xs
xsm
sm
md
lg

“กนก”ตีกินชมนักข่าวช่อง7กล้าจี้นายกฯ “ปู”ชิ่งหนีนักข่าวซ้ำ เจอซักปชป.จ่อถอดถอน”ปึ้ง”ช่วยแม้ว

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - บทพิสูจน์ชัด “นายกปู” ขาดภาวะผู้นำประเทศ ชิ่งหนีนักข่าวอีกแล้ว หลังถูกจี้ถามเรื่อง ปชป. เตรียมยื่นถอดถอน “ปึ้ง-สุรพงษ์-ปึ้ง” พ้นเก้าอี้กระทรวงบัวแก้ว พ่วงฟันคดีอาญา ฐานช่วย “นช.แม้ว” ด้าน “กนก” เขียนเฟซบุ๊ก “เสียชาติเกิดเป็นนักหนังสือพิมพ์” ชมนักข่าวช่อง 7 กล้าถาม “ยิ่งลักษณ์” เพื่อค้นหาความจริง จนนายกฯ ต้องเดินหนี ก่อนตบท้ายเหน็บนักหนังสือพิมพ์อ้างตัวมีคุณภาพ กลับทรยศวิชาชีพ เสียชาติเกิด

เมื่อเวลา 10.00น. วานนี้ (18ส.ค) ที่พรรคประชาธิปัตย์ ทีมกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ นำโดยนายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้ร้องขอให้มาช่วยดูแลคดีนี้เป็นกรณีพิเศษร่วมกับนายวิรัตน์ กัลยาศิริ สส.สงขลา ร่วมแถลงข่าวกรณีที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการช่วยเหลือพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นว่า ที่ประชุมของคณะกรรมการบริหารพรรคได้พิจารณาในกรณีนี้แล้วเห็นว่า พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ซึ่งมีสถานะเป็นนักโทษที่หลบหนีคดีที่ศาลมีคำพิพากษาสั่งจำคุกแล้ว 2 ปี ซึ่งตามกฏหมายของประเทศญี่ปุ่นกำหนดชัดเจนว่า ผู้ที่ต้องโทษ เกิน 1 ปี จะเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นไม่ได้ เว้นเสียแต่เป็นกรณีพิเศษ ซึ่งจากหลักฐานทั้งหมดที่ทีมกฏหมายได้ติดตามมาแสดงให้เห็นว่า นายสุรพงษ์ได้กระทำการช่วยเหลือโดยให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อในลักษณะที่ว่า ได้พบกับเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นไม่ว่าจะไปพบเอง หรือเชิญมาพบก็ตาม และให้สัมภาษณ์อีกหลายครั้งว่า การที่พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นนั้นจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทยโดยรวม และหลักฐานสำคัญอีกชิ้นคือ เลขาธิการคณะรัฐมนตรีของประเทศญี่ปุ่นเองก็ได้แถลงยืนยันว่า รัฐบาลไทยเป็นผู้ร้องขอให้ทางรัฐบาลญี่ปุ่นอนุญาตให้พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ เข้าประเทศ โดยใช้คำว่า “รัฐบาลไทยเป็นผู้ร้องขอ”

*** เล็งยื่นถอดถอน “ปึ้ง” พ้นบัวแก้ว

นายนิพิฎฐ์ กล่าวต่อว่า ซึ่งทั้งหมดนี้ เราได้ประมวลข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายทั้งหมดสรุปได้ว่า การกระทำของรมว.ต่างประเทศ ได้กระทำความผิดต่อรัฐธรรมนูญอย่างน้อย2 ลักษณะ คือ 1.การที่นายสุรพงษ์ไปพูดในลักษณะที่เป็นนโยบายว่า รัฐบาลของพรรคเพื่อไทย ไม่มีนโยบายเหมือนรัฐบาลชุดที่แล้วถือว่า เป็นการพูดเรื่องนโยบายก่อนที่จะมีการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา เป็นสิ่งที่ทำไม่ได้ และการที่นายสุรพงษ์ ไปดำเนินการในเรื่องเหล่านี้ก่อนที่จะมีการแถลงนโยบาย ต่อสภา ก็เป็นการทำผิดขั้นตอนรัฐธรรมนูญ ซึ่งขอย้ำว่า ถึงแม้รัฐบาลจะแถลงนโยบายแล้วก็ตาม นายสุรพงษ์ ไม่สามารถทำเรื่องเหล่านี้ได้ เพราะพ.ต.ท.ดร.ทักษิณเป็นนักโทษที่หลบหนีคดีอาญา ดังนั้นจึงถือว่านายสุรพงษ์ ได้ดำเนินการขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 176 วรรค2 ดังนั้นฝ่ายกฎหมายของพรรคประชาธิปัตย์ จึงมีมติให้ยื่นถอดถอนนายสุรพงษ์ โดยใช้เสียง 1ใน4 ของส.ส.ทั้งหมด หรือ 125คน ซึ่งนายวิรัตน์ ได้ร่างคำร้องขอถอดถอนแล้ว โดยคาดว่าสมาชิกจะสามารถลงชื่อรายชื่อได้ทั้งหมดในวันที่ 19 ส.ค และจะยื่นถอดถอนต่อประธานวุฒิสภาได้ในวันที่ 22 ส.ค.นี้

ส่วนที่ 2 คือเรื่องการดำเนินคดีอาญากับ รมว.ต่างประเทศ เพราะจากหลักฐานชี้ให้เห็นว่านายสุรพงษ์ น่าจะมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 189 และ มาตรา 192 ที่กฎหมายใช้คำว่า ผู้ใด เมื่อกฎหมายใช้คำว่า “ผู้ใด”ไม่ว่าผู้กระทำผิดจะเป็น รมต.หรือบุคคลก็ตามล้วนมีความผิดทางกฎหมายทั้งสิ้น โดยในมาตรา 192 ที่ระบุว่า”ผู้ใดช่วยด้วยประการใดๆให้ผู้ที่หลบหนีการคุ้มตัวตามอำนาจศาล เพื่อไม่ให้บุคคลนั้นถูกจับ ต้องระวางโทษไม่เกิน 3ปี ปรับไม่เกิน 6 พันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” ซึ่งในกรณีนี้รมว.ต่างประเทศ ที่รู้อยู่แล้วว่าพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ กำลังเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่น ดังนั้นหน้าที่ของรมว.ต่างประเทศคือ ต้องประสานไปทางอัยการ เพื่อขอให้ตำรวจหรือทางการญี่ปุ่นดำเนินการจับกุมพ.ต.ท.ทักษิณ แต่รมว.ต่างประเทศกลับไม่ได้ดำเนินการเลย ในทางกลับกัน กลับช่วยเหลือให้พ.ต.ท.ทักษิณไม่ถูกจับกุมและประสานให้เข้าประเทศญี่ปุ่นแทน ซึ่งทีมกฎหมายคิดว่า มาตรา 192 ค่อนข้างชัดเจน ทางพรรคจึงต้องแจ้งความดำเนินคดี และหากเจ้าหน้าที่ตำรวจ เห็นว่าเป็นอำนาจของป.ป.ช. ก็จะต้องส่งเรื่องไปที่ ป.ป.ช.ต่อไป

ส่วนการกระทำของรมว.ต่างประเทศ จะเป็นการกระทำผิดกฎหมายในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีหรือไม่ ก็เป็นอำนาจของป.ป.ช.ซึ่งเรากำลังพิจารณากันอยู่ และหากมีการสอบสวนไปแล้ว เห็นว่ามีผู้หนึ่งผู้ใดเกี่ยวข้องด้วยจะเป็นนายกฯหรือไม่ ก็เป็นเรื่องที่ต้องขยายผลในโอกาสต่อๆไป ถ้านายสุรพงษ์ รับนโยบายมาจากนายกฯ แต่ในชั้นนี้หลักฐานมันชัดที่นายสุรพงษ์ ทั้งนี้ โดยส่วนตัวแล้วเห็นว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ถ้านายสุรพงษ์ ไม่ได้รับอาณัติ หรือรับคำสั่งจากใคร ตัวนายสุรพงษ์เองคงไม่กล้าทำเรื่องแบบนี้เพราะเรื่องมันใหญ่เกินไป เพราะเชื่อว่า โดยส่วนตัวนายสุรพงษ์ คงไม่กล้าทำอยู่แล้ว แต่ตรงนี้เราต้องหาพยานหลักฐานต่อไป

ส่วนเรื่องเลขาธิการคณะรัฐมนตรีประเทศญี่ปุ่นได้ระบุยืนยันว่า รัฐบาลไทยไปร้องขอในการให้พ.ต.ท.ดร.ทักษิณเดินทางเข้าญี่ปุ่นนั้น ก็ต้องไปดูว่าคืออะไร ถ้ามีหลักฐานว่า เขาร้องขอด้วยวาจา หรือด้วยเอกสารก็ดี เราจะติดตามขอหลักฐานนี้เช่นกัน และคิดว่า ทางประเทศรัฐบาลญี่ปุ่นจะให้ข้อมูลกับเราเพราะเรื่องนี้เกี่ยวพันกับการทำผิดกฏหมาย ญี่ปุ่นคงไม่แทรกแซงด้วยการไม่ร่วมมือในการร้องขอ และการนายสุรพงษ์ กล่าวอ้างความสำคัญในการเข้าประเทศญี่ปุ่นของพ.ต.ท.ดร.ทักษิณจะมีสำคัญอย่างไรบ้างนั้น ทางเราได้เก็บเทปต่างๆเหล่านั้นไว้แล้ว ว่าพูดที่ไหนเมื่อไร อย่างไร กี่ครั้ง ส่วนที่เกรงว่าอาจจะมีการร้องขอให้ทางการญี่ปุ่นเปลี่ยนแปลงหรือกลับคำพูดในกรณีนี้นั้น ตนเชื่อว่า รัฐบาลประเทศญี่ปุ่นมีความน่าเชื่อถือมากที่สุดในโลกประเทศหนึ่งเช่นเดียวกับกระบวนการยุติธรรม จึงไม่คิดว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงคำพูดที่ยืนยันก่อนหน้านี้และเชื่อว่าญี่ปุ่นคงไม่เป็นเช่นนั้น

**ปชป.แจ้งจับปึ้งช่วยดร.ทักษิณเข้าญี่ปุ่น

เมื่อเวลา 11.30 น. นายวิรัตน์ พร้อมนายวัชระ เพชรทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ ที่สน.พญาไท โดยมี พล.ต.ต.วิชัย สังข์ประไพ ผบก.น.1 พ.ต.อ.ทรงพล วัชระชัย รองผบก.น.1 และพ.ต.อ.สมาน รอดกำเนิด ผกก.สน.พญาไท รอรับเรื่องแจ้งความกล่าวทุกดังกล่าว

นายวิรัตน์ กล่าวว่า ในวันนี้ตนพร้อมนายวัชระ ในนามตัวแทนของพรรคประชาธิปัตย์ได้เดินทางมาแจ้งความกล่าวโทษกับนายสุรพงษ์ รมว.กระทรวงการต่างประเทศ หลังมีการปรากฏเป็นข่าวตามสื่อต่างๆว่า ในวันที่ 11 ส.ค. ที่ผ่านมา นายสุรพงษ์ได้พบกับ นายเซอิจิ โคจิมะ เอกอัคราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย ที่กระทรวงต่างประเทศ และได้พูดคุยถึงการออกวีซ่า ให้กับ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่น เป็นกรณีพิเศษ

นายวิรัตน์ กล่าวอีกว่า พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ เป็นผู้ต้องหาที่กระทำความผิดอาญาซึ่งไม่ใช่ความผิดลหุโทษ และเป็นผู้ต้องถูกคุมขังตามอำนาจศาล และเป็นที่ทราบกันดีว่า พ.ต.ท.ดร.ทักษิณได้หลบหนีออกนอกประเทศเพื่อหลบหนีคดี และไม่ถูกจับคุมขัง การกระทำของนายสุรพงษ์ ในฐานะ รมว.ต่างประเทศ แทนที่จะบังคับใช้กฎหมายติดตามจับกุม พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ กลับมาดำเนินการเจรจาร้องขอให้รัฐบาลญี่ปุ่นออกวีซ่า เป็นเหตุให้ พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นได้อย่างสะดวก และก็จะเป็นเหตุให้รัฐบาลประเทศอื่นๆออกวีซ่าให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เช่นกัน

ขณะที่ พล.ต.ต.วิชัย กล่าวว่า เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสอบปากคำของผู้แจ้งความ ว่าผู้ถูกกล่าวหาซึ่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ มีความผิดหรือเข้าข่ายความผิดอะไร รวมถึงพยานหลักฐานที่ผู้แจ้งส่งมาให้พนักงานสอบสวนว่าผู้ถูกกล่าวหาผิดจริงหรือไม่ ก่อนจะออกหมายเรียกมาสอบปากคำ หรือมารับทราบข้อกล่าวหา โดยคาดว่าเรื่องดังกล่าวจะใช้เวลาไม่นาน

**ปชป.จี้ญี่ปุ่นโชว์เอกสารจับโกหกปึ้ง

นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ต้องพิสูจน์ต่อไปว่านายสุรพงษ์ ปฏิบัติหน้าที่โดยชอบหรือไม่ เพราะเมื่อวันที่17ส.ค. นายสุรพงษ์ ก็ยังให้สัมภาษณ์ชัดเจนว่าทูตญี่ปุ่นเป้นฝ่ายขอเข้าพบ โดยไม่ได้มีการร้องขอวีซ่าให้กับพ.ต.ท.ทักษิณแต่อย่างใดตรงข้ามกับทางการญี่ปุ่นที่แถลงชัดเจนเช่นกันว่านายสุรพงษ์ เป็นผู้ร้องขอรัฐบาลญี่ปุ่น นั้นจึงชัดเจนว่าในกรณีดังกล่าวนี้มี ฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดโกหก ดังนั้นถ้ารัฐบาลไทยยืนยันแบบนี้รัฐบาลญี่ปุ่นหรือสถานทูตญี่ปุ่นประเทศไทย ก็มีภาระในการออกมาทำความกระจ่างให้เกิดขึ้น อย่าให้เรื่องนี้สร้างความรู้สึกที่ไม่ดีต่อพี่น้องประชาชนไทยที่มีต่อรัฐบาลญี่ปุ่น ดังนั้นขอเรียกร้องให้รัฐบาลญี่ปุ่นต้องทำความเข้าใจ เปิดเผยเอกสารเรื่องการอนุมัติวีซ่าให้ชัดเจน มิเช่นนั้นคนไทยส่วนหนึ่งจะระแวงการทำงานระหว่างรัฐบาลไทยและญี่ปุ่น

นอกจากนี้นายสุรพงษ์ยังระบุว่าการติดตามตัวพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ไม่ใช่เรื่องง่าย ตนจึงต้องขอเรียนว่างานของกระทรวงต่างประเทศไม่ได้มีความง่าย แต่คนเป็นรมว.ต่างประเทศ มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย ทั้งนี้ในกรณีการเดินทางเข้าญี่ปุ่นของ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณนั้น กระทรวงการต่างประเทศมีหน้าที่แจ้งที่อยู่ของพ.ต.ท.ดร.ทักษิณไปยังอัยการเพื่อขอหมายจับกุมตัวชั่วคราวแม้ไทยและญี่ปุ่นจะไม่มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน ส่วนส่งไปแล้วจะจับหรือไม่เป็นสิทธิ์ แต่หน้าที่ของรมว.ต่างประเทศหรือพนักงานของรัฐไม่มีหน้าที่จะปฏิเสธความยาก

**องครักษ์ปชป.ค้านออกวีซ่าให้ทักษิณ

วันเดียวกันนพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์ ผู้ประสานงานเครือข่ายเสื้อหลากสี ได้นำกลุ่มคนเสื้อหลากสีไปชุมนุม ที่บริเวณหน้าสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำประเทศไทย เพื่อที่จะยื่นหนังสือคัดค้านกรณีที่ทางการญี่ปุ่นออกวีซ่าให้กับ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ เดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นได้ เพราะเห็นว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องตามหลักการที่ไปอนุมัติวีซ่าให้กับผู้ที่มีพฤติกรรมกระทำผิดในข้อหาทุจริตคอร์รัปชั่นให้เข้าประเทศ โดยไม่ได้แสดงหลักฐานเอกสารต่อสาธารณชน และยังขัดข้องกับวัฒนธรรมของชาวญี่ปุ่นที่ต่อต้านนักการเมืองที่ทุจริต

นพ.ตุลย์ กล่าวว่า เป็นเหมือนการรับใช้ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ และเป็นการกระทำที่เป็นเหมือนสายล่อฟ้าให้กับรัฐบาลใหม่ส่วนการยื่นหนังสือต่อสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นนั้น เพื่อต้องการสื่อสารกับประเทศญี่ปุ่นว่า พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรีที่โกงที่สุด ไม่ควรอนุมัติให้เข้าประเทศ แต่หากต้องการอนุมัติก็ให้ส่งตัวมายังประเทศไทยเพื่อให้มารับโทษ

ทั้งนี้ เลขานุการสถานเอกอัครราชทูตญี่ปุ่น ได้รับรองว่าจะมีการส่งรายงานเรื่องดังกล่าวไปยังโตเกียว เพื่อให้มีการพิจารณา

**”แม้ว”ออกสื่อยุ่นย้ำรักษาผลประโยชน์ไทย

ด้านพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวญี่ปุ่นโดยระบุว่า ต้องการที่จะเดินทางเยี่ยมภูมิภาคโตโฮกุ พื้นที่ประสบภัยพิบัติแผ่นดินไหวและสึนามิ เพื่อประเมินว่า ประเทศไทยสามารถแสดงความร่วมมือหรือให้ความช่วยเหลือญี่ปุ่นในการฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยใดๆ ได้บ้าง ภายหลังจากที่รัฐบาลญี่ปุ่นได้ออกวีซ่าให้ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ สามารถเข้าประเทศได้เป็นกรณีพิเศษ
“ผมจะส่งสารถึงรัฐบาลไทย เพื่อกระตุ้นให้มีการพิจารณาวิธีที่จะสามารถทำงานร่วมกับรัฐบาลญี่ปุ่น หลังจากที่เข้าไปเยี่ยมชมพื้นที่ประสบภัย” พ.ต.ท.ดร.ทักษิณกล่าว

ตามรายงานข่าวระบุว่า พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ มีกำหนดการที่จะเดินไปถึงประเทศญี่ปุ่นในวันจันทร์ที่ 22 ส.ค. และจะเข้าเยี่ยม 3 พื้นที่ที่ประสบภัยพิบัติแผ่นดินไหวและสึนามิครั้งร้ายแรงเมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ประกอบกับจะให้ความช่วยเหลือธุรกิจต่างๆ ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุภัยพิบัติ ให้สามารถย้ายเข้าประเทศไทย พร้อมทั้งจะออกวีซ่าระยะยาวให้ผู้ประสบภัยสามารถเข้ามาพักฟื้นฟูในไทยได้

**ยิ่งลักษณ์ ชิ่งหนีนักข่าวอีกแล้ว!

ที่ทำการพรรคเพื่อไทย น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า “ท่านก็ทราบอยู่แล้วว่าดิฉันเองไม่มีนโยบายและมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ ดิฉันเองถือว่าเราต้องอดทน” เมื่อถามว่า การดำเนินการทั้งหมดผิดมาตรา 157 ตามที่ ปชป.ร้องหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า “ในข้อเท็จจริงไม่เป็นอย่างนั้นเลย”

เมื่อถามว่า คิดอย่างไรที่ยังไม่ทันเริ่มงาน ก็ถูกยื่นถอดถอนแล้ว น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ตอบคำถาม และกดปิดประตูลิฟต์ทันที

***“กนก” ชมนักข่าวช่อง7กล้าไล่บี้นายกฯปู

ขณะเดียวกัน นายกนก รัตน์วงศ์สกุล พิธีกรข่าวเครือเนชั่น ได้โพสต์เผยแพร่บันทึกบนหน้าโปร์ไฟล์ Kanok Ratwongsakul ในเว็บไซต์เฟซบุ๊ก วานนี้ (18 ส.ค.) หัวข้อว่า “เสียชาติเกิดเป็นนักหนังสือพิมพ์” โดยระบุว่า เมื่อวานนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินหนีคำถามที่ผู้สื่อข่าวถามว่า “การแก้ไขรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ คิดจะทำอะไรเพื่อประเทศชาติ และประชาชนบ้างหรือไม่?”

นายกนก กล่าวต่อว่า ก่อนหน้านี้ นักข่าวคนเดียวกัน เป็นผู้ถามเรื่องการแต่งตั้ง ครม.ว่า “ทำไมถึงแต่งตั้งคนที่มาจากสายการเงิน การลงทุน มาเป็นรัฐมนตรีคลัง” และ “จะประสานนโยบายการเงินกับการคลังอย่างไรให้ลงตัว” ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ตอบว่า ต้องรอให้มีการแต่งตั้งทีมที่ปรึกษาก่อน นโยบายทุกด้านจะชัดเจน แต่ผู้สื่อข่าวคนดังกล่าวก็ถามต่อเนื่องว่า “ทำไมต้องรอมีที่ปรึกษาล่ะคะ ถ้าไม่มีที่ปรึกษาทุกอย่างจะไม่ชัดเจนหรือคะ?” พอเจอคำถามนี้เข้า นายกฯ ยิ่งลักษณ์ ถึงกับต้องเดินหนีนักข่าวเป็นครั้งแรก และถึงกับต้องกระซิบถามคณะติดตามถึงชื่อและสังกัดของนักข่าวคนดังกล่าว

สำหรับผู้สื่อข่าวคนดังกล่าว นายกนก กล่าวว่า เป็นผู้สื่อข่าวของช่อง 7 พร้อมแสดงความชื่นชม ว่า เป็นคนที่กล้าถามจากใจมานานแล้ว เป็นความรู้สึกดีเล็กๆ ของตนที่ทราบว่าอย่างน้อยในสนามข่าวยังมีนักข่าวอีกหลายคนที่ถามอย่างมีเกียรติภูมิ มีศักดิ์ศรี มีสำนึกแยกแยะ ดี-เลว ได้ ไม่เหมือนนักหนังสือพิมพ์บางคน ที่ทรยศวิชาชีพ ก่อตั้งหนังสือพิมพ์คุณภาพมากว่า 30 ปี กลับต้องมาเสียผู้เสียคน

**“เฉลิม”ยันไม่เกี่ยว“ทักษิณ”เข้าญี่ปุ่น

ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยังไม่ทราบว่าที่เขาไปแจ้งความนั้นข้อหาอะไร แต่ก็สามารถแจ้งได้ แต่ถ้าหากไปแจ้งแล้วเป็นความเท็จผู้แจ้งจะมีความผิดฐานแจ้งความเท็จต่อเจ้าพนักงาน กรณีพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ เดินทางไปประเทศญี่ปุ่นเป็นเรื่องของรัฐบาลญี่ปุ่น ที่ผ่านมารัฐบาลญี่ปุ่นเขาไม่ชอบพรรคประชาธิปัตย์ เพราะช่างภาพสำนักข่าวรอยเตอร์ชาวญี่ปุ่น ถูกยิงเสียชีวิตที่สี่แยกคอกวัว

รองนายกฯ กล่าวต่อว่า วันนี้ปัญหาคือมีการกล่าวหาท่านทักษิณอย่างนั้นอย่างนี้ ตนไม่มีโอกาสชี้แจง ฉะนั้น ก็ขอเชิญชวนพรรคประชาธิปัตย์ได้กรุณานำเรื่องนี้ไปถามในวันแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อสภา ฉะนั้นญี่ปุ่นให้ใครเข้าออกเป็นสิทธิของเขา รัฐบาลไทยก็ไม่มีอำนาจ ตนเคยตรวจสอบภายในเกี่ยวกับเรื่องใบแดงของตำรวจสากล เขาไม่เคยออกใบแดงกับท่านทักษิณ มีแต่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์กระทรวงการต่างประเทศที่พร่ำพูดเรื่องนี้ตลอด อย่างนี้จะไปแจ้งจับรัฐมนตรีต่างประเทศได้อย่างไร

กรณีของพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ท่านอยู่ที่ประเทศดูไบ แล้วรัฐมนตรีต่างประเทศไปช่วยตรงไหน พ.ต.ท.ดร.ทักษิณเดินทางไปประเทศญี่ปุ่นวันนี้ ถ้าทางการญี่ปุ่นไม่ให้เข้าประเทศ นายสุรพงษ์จะไปทำอะไรได้ การช่วยเหลือในความหมายคือจะต้องอยู่ด้วยกัน เรื่องนี้เป็นสิทธิ ไม่ได้มีปัญหาอะไร ทางฝ่ายค้านจะบอกว่ารัฐบาลทำถูกได้อย่างไร ตนมองเป็นเรื่องปกติ

**"นพดล"ป้อง"ยิ่งลักษณ์"ไม่เกี่ยววีซ่าทักษิณ

นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษาด้านกฎหมายของ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ กล่าวว่า อย่าเอาตัวน.ส.ยิ่งลักษณ์ ไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ และการจะดำเนินการใด ๆ ของพรรคประชาธิปัตย์ควรที่จะตรวจสอบให้ดีก่อน พรรคฝ่ายค้านน่าจะเลิกหมกมุ่นถึงการเดินทางของ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ และน่าจะเอาเวลาไปตรวจสอบการทำงานด้านบริหารประเทศของรัฐบาลมากกว่า เช่น เรื่องปากท้องของประชาชน เพราะการเดินทางของ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ เหมือนกับตอนที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล และการเดินทางจะเป็นไปในนามส่วนตัว ไม่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของประเทศไทยแน่นอน และจะไม่มีการยุ่งเกี่ยวกับการทำงานของรัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศด้วย

**ขุนค้อนยันถอด“เหตุจ้อกับทูตญี่ปุ่นทำไม่ได้”

ที่รัฐสภานายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า เป็นสิทธิของฝ่ายค้านที่สามารถยื่นถอดถอนได้ ส่วนกรณีที่นายสุรพงษ์ไปพูดข้อร้องกับทูตญี่ปุ่น ก่อนที่จะมีการแถลงนโยบายรัฐบาลนั้น สามารถทำได้ ซึ่งไม่รู้ว่า นายสุรพงษ์ไปพบจริงหรือไม่ แต่ถ้าไปจริงก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร เพราะไม่สามารถไปกดดันรัฐบาลญี่ปุ่น เพราะอำนาจในการอนุญาตให้เข้าประเทศหรือไม่ ขึ้นอยู่กับรัฐบาลญี่ปุ่น แม้ญี่ปุ่นจะอ้างว่า ได้รับการร้องขอจากรัฐบาล แต่สุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของรัฐบาลญี่ปุ่น การไปพูดคุยเพียงแค่นี้ คงไม่สามารถนำไปยื่นเรื่องถอดถอนได้ ผู้สื่อข่าวถามว่า มองอย่างไรที่ยังไม่ได้แถลงนโยบายรัฐบาล แต่ถูกยื่นเรื่องถอดถอนแล้ว นายสมศักดิ์ตอบว่า เป็นเรื่องของฝ่ายค้าน ซึ่งก็เป็นไปตามสไตล์ของพรรคประชาธิปัตย์

**ก่อแก้ว อ้างแค่คุยทูตญี่ปุ่นขอวีซ่าให้ทักษิณ
ที่พรรคเพื่อไทย นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การที่นายสุรพงษ์ได้พูดคุยกับเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นนั้น ไม่ถือว่าผิดกฎหมายประการใด ไม่ว่าจะเป็นก่อนหรือหลังการแถลงข่าวนโยบายของรัฐบาล เพราะเป็นสิทธิและอำนาจของรัฐมนตรีที่สามารถดำเนินการหรือพูดคุยกับทูตจากประเทศต่างๆได้อยู่แล้ว ทั้งนี้ การที่ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ จะเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่นหรือประเทศใดๆ ก็เป็นสิทธิ์และอำนาจส่วนบุคคลเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ ยังยืนยันอีกว่า กรณีของ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ในทางต่างประเทศถือว่า พ.ต.ท.ทักษิณไม่มีความผิด แต่เป็นคดีการเมืองที่มีการกลั่นแกล้งกัน นอกจากนี้ ทางตำรวจสากลก็ยังไม่มีการออกหมายจับ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณแต่อย่างใด

ซึ่งหากเทียบกับกรณีของนายอภิสิทธิ์ อนุญาตให้นายพนิช วิกิตเศรษฐ์ รุกล้ำพื้นที่ประเทศกัมพูชา จนกระทั่งถูกจับกุม ซึ่งนายนิพิฏฐ์ ควรติติงนายอภิสิทธิ์ที่สนับสนุนการรุกล้ำประเทศเพื่อนบ้านมากกว่า โดยตนเองขอให้พรรคประชาธิปัตย์ ใจเย็นและอดทน รอดูการบริหารงานของพรรคเพื่อไทยก่อน

**นายกฯและเพื่อไทย ยินดีให้สอบ

ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยและนายกรัฐมนตรี พร้อมและยินดีให้พรรคประชาธิปัตย์ดำเนินการยื่นฟ้องร้องถอดถอนรมว.ต่างประเทศในกรณีที่เห็นว่า ส่วนรู้เห็นในการขอวีซ่าเข้าประเทศญี่ปุ่นให้กับพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ทั้งนี้หากตรวจสอบแล้วไม่พบข้อเท็จจริง ทางพรรคเพื่อไทยก็เตรียมฟ้องกลับที่อาจส่งผลให้มีการยุบพรรคประชาธิปัตย์ได้

นอกจากนี้ โดยส่วนตัวมองว่า การดำเนินการเช่นนี้อาจผิดตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ โดยการที่ประเทศญี่ปุ่นออกวีซ่าให้กับ พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ก็เป็นสิทธิ์และดุลยพินิจของประเทศนั้นๆ ซึ่งเห็นว่าการที่นายอภิสิทธิ์ มอบหมายให้ลูกพรรคดำเนินการเช่นนี้เป็นเกมการเมืองในการดิสเครดิตนายกรัฐมนตรี ขณะที่รัฐบาลยังไม่ถึงกำหนดวันแถลงนโยบาย ก็มีการเตรียมยื่นฟ้องร้องต่างๆ ทำให้เห็นว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านที่ขาดความสง่างาม และคัดค้านไม่สร้างสรรค์

**"ขรก.-สื่อ" วิจารณ์รมต.เด็กนอก พึ่งล่าม

มีรายงานข่าวแจ้งว่า ข้าราชการและเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศได้จับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ถึงการแถลงข่าวครั้งแรกของนายสุรพงษ์ เมื่อวันที่17 ส.ค หลังมีสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศจำนวนมาก มาร่วมรับฟัง

มีรายงานข่าวระหว่างที่ผู้สื่อข่าวหญิงชาวจีนคนหนึ่ง จากสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวี ของประเทศจีน มาร่วมรายงานข่าว พบว่ามีข้าราชการกระทรวงฯคนหนึ่งมาแจ้งกับผู้สื่อข่าวชาวจีนคนดังกล่าว ว่าได้รับมอบหมายจาก รมว.ต่างประเทศ ให้มาเป็นล่ามแปลภาษาในการซักถาม รมว.ต่างประเทศ

โดยเฉพาะช่วงซักถาม ผู้สื่อข่าวหญิงชาวจีนคนนี้ลุกขึ้นถามนายสุรพงษ์ เป็นภาษาอังกฤษ แต่ปรากฏว่านายสุรพงษ์ ได้หันมามองหน้าข้าราชการคนดังกล่าว เพื่อส่งสัญญาณให้ทำหน้าที่แปลคำถามเป็นภาษาไทย และนายสุรงพงษ์ก็จะตอบคำถามกลับไปเป็นภาษาไทย

“ทำให้ข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศและสื่อมวลชนตั้งข้อสงสัยว่า เหตุใด นายสุรพงษ์ที่จบการศึกษาในต่างประเทศ จึงไม่ตอบเป็นภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง หรือเป็นเพราะเป็นการแถลงข่าวครั้งแรกจึงเกิดอาการตื่นสนามหรือไม่ ทั้งนี้เป็นน่าสังเกตว่ารมว.ต่างประเทศ คนอื่นๆก่อนหน้านี้ทุกคน จะฟังคำถามที่เป็นภาษาอังกฤษ และตอบกลับไปเป็นภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง”

**ประชาปัดเดินทางไปพบแม้วที่“มาเก๊า”

อีกด้านพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวปฏิเสธกรณีที่มีกระแสข่าวที่ระบุถึงการร่วมคณะส.ส.พรรคเพื่อไทย เดินทางไปพบพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่เกาะมาเก๊า ดเมื่อวันที่ 17 และ 18 ส.ค.ที่ผ่านมา.
กำลังโหลดความคิดเห็น