xs
xsm
sm
md
lg

“บิ๊กอ๊อด”กลัว ม.190เร่งเยือนเขมร“ก.ย.”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

วานนี้ (30 ส.ค.) ที่กระทรวงกลาโหม พ.อ.ธนาธิป สว่างแสง โฆษกกระทรวงกลาโหม แถลงว่าภายใน 2 สัปดาห์นี้ รมว.กลาโหมจะเรียนเชิญนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ(สมช.) เพื่อรับทราบปัญหาและหารือกับกระทรวง ที่เกี่ยวข้องสรุปเป็นแนวทางประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป ไทย – กัมพูชา (จีบีซี) เพื่อขอมติผ่านเข้าคณะรัฐมนตรีและรัฐสภาเห็นชอบ เพื่อรับรองอำนาจให้รมว.กลาโหมในการประชุมดังกล่าว
นอกจากนี้กลาโหม ได้รับคำเชิญของพล.อ.เตีย บันห์ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมกัมพูชา ในการเดินทางเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการ และจะเข้าเยี่ยมคำนับ สมเด็จฮุนเซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา และหากมีโอกาสจะมีการเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี พระมหากษัตริย์แห่งราชอาณาจักรกัมพูชาด้วย โดยการเดินทางเยือนกัมพูชาครั้งนี้จะได้ร่วมหารือกับพล.อ.เตีย บันห์ ถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาต่างๆ ร่วมกันของทั้งสองฝ่าย เพื่อวางกรอบให้กับการประชุมจีบีซีและใช้การประชุมดังกล่าวในการคลี่คลายปัญหาชายแดน2ประเทศ
ด้าน พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม กล่าวว่า การเดินทางไปเยือนกัมพูชาตามคำเชิญของพล.อ.เตีย บันห์ เป็นการไปคุยนอกรอบอย่างไม่เป็นทางการเพื่อให้การประชุมจีบีซี.ง่ายขึ้น ซึ่งการประชุม อาร์บีซี.ที่ผ่านมาเป็นที่พอใจของทั้งสองฝ่าย แต่เรายังตกลงใจอะไรไม่ได้ ต้องส่งเรื่องที่หารือขอมติจากคณะรัฐมนตรีเสียก่อน เพื่อดำเนินการต่อไป ซึ่งกระทรวงกลาโหมจะรวบรวมเรื่องต่างๆเสนอสภาความมั่นคงแห่งชาติ เพื่อให้ สมช.ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธานฯเชิญหน่วยงานด้านความมั่นคงมาประชุม เพื่อให้ สมช.ส่งเรื่องเข้าครม.
“ในระหว่างนี้จะไปเยือนกัมพูชาอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่ง จะมีกรอบสำคัญไปหารือคือการปรับกำลังลพ การให้สิทธิ์ผู้สังเกตการณ์เข้ามาแค่ไหนอย่างไร เพื่อเป็นแนวทางการประชุมจีบีซี.และมาขออนุมัติครม.”
รายงานข่าวแจ้งว่า พล.อ.ยุทธศักดิ์ จะใช้ตำแหน่งรมว.กลาโหม เยือนประเทศเพื่อนบ้าน โดยเน้นกัมพูชาเป็นประเทศแรก โดยคาดว่าจะเดินทางไปราวเดือนกันยายนนี้
มีรายงานข่าวว่า หากรอให้มีการประชุมจีบีซีก่อนอาจจะรอนานเกินไป เพราะบางเรื่องอาจต้องเข้ามาตรา 190 และจะต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมรัฐสภา
ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 (ททบ.5) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าวว่า กองทัพบกจะดำเนินการในขั้นตอนการประชุมคณะกรรมการชายแดนร่วมส่วน ภูมิภาคไทย-กัมพูชา(อาร์บีซี)ที่ผ่านมาก็เป็นกรอบที่รมว.กลาโหมกำหนดมาทั้งสิ้น จะได้มีการพูดคุยหาข้อมูลว่า จะแก้ปัญหาชายแดนได้อย่างไร ซึ่งเป็นวาระเพิ่มเติม และเป็นการพูดคุยนอกรอบไม่ได้มีการตกลงอะไรทั้งสิ้น ซึ่งเราได้เตรียมการไว้เผื่อว่า จะมีการประชุมจีบีซีต่อไปจะได้มีการพูด จากันได้เร็วขึ้น
ทั้งนี้ การประชุมอารณ์บีซีที่ผ่านมาไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งเรื่องต่างๆเป็นเรื่องของรมว.กลาโหมที่จะต้องนำเรียนต่อคณะ รัฐมนตรี(ครม.)อีกครั้ง เพื่อจะได้มีกรอบในการพูดคุยกับฝ่ายกัมพูชา ส่วนในการประชุมสภาความมั่นคงแห่วชาติ(สมช.)นั้น ทางกองทัพบกจะเรียนชี้แจงในเรื่องการดำเนินการตามแนวชายแดน โดยเฉพาะเรื่องยุทธศาสตร์ การป้องกันประเทศ และการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับประเทศเพื่อนบ้านทุกด้าน โดยในสัปดาห์หน้ารมว.กลาโหม จะมาตรวจเยี่ยมกองทัพบก เพื่อรับทราบงาน ซึ่ง

**ฮุนเซนกร้าวไม่เปิด“ประตูเหล็ก”
วันเดียกวัน สำนักข่าวฟิฟทีนมูฟ รายงานถึงวิทยุเอเชียเสรีอ้าง คำให้สัมภาษณ์ พล.ท.ซรัย ดึ๊ก1 ผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3ซึ่งควบคุมกำลังทหารเขมรป้องกันพรมแดนรอบปราสาทพระวิหาร ว่า หลังจากมีการแต่งตั้งนายกรัฐมตรีไทยคนใหม่เป็นต้นมา สถานการณ์เผชิญหน้ากันตามแนวชายแดนรอบพื้นที่ปราสาทพระวิหาร ซึ่งเคยมีความตึงเคลียดอย่างหนักได้คลี่คลายลงอย่างมาก ต่างจากช่วงก่อนหน้า ปัจจุบันตามแนวตะเข็บชายแดนบางจุด ไทยได้ปรับลดทหารลงจำนวนหนึ่ง และกัมพูชาก็ได้ปรับลดด้วยเช่นกัน ทำให้สถานการณ์เผชิญหน้าทางทหารผ่อนคลายลง และทหารทั่งสองฝ่ายมีความสัมพันธ์ที่ดียิ่งขึ้น
“บางที่เราสามารถนั่งด้วยกันเพื่อให้ไว้ใจกัน บางที่ก็มีการรับประทานอาหารด้วยกันเพื่อเบี่ยงเบนสภาพความตึงเครียด จากเดิมเราหันอาวุธเข้าหากัน เล็งปืนใหญ่ใส่กัน ถึงตอนนี้ได้คลี่คลายปัญหาอาวุธให้น้อยลง ไม่ได้หมายความว่าเราละทิ้งที่ตั้ง แต่เราปฏิบัติตามคำสั่งของสมเด็จนายกรัฐมนตรี ฮุน เซน เช่นเดียวกับการป้องกันบูรณภาพดินแดน อะไรที่มีคำสั่ง เราก็ต้องเคารพตามคำสั่งของสมเด็จฯ เท่านั้น”พล.ท.ซรัย ดึ๊ก กล่าว
ก่อนหน้านั้นยังมีรายงานอ้างการให้สัมภาษณ์ของนายไพ ซีพาน โฆษกสำนักนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ถึงการประชุมคณะรัฐมนตรีกัมพูชา ว่าฮุน เซน นายกรัฐมนตรีได้แถลงว่า การประชุมจีบีซีที่กำหนดมีขึ้นกลางเดือนกันยายนนี้ ได้ก่อให้เกิดความเชื่อใจ และแสดงถึงความก้าวหน้าในความสัมพันธ์ระหว่างกัมพูชาและไทย ขณะเดียกวัน จะไม่มีการเปิดด่านพรมแดนนานาชาติกับประเทศไทยที่ประตูพระวิหารอีก จนกว่ากลุ่มชาตินิยมชาวไทยกลุ่มหนึ่งจะหยุดทำการเรียกร้องเอาปราสาทพระวิหารคืน พร้อมระบุว่า ตนจะคอยดูจนกระทั่งไม่มี “กลุ่มคนไทยที่ตั้งขึ้นมาเพื่อเรียกร้องเอาปราสาทพระวิหารคืน” แบบนี้อีก
ทั้งนี้ หมายถึง ประตูเหล็กข้ามห้วยตานี ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่ 4.6ตารางกิโลเมตร เคยเป็นประตูชั้นแรกสำหรับนักท่องเที่ยวจากฝั่งไทย ก่อนเข้าในที่ปราสาทพระวิหาร และถูกปิดลงหลังเกิดความขัดแย้ง
กำลังโหลดความคิดเห็น