ASTVผู้จัดการรายวัน - ตลาดหุ้นทั่วโลกดิ่ง รับตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ไม่กระเตื้อง บวกกับวิกฤตการเงินยุโรป ขณะที่ตลาดหุ้นไทยต่างชาติทิ้งอีก 6.3 พันล้าน กดดัชนีร่วงเกือบ 20 จุด หรือ 1.83% น้อยกว่าตลาดหุ้นภูมิภาค
บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (19 ส.ค.) ยังถึงถูกกดดันด้วยปัญหาเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ และยุโรป กดดันให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงตั้งแต่เปิดการซื้อขาย สอดคล้องกับตลาดหุ้นทั่วโลก โดยปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดที่ 1,066.09 จุด สูงสุดที่ระดับ 1,079.73 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 1,069.20 จุด ลดลงจากวันก่อน 19.89 จุด หรือคิดเป็น 1.83% มูลค่าการซื้อขาย 39,218.28 ล้านบาท
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างประเทศยังคงเทขายหุ้นไทยออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดขายสุทธิ 6,388.36 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันในประเทศ ขายสุทธิ 366.29 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 856.57 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อย ซื้อสุทธิ 7,611.21 ล้านบาท
สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ บมจ. ปตท. (PTT) ราคาปิดที่ 318 บาท ลดลง 11 บาท หรือคิดเป็น 3.34% มูลค่าการซื้อขาย 2,884.36 ล้านบาท ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ราคาปิด 131 บาท ลดลง 4.50 บาท หรือ 3.32% และบมจ.บ้านปู (BANPU) ราคาปิด 658 บาท ลดลง 22 บาท หรือ 3.24% มูลค่าการซื้อขาย 1,856.19 ล้านบาท
แม้ว่าตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวลดลง แต่คิดเป็นอัตราที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาค โดย ตลาดหุ้นโตเกียว ดัชนีนิกเกอิ ปิดที่ 8,719.24 จุด ลดลงจากวันก่อน 224.52 จุด หรือคิดเป็ฯ 2.51% ตลาดหุ้นฮ่องกง ดัชนีฮั่งเส็ง ปิดที่ 19,399.92 จุด ลดลง 616.35 จุด หรือ 3.08% และตลาดหุ้นสิงคโปร์ ดัชนีสเตรทไทม์ ปิดที่ 2,733.63 จุด ลดลง -91.33 จุด หรือ 3.23%
นักวิเคราะหลักทรัพย์ กล่าวให้ความเห็นว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงได้รับแรงกดดันจากปัจจัยลบเรื่องเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยุโรปที่ยังไม่มีแนวโน้มที่ดีขึ้น ทำให้นักลงทุนตื่นตระหนกจึงทยอยเทขายหุ้นออกมา และมีบางส่วนปรับพอร์ตไปลงทุนโกลด์ฟิวเจอร์สมากขึ้น แต่ตลาดหุ้นไทยเองยังปรับตัวน้อยกว่าตลาดหุ้นภูมิภาค เพราะได้รับแรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และรับเหมาก่อสร้าง ที่ประเมินว่าจะได้รับประโยชน์จากนโยบายของรัฐบาลที่จะมีการกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ โดยเฉพาะนโยบายปล่อยกู้ซื้อบ้านหลังแรก อัตราดอกเบี้ย 0% เป็นระยะเวลา 5 ปี
ส่วนแนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้านั้น ตลาดหุ้นทั่วโลกรวมถึงตลาดหุ้นไทย มีสัญญาณฟื้นตัวได้ เนื่องจาก กลุ่มประเทศ G7 อาจจะมีนโยบายหรือแผนเข้ามาช่วยบรรเทาปัญหาที่เกิดขึ้น ก่อนจะลุกลามมากขึ้น ขณะที่ตลาดหุ้นไทยเองต้องจับตาโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลที่จะแถลงต่อรัฐสภาในสัปดาห์หน้า พร้อมประเมินแนวรับไว้ที่ระดับ 1,060 และ 1055 จุด และแนวต้าน 1,080 จุด.
บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (19 ส.ค.) ยังถึงถูกกดดันด้วยปัญหาเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐฯ และยุโรป กดดันให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลดลงตั้งแต่เปิดการซื้อขาย สอดคล้องกับตลาดหุ้นทั่วโลก โดยปรับตัวลดลงแตะระดับต่ำสุดที่ 1,066.09 จุด สูงสุดที่ระดับ 1,079.73 จุด ก่อนจะปิดการซื้อขายที่ 1,069.20 จุด ลดลงจากวันก่อน 19.89 จุด หรือคิดเป็น 1.83% มูลค่าการซื้อขาย 39,218.28 ล้านบาท
ทั้งนี้ นักลงทุนต่างประเทศยังคงเทขายหุ้นไทยออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยมียอดขายสุทธิ 6,388.36 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันในประเทศ ขายสุทธิ 366.29 ล้านบาท บัญชีบริษัทหลักทรัพย์ ขายสุทธิ 856.57 ล้านบาท และนักลงทุนรายย่อย ซื้อสุทธิ 7,611.21 ล้านบาท
สำหรับหลักทรัพย์ที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ บมจ. ปตท. (PTT) ราคาปิดที่ 318 บาท ลดลง 11 บาท หรือคิดเป็น 3.34% มูลค่าการซื้อขาย 2,884.36 ล้านบาท ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ราคาปิด 131 บาท ลดลง 4.50 บาท หรือ 3.32% และบมจ.บ้านปู (BANPU) ราคาปิด 658 บาท ลดลง 22 บาท หรือ 3.24% มูลค่าการซื้อขาย 1,856.19 ล้านบาท
แม้ว่าตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวลดลง แต่คิดเป็นอัตราที่ต่ำกว่าเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นในภูมิภาค โดย ตลาดหุ้นโตเกียว ดัชนีนิกเกอิ ปิดที่ 8,719.24 จุด ลดลงจากวันก่อน 224.52 จุด หรือคิดเป็ฯ 2.51% ตลาดหุ้นฮ่องกง ดัชนีฮั่งเส็ง ปิดที่ 19,399.92 จุด ลดลง 616.35 จุด หรือ 3.08% และตลาดหุ้นสิงคโปร์ ดัชนีสเตรทไทม์ ปิดที่ 2,733.63 จุด ลดลง -91.33 จุด หรือ 3.23%
นักวิเคราะหลักทรัพย์ กล่าวให้ความเห็นว่า ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลงได้รับแรงกดดันจากปัจจัยลบเรื่องเศรษฐกิจสหรัฐฯ และยุโรปที่ยังไม่มีแนวโน้มที่ดีขึ้น ทำให้นักลงทุนตื่นตระหนกจึงทยอยเทขายหุ้นออกมา และมีบางส่วนปรับพอร์ตไปลงทุนโกลด์ฟิวเจอร์สมากขึ้น แต่ตลาดหุ้นไทยเองยังปรับตัวน้อยกว่าตลาดหุ้นภูมิภาค เพราะได้รับแรงหนุนจากหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ และรับเหมาก่อสร้าง ที่ประเมินว่าจะได้รับประโยชน์จากนโยบายของรัฐบาลที่จะมีการกระตุ้นการใช้จ่ายภายในประเทศ โดยเฉพาะนโยบายปล่อยกู้ซื้อบ้านหลังแรก อัตราดอกเบี้ย 0% เป็นระยะเวลา 5 ปี
ส่วนแนวโน้มการลงทุนในสัปดาห์หน้านั้น ตลาดหุ้นทั่วโลกรวมถึงตลาดหุ้นไทย มีสัญญาณฟื้นตัวได้ เนื่องจาก กลุ่มประเทศ G7 อาจจะมีนโยบายหรือแผนเข้ามาช่วยบรรเทาปัญหาที่เกิดขึ้น ก่อนจะลุกลามมากขึ้น ขณะที่ตลาดหุ้นไทยเองต้องจับตาโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลที่จะแถลงต่อรัฐสภาในสัปดาห์หน้า พร้อมประเมินแนวรับไว้ที่ระดับ 1,060 และ 1055 จุด และแนวต้าน 1,080 จุด.
