“อภิสิทธิ์” ยันไม่มีสัญญาใจพรรคร่วม มั่นใจเสียงดังสุดสังคมต้องการเดินหน้าเลือกตั้ง แจงไม่ได้พูดมากกว่าปฏิบัติ เหน็บพูดสู้ไม่ได้ก็หาว่าดีแต่พูด ลั่นไม่ได้คิดชั่วทำชั่วจึงไม่แคร์ถูกเรียกฆาตกร บอกอยากสานงานต่อให้ ปชช.มีหลักประกันดูแล มีหน้าตาในเวทีโลก การเมืองเข้ารูปเข้ารอยระบอบ ปชต. พร้อมเผยอยากเป็น รมว.ศึกษาธิการหากไม่ได้เป็นนายกฯ
วันที่ 28 มี.ค. 2554 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานงานประกาศเปิดตัว “วันแห่งเจตนาดี” ของ “สถาบันเจตนาดี (Jettanadee institute)” ที่ห้องอินฟินิตี้ แกรนด์บอลรูม โรงแรมพูลแมนคิงเพาเวอร์ ซอยรางน้ำ ซึ่งสถาบันดังกล่าวมีนายวัชระ กรรณิการ์ โฆษกพรรคชาติไทยพัฒนา มาดำรงตำแหน่งเป็นรักษาการเลขาธิการสถาบันเจตนาดี
โดยนายวัชระกล่าวในวิดีทัศน์เปิดตัวสถาบันฯ ว่า นี่ไม่ใช่องค์การทางการเมือง ไม่หวังผลทางการเมือง ภารกิจจะเป็นเรื่องของการเผยแพร่แนวคิดเจตนาที่ดีดีคนที่ดี สถาบัน องค์กรและนโยบายที่ดีในรูปแบบเชิงวิชาการ ซึ่งตนเป็นรองโฆษกรัฐบาลได้พบเจอการร้องขอบอกเล่าจากประชาชนมากในทุกสาขาอาชีพที่มีความเดือดร้อนในแง่ของกฎหมายที่ถูกกดขี่ข่มเหง ดังนั้น ภารกิจของสถาบันซึ่งมีคณะทำงานที่เป็นทนายความ มีจิตอาสาดูแลไขปัญหาให้ประชาชนที่เดือดร้อน มีการเปิดตู้ ปณ. ช่องทางติดต่อสื่อสารกับประชาชนและนำเรื่องราวไปถามต้นสังกัด เพื่อให้ประชาชนได้รับความเป็นธรรมที่เท่าเทียมกัน
นายกรัฐมนตรีกล่าวบนเวทีตอนหนึ่ว่า ในสังคมความคิดเห็นไม่เหมือนกัน บางสิ่งคนหนึ่งมองว่าดีคนหนึ่งว่าไม่ดี ก็เป็นสัจธรรมม แต่ไม่ใช่เป็นคำตอบว่าทำแบบนี้ดีหรือไม่ดี ลำพังการมีเจตนาดีไม่นำไปสู่ที่ดีดีก็มี หลายคนเจตนาดีแต่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็ทำความเสียหาย หลายคนเจตนาดีเพราะยึดติดเป้าหมายอาจจะทำความเสียหายในเรื่องอื่นได้ ดังนั้น เจตนาดีไม่เพียงพอคงต้องช่วยกันคิดระดมสมองว่าจะสามารถเป็นเครือข่ายที่มีพลังสิ่งที่เป็นสิ่งที่ดีไม่มีใครโต้แย้งได้อย่างไร
“ถ้าผมไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรี ผมอยากเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เพราะผมเป็นอาจารย์จึงอยากให้ระบบการศึกษามีความเข้มแข็ง เพราะการศึกษาเป็นการชี้ความสามารถของประเทศในระยะยาว แต่ทว่าตอนนี้ระบบการศึกษายังมีปัญหามาก” นายอภิสิทธิ์กล่าว ส่วนระบบการจับสลากเข้าโรงเรียนนั้น นายกฯ กล่าวว่า การจับสลากก็เป็นส่วนหนึ่งที่ต้องมีระบบจัดให้ลงตัว แต่ตนคิดว่าจับสลากบ้างกับสอบแข่งขันบ้างก็ดีกว่าใช้เงิน ที่คนมีเงินเข้าได้ แต่คนไม่มีเงินเข้าได้ ซึ่งตนรับไม่ได้
จากนั้นนายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์บนเวทีโดยมีนายกนก รัตน์วงศ์สกุล และ น.ส.อรวรรณ กริ่มวิรัตน์กุล เป็นผู้ซักถาม ในหัวข้อ “การเมืองเป็นเรื่องเจตนาดี” นายกฯ กล่าวตอนหนึ่งถึงความท้อถอยเมื่อถูกเรียกว่าฆาตกรและคนที่ทำให้ข้าวของแพงว่า ไม่ท้อ แต่ตรงกันข้าม เพราะสิ่งที่ทำให้ยืนหยัดอยู่ได้คือรู้ว่าเจตนาเราคิดอะไร ถ้าคิดชั่วทำชั่วก็คงอยู่ยาก แต่มั่นใจเจตนาตนเพียงพอแต่ผลที่ออกมาเป็นที่พอใจหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่อง
เมื่อถามว่า ทำไมคนเจตนาดีทำงานร่วมกันไม่ได้ อาทิ นางสดศรี สัตยธรรม นายเนวิน ชิดชอบ นายบรรหาร ศิลปอาชา นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า บางทีเจตดีไม่ตรงกัน บางทีข้อมูลไม่เหมือนกัน แม้เจตนาดีแต่ทั้งคู่อาจจะขัดแย้งรุนแรงก็ได้ อย่างเรื่องเจบีซี หรือเอ็มโอยู ตนก็บอกว่าเจตนาดี แต่กลุ่มพันธมิตรฯ ก็เจตนาดีอยากจะปกป้องดินแดน ตนบอกว่าต้องเจบีซีผ่านสภาแต่พันธมิตรฯ บอกว่าต้องคว่ำ เมื่อถามว่าเชื่อมั่นตัวเองมากเกินไปหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า “ทำไมไม่ถามฝ่ายโน้นบ้าง” เพราะต่างฝ่ายต่างมีความคิดของตัวเอง แต่ยืนยันว่าตนฟังทุกคน
เมื่อถามว่า ทำงานกับพรรครร่วมมีปัญหาจนทำงานยากไหม นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า บอกเลยว่าอยู่ในการเมืองส่วนใหญ่เห็นรัฐบาลผสมทำงานไม่ง่ายเหมือนรัฐบาลพรรคเดียว แต่ก็มีเห็นไม่ตรงกับพรรคร่วมก็ปกติ ถามว่ายากไหมก็ยาก ถามว่ายืดหยุ่นไหมก็ยืดหยุ่น แต่คงไม่เลวร้ายเสมอไป การมีรัฐบาลผสมทำให้เรายับยั้งชั่งใจและทบทวนว่าทำไมคนที่ร่วมงานกับเราบอกว่านี่ไม่ใช่ ก็เป็นการถ่วงดุล ซึ่งสองปีที่ผ่านมาปัญหาก็เท่าเดิม แต่ตนยืนยันว่าทำงานยึดที่เหตุถ้าเพื่อนมีเหตุผลดีกว่าก็ยอมเสมอหากหักล้างตนได้
เมื่อถามว่า เชื่อหรือไม่ว่าจะมีการเลือกตั้ง นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ยังมีคนบางกลุ่มไม่อยากให้มีเลือกตั้ง แต่ตนยืนยันและมั่นใจว่าสังคมไทยและคนไทยเกือบทั้งหมดต้องการเห็นบ้านเมืองเปลี่ยนไปตามกติกา มั่นใจว่าเสียงนี้จะดังที่สุดและการเดินหน้าเข้าสู่การเลือกตั้งต้องเกิดขึ้น ส่วนคนที่ไม่อยากให้คนไปลือกตั้งก็อธิบายกับสังคมว่าจะไม่ให้มีการเลือกตั้งเพราะอะไร ซึ่งคนที่ไม่อยากไปเลือกตั้งช่วง มิ.ย.หรือ ก.ค. หรือเดือนธันวาคมเขาก็ไม่ไป “เขาต้องบอกว่าทำไม่อยากให้เลือกตั้ง”
เมื่อถามว่า ถ้าให้พูดใหม่จะพูดว่าจะให้ยุบสภาช่วงสัปดาห์แรกของเดือนพ.ค.เหมือนเดิมหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ถ้าข้อมูลเป็นอย่างนี้ ก็ยังยืนยัน เมื่อถามว่ามีสัญญาใจอะไรกับพรรคร่วมเพื่อกลับมาทำงานร่วมกันหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่มี เพราะตอนนี้เรายังมีเวลาทำงาน ก็ยังห่วงว่าจะทำเรื่องต่างๆ เสร็จไหม แต่ก็เข้าใจกันดีกว่าเข้าสู่การเลือกตั้งทุกพรรคก็มีอิสระ ลงพื้นที่พบปะประชาชน แต่กลับมาก็จะรู้ว่ามีตัวเลข ส.ส.เท่าไร ส่วนว่าแม้ทานขาวด้วยกันเสร็จแล้วก็อาจจะเปลี่ยนใจก็ได้
เมื่อถามว่า รัฐบาลหน้าจะเป็นรัฐบาลพรรคเดียวเบ็ดเสร็จหรือรัฐบาลผสมที่เป็นไปได้ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ไม่มีสูตรสำเร็จ แต่ถ้าถามใจตนก็อยากได้ ส.ส.เยอะที่สุด ส่วนรัฐบาลเดียวหรือผสม ก็เป็นอีกเรื่อง เมื่อถามว่ามีคนมองว่าเป็นนักพูดมากกว่านักปฏิบัติ นายอภิสิทธิ์ชี้แจงว่า ไม่จริง ส่วนใหญ่เป็นเรื่องของการอธิบายให้เหตุผล เมื่อเขาพูดสู้ไม่ได้ก็หาว่าดีแต่พูด
นายอภิสิทธิ์กล่าวทิ้งท้ายว่า หากกลับมาเป็นนายกฯ อีกยังมีสิ่งที่จะทำอีกเยอะ ความตั้งใจสูงสุดคือประชาชนมีหลักประกันดูแล สองเห็นประเทศไทยมีหน้าตาในเวทีโลก เพราะเรายังไม่สามารถรวมพลังให้ชาวโลกเห็นในหลายเรื่อง และสามการเมืองเข้ารูปเข้ารอยของระบอบประชาธิปไตย นี่คือสามสิ่งที่อยากจะทำ