ASTVผู้จัดการรายวัน-กรมธุรกิจพลังงานเตรียมทบทวนแผนขายดีเซลบี 4 เป็นบี 3 แทนหลังปริมาณปาล์มน้ำมันเริ่มลดลงตามฤดูกาล หวั่นน้ำมันปาล์มเพื่อการบริโภคขาดแคลน
นางพูลทรัพย์ สกุณี รองอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการทบทวนโครงสร้างน้ำมันดีเซลใหม่ เนื่องจากปริมาณน้ำมันปาล์มที่ออกสู่ตลาดลดลง จึงอาจจำเป็นต้องยกการจำหน่ายดีเซลบี 4 ที่จะสิ้นสุดก.ย.นี้ หันไปใช้ดีเซลบี 3 แทน โดยจะหารือกับกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พ.พ.) เพื่อตรวจสอบปริมาณสต็อกที่แน่ชัดอีกครั้ง
"ที่ผ่านมา นโยบายการใช้ดีเซลบี 4 มีกำหนดระยะเวลาตั้งแต่ 1 ก.ค.-30 ก.ย. มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยระบายปาล์มน้ำมันในระบบที่มีอยู่จำนวนมากในขณะนั้น จึงได้เพิ่มสัดส่วนไบโอดีเซล (บี100) ผสมในดีเซล จาก 3% เป็น 4% หรือเพิ่มจากเดือนละ 2.5 หมื่นตันเป็น 3.5 หมื่นตัน แต่ตัวเลขปาล์มน้ำมันจะลดลงเดือนก.ย.นี้ ซึ่งอาจไม่สามารถขยายเวลาการขายบี 4 ออกไปได้เพื่อป้องกันการขาดแคลนที่จะส่งผลกระทบต่อปาล์มน้ำมันเพื่อการบริโภค"
นายไกรฤทธิ์ นิลคูหา อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พ.พ.) กล่าวว่า เบื้องต้นมีสต๊อกน้ำมันปาล์มอยู่ 2.5 แสนตัน ซึ่งแนวโน้มจนถึงสิ้นปีจะเริ่มลดลงตามฤดูกาล ดังนั้น ทางกรมธุรกิจพลังงานจะต้องประเมินให้ชัดเจนว่าจะต้องใช้บี 100 จำนวนเท่าไร จากปัจจุบันดีเซลบี 4ใช้บี 100 วันละ 2 ล้านลิตร อย่างไรก็ตาม สถิติปริมาณสต็อกปาล์มน้ำมันในช่วงที่ผ่านมา เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 2 แสนตันขึ้นไป โดยเดือนพ.ค. อยู่ที่ 2.13 แสนตัน เดือน มิ.ย. อยู่ที่ 2.42 แสนตัน เดือน ก.ค. อยู่ที่ 2.68 แสนตัน เดือน ส.ค. อยู่ที่ 2.81 แสนตัน และเดือน ก.ย. อยู่ที่ 3.14 แสนตัน
ทั้งนี้ พพ. ได้ลงนามบันทึกความร่วมมือกับกรมทรัพยากรน้ำบาดาล (ทบ.) และบมจ.ปตท. เพื่อร่วมกันประเมินศักยภาพของแหล่งพลังงานที่มีในประเทศ และศึกษาเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อพัฒนาแหล่งพลังงานความร้อนใต้พิภพที่เหมาะสมที่สุดภายในระยะเวลา 2 ปี และเพื่อพัฒนาให้ได้โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพของไทย
นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ปาล์มน้ำมันเป็นพืชเศรษฐกิจที่กำลังประสบปัญหาหลังเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ต่อจากข้าวและกาแฟ หากจะให้อยู่รอด รัฐบาลต้องตั้งสถาบันนโยบายและพัฒนาปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มแห่งชาติ (สนป.) เป็นองค์กรมหาชน แทนคณะกรรมการน้ำมันปาล์มแห่งชาติ (กนป.) เพื่อให้ปลอดจากการเมือง โดยทำหน้าที่ออกกฎหมายการพัฒนาปาล์มน้ำมันของชาติ กำหนดแผนปฏิรูป บริหารจัดการ พัฒนาการผลิต และเป้าหมายการผลิต เพื่อให้เกิดการใช้น้ำมันที่เป็นระบบ โดยระยะสั้นต้องมุ่งเรื่องลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตต่อไร่แทนการขยายพื้นที่ปลูก
นางพูลทรัพย์ สกุณี รองอธิบดีกรมธุรกิจพลังงาน (ธพ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการทบทวนโครงสร้างน้ำมันดีเซลใหม่ เนื่องจากปริมาณน้ำมันปาล์มที่ออกสู่ตลาดลดลง จึงอาจจำเป็นต้องยกการจำหน่ายดีเซลบี 4 ที่จะสิ้นสุดก.ย.นี้ หันไปใช้ดีเซลบี 3 แทน โดยจะหารือกับกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พ.พ.) เพื่อตรวจสอบปริมาณสต็อกที่แน่ชัดอีกครั้ง
"ที่ผ่านมา นโยบายการใช้ดีเซลบี 4 มีกำหนดระยะเวลาตั้งแต่ 1 ก.ค.-30 ก.ย. มีวัตถุประสงค์เพื่อช่วยระบายปาล์มน้ำมันในระบบที่มีอยู่จำนวนมากในขณะนั้น จึงได้เพิ่มสัดส่วนไบโอดีเซล (บี100) ผสมในดีเซล จาก 3% เป็น 4% หรือเพิ่มจากเดือนละ 2.5 หมื่นตันเป็น 3.5 หมื่นตัน แต่ตัวเลขปาล์มน้ำมันจะลดลงเดือนก.ย.นี้ ซึ่งอาจไม่สามารถขยายเวลาการขายบี 4 ออกไปได้เพื่อป้องกันการขาดแคลนที่จะส่งผลกระทบต่อปาล์มน้ำมันเพื่อการบริโภค"
นายไกรฤทธิ์ นิลคูหา อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พ.พ.) กล่าวว่า เบื้องต้นมีสต๊อกน้ำมันปาล์มอยู่ 2.5 แสนตัน ซึ่งแนวโน้มจนถึงสิ้นปีจะเริ่มลดลงตามฤดูกาล ดังนั้น ทางกรมธุรกิจพลังงานจะต้องประเมินให้ชัดเจนว่าจะต้องใช้บี 100 จำนวนเท่าไร จากปัจจุบันดีเซลบี 4ใช้บี 100 วันละ 2 ล้านลิตร อย่างไรก็ตาม สถิติปริมาณสต็อกปาล์มน้ำมันในช่วงที่ผ่านมา เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 2 แสนตันขึ้นไป โดยเดือนพ.ค. อยู่ที่ 2.13 แสนตัน เดือน มิ.ย. อยู่ที่ 2.42 แสนตัน เดือน ก.ค. อยู่ที่ 2.68 แสนตัน เดือน ส.ค. อยู่ที่ 2.81 แสนตัน และเดือน ก.ย. อยู่ที่ 3.14 แสนตัน
ทั้งนี้ พพ. ได้ลงนามบันทึกความร่วมมือกับกรมทรัพยากรน้ำบาดาล (ทบ.) และบมจ.ปตท. เพื่อร่วมกันประเมินศักยภาพของแหล่งพลังงานที่มีในประเทศ และศึกษาเทคโนโลยีต่างๆ เพื่อพัฒนาแหล่งพลังงานความร้อนใต้พิภพที่เหมาะสมที่สุดภายในระยะเวลา 2 ปี และเพื่อพัฒนาให้ได้โรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพของไทย
นายอัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ปาล์มน้ำมันเป็นพืชเศรษฐกิจที่กำลังประสบปัญหาหลังเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (AEC) ต่อจากข้าวและกาแฟ หากจะให้อยู่รอด รัฐบาลต้องตั้งสถาบันนโยบายและพัฒนาปาล์มน้ำมันและน้ำมันปาล์มแห่งชาติ (สนป.) เป็นองค์กรมหาชน แทนคณะกรรมการน้ำมันปาล์มแห่งชาติ (กนป.) เพื่อให้ปลอดจากการเมือง โดยทำหน้าที่ออกกฎหมายการพัฒนาปาล์มน้ำมันของชาติ กำหนดแผนปฏิรูป บริหารจัดการ พัฒนาการผลิต และเป้าหมายการผลิต เพื่อให้เกิดการใช้น้ำมันที่เป็นระบบ โดยระยะสั้นต้องมุ่งเรื่องลดต้นทุนและเพิ่มผลผลิตต่อไร่แทนการขยายพื้นที่ปลูก
