไปหนึ่งปีให้หลังเอ็มโอยูนี้ ยังมีผลอยู่ เรื่องนี้สลับซับซ้อนและไม่อยากกล่าวหาใคร" นายสุรพงษ์ กล่าว
นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า เรื่องปัญหาพื้นที่ทับซ้อนนั้น ตนขอไปดูรายละเอียดก่อนเพราะมันอ่อนไหว ส่วนข้อหาที่พรรคประชาธิปัตย์ ระบุว่า อาจมีใครบางคนได้ประโยชน์ในเรื่องนี้ ขอเรียนว่าไม่มีใครได้ประโยชน์ ลึกๆแล้ว หากมองดีๆ ยุโรปเริ่มเข้ามาแล้ว ทั้งๆ ที่ไทยได้เปรียบ
ส่วนการที่รัฐบาลชุดที่แล้วประกาศด้วยวาจา ขอถอนตัวจากการเป็นภาคีสมาชิกมรดกโลกนั้น นายสุรพงษ์ กล่าวว่า แม้ตัวแทนรัฐบาลชุดที่แล้วจะแถลงไปแล้ว แต่ยังไม่เป็นทางการ จนกว่าจะมีตราสารที่ลงนามโดยนายกฯ หรือตนไปยืนยันการถอนตัว อย่างไรก็ตาม ผอ.ยูเนสโก เคยส่งหนังสือถึง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ ว่า อย่าถอนตัว เพราะการเป็นสมาชิกนั้นประเทศไทยจะได้ประโยชน์ และเรื่องนี้คิดว่ามีทางออกดีอยู่แล้ว และหากจะตัดสินใจใดๆ ก็ต้องเสนอครม.ตัดสินใจด้วย ขอย้ำว่าข้อดีมีมากกว่าข้อเสีย ในการเป็นภาคีสมาชิก
นายสุรพงษ์ ยืนยันว่า ไม่ได้มาทำงานเพื่อช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร แต่ทำงานเพื่อช่วยเหลือประชาชน และแก้ปัญหาประเทศ โดยเฉพาะความปรองดอง
เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ระบุว่าจะกลับประเทศเมื่อบ้านเมืองสงบ นายสุรพงษ์กล่าวว่า ยังไม่มี เมื่อถามว่า หากพ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางไปประเทศใด รัฐบาลไทยจะไม่ห้าม นายสุรพงษ์ กล่าวว่า เป็นเอกสิทธิของแต่ละประเทศที่จะพิจารณาว่าจะอนุญาตให้เข้าประเทศได้หรือไม่ เพราะพ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้ถือพาสปอร์ตประเทศไทย เมื่อถามว่า ใครจะไปขอร้องให้ พ.ต.ท.ทักษิณอยู่นิ่งๆได้บ้าง นายสุรพงษ์ หัวเราะ และกล่าวว่า คงห้ามไม่ได้ เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว
กำลังโหลดความคิดเห็น