เมื่อเช้าวานนี้ (19 ส.ค.) พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม ได้เดินทางลงพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 เพื่อสำรวจพื้นที่ และรับฟังบรรยายสรุปของศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 และพบปะกำลังพล ตรวจพื้นที่บริเวณอุทยานแห่งชาติผามออีแดง จ.ศรีสะเกษ เพื่อเตรียมข้อมูลก่อนการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย –กัมพูชา ที่จะมีขึ้นในเดือนกันยายนนี้ โดยมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่ร่วมคณะ ประกอบด้วย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. และพล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เสนาธิการทหารบก พล.อ.วิทวัส รชตนันทน์ รองปลัดกระทรวงกลาโหม
พล.อ.ยุทธศักดิ์ เปิดเผยว่า หลังจาก พล.อ.เตีย บันห์ รองนายกฯ และรมว.กลาโหมกัมพูชา ได้มีจดหมายเชิญให้ตนไปร่วมประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา หรือ จีบีซี ครั้งที่ 8 ที่กรุงพนมเปญ ตนจึงได้มีการพูดคุยกันทางโทรศัพท์กับ พล.อ.เตีย บันห์ ถึงกรอบกว้างๆ ของมติศาลโลกในการออกมาตรการคุ้มครองชั่วคราว ในเรื่องเขตปลอดทหารและการส่งผู้สังเกตการณ์ พร้อมทั้งได้ขอบใจ ที่แสดงความปรารถนาดีต่อฝ่ายไทย
ส่วนกรณีการส่งผู้สังเกตการณ์อินโดนีเซีย เข้าไปในพื้นที่ เพื่อติดตามการถอนทหารในเขตปลอดทหารนั้น ทางพล.อ.เตีย บันห์ บอกว่า หากการหารือระหว่าง 2 ฝ่าย ในคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย –กัมพูชา หรือ อาร์บีซี และ คณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย –กัมพูชา หรือ จีบีซี ได้แนวทางในการปฏิบัติร่วมกัน ก็ไม่จำเป็นต้องมีผู้สังเกตการณ์เข้ามาแต่อย่างใด ในระหว่างนี้ตนได้มอบหมายให้ พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ หนึ่งในว่าที่ ที่ปรึกษารมว.กลาโหม ไปประสานงานอย่างไม่เป็นทางการ เชื่อว่าแนวทางในการแก้ไขปัญหาร่วมกันมีสัญญาณที่ดี
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. เปิดเผยว่า การเดินทางลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการทำงานของหน่วยในพื้นที่ ของรมว.กลาโหม เพื่อเยี่ยมเยียน และให้กำลังใจของกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณดังกล่าว โดยมีทั้งส่วนกองทัพบก และกองทัพอากาศ ซึ่งปฏิบัติงานในพื้นที่ดังกล่าวอย่างเข้มแข็ง และเสียสละ
นอกจากนั้น จะไปดูพื้นที่จริง และฟังบรรยายสรุปจาก ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 เพื่อรับทราบสถานการณ์ที่ผ่านมา และ ในปัจจุบันว่าเป็นอย่างไร ทั้งนี้ ที่ต้องดูพื้นที่จริงและฟังบรรยายสรุปจากหน่วยในพื้นที่ เพราะจะต้องเตรียมประชุม อาร์บีซี และ จีบีซี โดยวันที่ 23 ส.ค.นี้ จะมีการประชุมกองเลขานุการการประชุม และ วันที่ 24-25 ส.ค. จะมีการประชุมอาร์บีซี ที่ จ.นครราชสีมา มี พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 และ พล.ท เจีย มอน ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 4 เป็นประธาน
" ในการประชุมสองฝ่าย จะหารือกันในรายละเอียดว่าเราจะอยู่กันอย่างไร จะดำเนินการในเรื่องกำลังทหารอย่างไร เป็นการประชุมในเชิงวิสามัญ ไม่มีการตกอะไรทั้งสิ้น พูดคุยกันเพื่อหาทางออก เพื่อนำไปสู่การประชุม จีบีซี ที่จะมีขึ้นในระยะเวลาอันใกล้นี้ โดยทางกัมพูชาคาดหวังว่า อยากจะประชุมกับ รมว.กลาโหมของไทย ซึ่งการวางกรอบต่างๆ จะได้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน ในการประชุมทั้งสองชุด ต่อไปจะเป็นการนำขั้นตอนต่างๆ มาหารือกัน และบางเรื่องจำเป็นต้องเข้า ครม. ก่อน" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เมื่อถามถึง แนวทางการปรับลดกำลังทหารตามมติของศาลโลก พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในการประชุม อาร์บีซี และ จีบีซี มีหัวข้อประชุมทั้งหมด 15 ข้อ ที่ระบุว่า เราจะอยู่กันอย่างไร ตามแนวชายแดน ในเรื่องของความมั่นคง เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม ก็คงพูดกันตามปกติ ถ้าเป็นไปได้ก็จะได้หารือกันเรื่องดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับฝ่ายกัมพูชา ซึ่งท่าที รมว.กลาโหมกัมพูชา ตอบสนองต่อ รมว.กลาโหม ของไทยเป็นอย่างดี ส่วนกรณีที่เกรงกันว่ารัฐบาลจะเจรจาต่อรองเรื่องการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ด้านการพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลนั้น ตนเรียนว่า เป็นเรื่องในอนาคต และไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องมีการพิสูจน์ และพูดคุยกันเรื่องเขตแดนให้เรียบร้อยก่อน
" ต้องพูดคุยกันอีกเยอะ สังคมต้องรับรู้ รับทราบ ในทุกเรื่อง ไม่ว่ารัฐบาลไหนที่ทำก็ต้องรู้ เพียงแต่ต้องให้ระยะเวลาในการศึกษารายละเอียดบ้าง และการจะทำอะไรไม่ใช่เรื่องง่ายนัก อยู่ดีๆจะให้เขาทำเท่านั้น เท่านี้ แล้วมาขุด มาเจาะกันไม่ได้หรอก ทุกรัฐบาลก็ทำอย่างนี้ไม่ได้ เพราะประชาชนคอยดูอยู่ และมีหน่วยงานที่เข้ามาเกี่ยวข้องมากมายที่ต้องตรวจสอบ ผมคิดว่า ไม่ว่าจะรัฐบาลใด ก็ต้องทำด้วยความระมัดระวัง ต้องรักษาผลประโยชน์ชาติเป็นหลัก" ผบ.ทบ. กล่าว
พล.อ.ยุทธศักดิ์ เปิดเผยว่า หลังจาก พล.อ.เตีย บันห์ รองนายกฯ และรมว.กลาโหมกัมพูชา ได้มีจดหมายเชิญให้ตนไปร่วมประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา หรือ จีบีซี ครั้งที่ 8 ที่กรุงพนมเปญ ตนจึงได้มีการพูดคุยกันทางโทรศัพท์กับ พล.อ.เตีย บันห์ ถึงกรอบกว้างๆ ของมติศาลโลกในการออกมาตรการคุ้มครองชั่วคราว ในเรื่องเขตปลอดทหารและการส่งผู้สังเกตการณ์ พร้อมทั้งได้ขอบใจ ที่แสดงความปรารถนาดีต่อฝ่ายไทย
ส่วนกรณีการส่งผู้สังเกตการณ์อินโดนีเซีย เข้าไปในพื้นที่ เพื่อติดตามการถอนทหารในเขตปลอดทหารนั้น ทางพล.อ.เตีย บันห์ บอกว่า หากการหารือระหว่าง 2 ฝ่าย ในคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค ไทย –กัมพูชา หรือ อาร์บีซี และ คณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย –กัมพูชา หรือ จีบีซี ได้แนวทางในการปฏิบัติร่วมกัน ก็ไม่จำเป็นต้องมีผู้สังเกตการณ์เข้ามาแต่อย่างใด ในระหว่างนี้ตนได้มอบหมายให้ พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ หนึ่งในว่าที่ ที่ปรึกษารมว.กลาโหม ไปประสานงานอย่างไม่เป็นทางการ เชื่อว่าแนวทางในการแก้ไขปัญหาร่วมกันมีสัญญาณที่ดี
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. เปิดเผยว่า การเดินทางลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการทำงานของหน่วยในพื้นที่ ของรมว.กลาโหม เพื่อเยี่ยมเยียน และให้กำลังใจของกำลังพลที่ปฏิบัติหน้าที่บริเวณดังกล่าว โดยมีทั้งส่วนกองทัพบก และกองทัพอากาศ ซึ่งปฏิบัติงานในพื้นที่ดังกล่าวอย่างเข้มแข็ง และเสียสละ
นอกจากนั้น จะไปดูพื้นที่จริง และฟังบรรยายสรุปจาก ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 เพื่อรับทราบสถานการณ์ที่ผ่านมา และ ในปัจจุบันว่าเป็นอย่างไร ทั้งนี้ ที่ต้องดูพื้นที่จริงและฟังบรรยายสรุปจากหน่วยในพื้นที่ เพราะจะต้องเตรียมประชุม อาร์บีซี และ จีบีซี โดยวันที่ 23 ส.ค.นี้ จะมีการประชุมกองเลขานุการการประชุม และ วันที่ 24-25 ส.ค. จะมีการประชุมอาร์บีซี ที่ จ.นครราชสีมา มี พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 และ พล.ท เจีย มอน ผบ.ภูมิภาคทหารที่ 4 เป็นประธาน
" ในการประชุมสองฝ่าย จะหารือกันในรายละเอียดว่าเราจะอยู่กันอย่างไร จะดำเนินการในเรื่องกำลังทหารอย่างไร เป็นการประชุมในเชิงวิสามัญ ไม่มีการตกอะไรทั้งสิ้น พูดคุยกันเพื่อหาทางออก เพื่อนำไปสู่การประชุม จีบีซี ที่จะมีขึ้นในระยะเวลาอันใกล้นี้ โดยทางกัมพูชาคาดหวังว่า อยากจะประชุมกับ รมว.กลาโหมของไทย ซึ่งการวางกรอบต่างๆ จะได้เป็นไปในแนวทางเดียวกัน ในการประชุมทั้งสองชุด ต่อไปจะเป็นการนำขั้นตอนต่างๆ มาหารือกัน และบางเรื่องจำเป็นต้องเข้า ครม. ก่อน" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เมื่อถามถึง แนวทางการปรับลดกำลังทหารตามมติของศาลโลก พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในการประชุม อาร์บีซี และ จีบีซี มีหัวข้อประชุมทั้งหมด 15 ข้อ ที่ระบุว่า เราจะอยู่กันอย่างไร ตามแนวชายแดน ในเรื่องของความมั่นคง เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม ก็คงพูดกันตามปกติ ถ้าเป็นไปได้ก็จะได้หารือกันเรื่องดังกล่าวด้วย
ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับฝ่ายกัมพูชา ซึ่งท่าที รมว.กลาโหมกัมพูชา ตอบสนองต่อ รมว.กลาโหม ของไทยเป็นอย่างดี ส่วนกรณีที่เกรงกันว่ารัฐบาลจะเจรจาต่อรองเรื่องการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ด้านการพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลนั้น ตนเรียนว่า เป็นเรื่องในอนาคต และไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องมีการพิสูจน์ และพูดคุยกันเรื่องเขตแดนให้เรียบร้อยก่อน
" ต้องพูดคุยกันอีกเยอะ สังคมต้องรับรู้ รับทราบ ในทุกเรื่อง ไม่ว่ารัฐบาลไหนที่ทำก็ต้องรู้ เพียงแต่ต้องให้ระยะเวลาในการศึกษารายละเอียดบ้าง และการจะทำอะไรไม่ใช่เรื่องง่ายนัก อยู่ดีๆจะให้เขาทำเท่านั้น เท่านี้ แล้วมาขุด มาเจาะกันไม่ได้หรอก ทุกรัฐบาลก็ทำอย่างนี้ไม่ได้ เพราะประชาชนคอยดูอยู่ และมีหน่วยงานที่เข้ามาเกี่ยวข้องมากมายที่ต้องตรวจสอบ ผมคิดว่า ไม่ว่าจะรัฐบาลใด ก็ต้องทำด้วยความระมัดระวัง ต้องรักษาผลประโยชน์ชาติเป็นหลัก" ผบ.ทบ. กล่าว