“สนธิ” ชี้ เป็นไปได้ ปชป.-พท.จับมือกันตั้งรัฐบาล สนอง บ.น้ำมันต่างชาติ พิสูจน์ชัดทุกพรรคร่วมขายแผ่นดิน แค่โหวตโนสั่งสอนยังน้อยไป จวกนักการเมืองเมินปกป้องดินแดน มัวกระสันเป็นรัฐบาลโกงกินงบ ขณะสื่อกระแสหลักทำเฉย ซัด “กนก” ไร้เดียงสาเรื่องเขมร เห่อไปตามกระแส เหน็บแนมโหวตโน ย้ำ เอเอสทีวีมีแต่ปลุกคนให้รักชาติบ้านเมือง จะเจ๊งให้รู้ไป ยันต้องปฏิวัติการเมือง อย่าปล่อยสัตว์ขี้เยี่ยวเห่าหอนในสภาอีก
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง "รวมพลัง ปกป้องแผ่นดิน" ปราศรัยโดย "นายสนธิ ลิ้มทองกุล"
เมื่อเวลา 21.25 น.วันที่ 4 มิ.ย. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวปราศรัยที่เวทีสะพานมัฆวานรังสรรค์ ระหว่างการชุมนุม “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ว่า หลังจากที่ตนได้เปิดประเด็นใหม่เรื่องที่รัฐบาลทุกยุคทุกสมัยมีส่วนในขบวนการขายชาติยกดินแดนให้เขมรเพื่อแลกกับผลประโยชน์ทางทะเลของบริษัทน้ำมันต่างชาติแล้ว เมื่อมาทบทวนดูพบว่า มีความเป็นไปได้สูงที่หลังเลือกตั้งแล้วพรรคประชาธิปัตย์ กับเพื่อไทยจะร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล โดยอ้างว่าเพื่อสร้างความปรองดอง เพราะเจ้านายของพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ ที่แท้จริง คือ บริษัทน้ำมันต่างชาติเจ้าเดียวกัน ไม่ใช่เรื่องที่น่าประหลาดใจ เพราะยุทธศาสตร์ทุกวันนี้ก็มุ่งที่ผลประโยชน์ตรงนั้น และเจ้านายคนนี้สามารถที่จะบอกได้ว่า ผลประโยชน์จะแบ่งให้ทั้งประชาธิปัตย์ และเพื่อไทย ทั้งน้ำมันและก๊าซ
เรื่องการจับมือกันตั้งรัฐบาลนั้น หัวคะแนนของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่สุราษฎร์ธานี เคยพูดมาแล้วว่าหลังเลือกตั้งผู้หลักผู้ใหญ่ในแผ่นดิน บอกว่า น่าจะปรองดองกัน 2 พรรคใหญ่น่าจะจับมือกันตั้งรัฐบาล เห็นได้ชัดว่า ปัญหาของชาติบ้านเมืองเกิดจากพรรคการเมืองทุกพรรค และประชาธิปัตย์ก็เป็นปัญหาใหญ่ของประเทศชาติไม่น้อยไปกว่าพรรคเพื่อไทย พรรคประชาธิปัตย์จากที่ไม่มีเงิน วันนี้รวยมาก และในยุครัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ มีการเรียกเงินใต้โต๊ะสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ เมื่อโดนกล่าวหาแบบนี้ก็แสดงว่าพรรคประชาธิปัตย์มีส่วนที่จะได้รับเงินใต้โต๊ะด้วย พรรคประชาธิปัตย์เคยเน้นเรื่องความซื่อสัตย์ พักหลังๆ ไม่พูดเรื่องความซื่อสัตย์แล้ว มี นายชวน หลีกภัย คนเดียวหลงยุคออกมาพูดว่าพรรคไม่มีเงิน แต่คนในพรรคนี้ส่วนใหญ่จะแกล้งจน บางคนออกจะแตกตายเพราะแกล้งจนมานานแต่มีเงินกองไว้ตั้งเยอะไม่รู้จะใช้ยังไง
นายสนธิ กล่าวต่อว่า เมื่อพิจารณาแล้ว การโหวตโน คือ การปฏิเสธการเมืองแบบนี้ มันเป็นระบอบกินชาติกินบ้านกินเมือง และโดยส่วนตัวไม่เชื่อในระบบวันแมนวันโหวต วันนี้มีน้องๆ ที่เป็นตำรวจผู้ใหญ่ในภาคเหนือลงมาพบและบอกว่าตอนนี้มีการซื้อเสียงหัวละ 1 พันบาทแล้ว เพราะฉะนั้นถ้าจะชนะด้วยคะแนน 7 หมื่น ต้องใช้เงิน 70 ล้านบาท ซึ่งที่มาของ ส.ส.ที่ไม่สะอาดแบบนี้ สื่อก็ไม่ค่อยพูดถึง การเสียดินแดนก็ไม่สนใจ ทั้งที่ไม่มีเรื่องอะไรจะใหญ่กว่านี้แล้ว
ที่ นายกนก รัตน์วงศ์สกุล บอกว่า ถ้าเขมรได้ดินแดนทำไมจึงยิงจรวดใส่ไทย แสดงว่านายกนก ไม่รู้เรื่องชายแดนเลย นายกนก เป็นสื่อมวลชน แต่รู้เรื่องเขมรไม่เท่าแม้กระทั่งพี่น้องที่นั่งอยู่หน้าเวทีตรงนี้ นี่ขนาดสื่อน้ำดียังเป็นอย่างนี้ แสดงว่าเป็นสื่อที่เห่อไปตามกระแสที่บอกว่าถ้าไม่ลงคะแนนแล้วคนนั้นจะมาคนนี้จะมา แค่เรื่องโหวตโนยังไม่เข้าใจ ประเทศนี้ก็ไม่มีความหมายอีกแล้ว ถ้ายังไม่เข้าใจว่าโหวตโน คือ การแสดงสิทธิของประชาชนที่จะไม่ยอมรับนักการเมืองทุกพรรคที่มีอยู่ เพราะขายชาติกันทุกพรรค
นายสนธิ กล่าวต่อว่า ตนเห็นป้ายหาเสียงของ นายชุมพล ศิลปอาชา น้องชาย นายบรรหาร ใช้คำขวัญว่าการเมืองต้องไม่ขัดแย้ง แสดงว่า ถ้าชาติบ้านเมืองต้องฉิบหายเพราะนักการเมือง นายชุมพลก็จะไม่ขัดแย้ง ขอให้พรรคของนายชุมพลได้คอร์รัปชันต่อไป ใช่หรือไม่ ป้ายหาเสียงของทุกพรรคไม่มีพรรคไหนที่เน้นการปราบปรามการทุจริต หรือทวงคืนแผ่นดินไทย หรือเอา นายวีระ สมความคิด และ นางราตรี พิพัฒนาไพบูลย์ กลับประเทศ
ถ้าจับคำพูดเมื่อวานเรื่องผลประโยชน์ทางทะเลที่ทำให้ทุกรัฐบาล พรรคการเมืองทุกพรรคยังกอดเอ็มโอยู 43 เอาไว้ การที่เราโหวตโนยังถือว่าน้อยไปด้วยซ้ำ ชาติบ้านเมืองตั้งแต่เราตั้งมา ไม่เคยมียุคไหนที่สะอาดบริสุทธิ์หรือมีการบริหารชาติบ้านเมืองด้วยความซื่อสัตย์สุจริต บริหารบ้านเมืองให้ก้าวไปย่างช้าๆ และมั่นคงเท่ายุค พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกฯ
นายสนธิ กล่าวอีกว่า ตนเคยพูดไว้ตั้งแต่ตอนชุมนุม 193 วันแล้วว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวไม่มีที่พึ่งอื่นอีกต่อไปแล้วนอกจากพวกเรา วันนี้ได้พิสูจน์สัจจธรรมนั้นแล้ว พรรคเพื่อไทยเราไม่มีวันเชื่อว่าเขาจะจงรักภักดี เพราะเครือข่ายโครงสร้างพรรคเพื่อไทยคือพวกที่ต้องการล้มกษัตริย์ ไม่ว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรจะออกมาพูดอย่างไร ก็เป็นเรื่องโกหกพกลมทั้งสิ้น ส่วนพรรคภูมิใจไทยที่อ้างว่าตัวเองจงรักภักดี แต่คนที่อยู่เบื้องหลังพรรคนี้ก็เคยร่วมสังวาสกับพวกที่ล้มเจ้าในระบอบทักษิณมาแล้ว
ส่วน นายบรรหาร นักการเมืองรุ่นแย้มฝาโลง จวนจะตายอยู่แล้วยังไม่เคยแสดงอะไรให้เห็นว่าตัวเองมุ่งมั่นปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ มีแต่บอกว่าพร้อมที่จะเข้าร่วมรัฐบาล มีแต่จะเข้าไปทำมาหารับประทานกับงบประมาณ ถ้าอยู่ไปจนลงโลงแล้วยังคิดได้แค่นี้ ก็ขอให้รีบไปลงโลงเร็วๆ
“แก่จนจะตายยังไม่รู้จักรักบ้านรักเมือง เคยพูดซักแอะไหมว่าแผ่นดินนี้เราต้องสู้ต้องปกป้องไม่ให้สูญเสีย นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ เคยพูดไหม เรื่องการต่อค้านคอร์รัปชั่น การปกป้องดินแดน นายสุวิทย์ คุณกิตติ นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เคยออกมาพูดไหม แม้แต่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลินตัวดี เคยออกมาพูดไหมเรื่องเสียดินแดนให้เขมร ไม่เคยมีใครพูด มันเห็นการเสียแผ่นดินเป็นเรื่องธรรมดา ขอให้กูเป็นรัฐบาล ได้ทำมาหากินก็พอใจแล้ว เห็นหรือยัง เพียงแค่นี้หลักฐานมันชัดเจนแล้ว”
นายสนธิ กล่าวต่อว่า สื่อที่กระแนะกระแหนเราเรื่องโหวตโนยังมองไม่เห็นหรือ คนพวกนี้มาหาว่าเอเอสทีวีเป็นสื่อปลุกระดม เราไม่เคยปลุกระดมให้ใครไปเผาบ้านเผาเมือง แต่เราปลุกระดมให้มารักชาติรักบ้านรักเมืองกัน ถ้ามันต้องเจ๊งเพราะปลุกระดมให้รักบ้านรักเมืองก็ขอให้เจ๊งไปเถอะ อย่างน้อยเราก็เงยหน้าไม่อายฟ้าก้มหน้าไม่อายดิน เราทำงานใหญ่ เราต้องมองหลักใหญ่ อย่าไปสนใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ อย่างลมที่ผายออกมาจากปากของคนพวกนี้ แต่หลักการของชาติบ้านเมืองต้องมาก่อน
“เมืองไทยทุกวันนี้ไม่ใช่แค่ต้องปฏิรูปการเมือง ต้องปฏิวัติการเมืองด้วยซ้ำ หมดยุคของโจรห้าร้อยในสภา อย่าให้สัตว์หลงเข้าไปขี้เยี่ยวเห่าหอนในสภาอีก มันต้องมีตัวแทนของคนทุกหมู่เหล่า เข้าไปทำงานให้ประชาชน ไม่ใช่ทำงานให้นักการเมือง ที่ทุกวันนี้ไม่ได้เข้าไปยกมือเพื่อส่วนรวม แต่ยกมือเพื่อให้พวกมันเป็นนายกฯ ยกมือให้นโยบายของมันผ่าน ผมอ่านป้ายหาเสียงของพวกมันแล้วอยากจะอ๊วก มันเขียนไปแต่ทำไม่ได้ เพราะพวกมันไม่ใช่เจ้าของพรรค แต่เจ้าของพรรคจริงๆ เป็นนายทุน” นายสนธิ กล่าว