ASTVผู้จัดการรายวัน - “สว.คำนูณ” แนะ“รัฐบาลนายกฯยิ่งลักษณ์” ควรเปิดประชุม 2 สภาฟังความเห็นก่อนเจรจาผลประโยชน์ทับซ้อน “ปิโตรเลียม” กับรัฐบาล “สมเด็จฮุนเซน” “รสนา”อัดรัฐบาลปูอย่ามั่วนิ่ม ด้าน”นพดล”เผยโทรคุยทักษิณ ยังไม่เข้ากัมพูชาช่วงนี้
วานนี้ (18 ส.ค) ที่รัฐสภา นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เตรียมพาคณะนักธุรกิจในต่างประเทศ ไปพบ สมเด็จฮุนเซน นายกฯ กัมพูชา เพื่อเจรจาเกี่ยวกับการลงทุนในธุรกิจพลังงานปิโตรเลียมในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลอ่าวไทย-กัมพูชา ว่าเรื่อง ดังกล่าวหากมองด้วยความเป็นกลางและเป็นธรรม พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ถือว่าเป็นคนไทยคนหนึ่ง หากสามารถช่วยเหลือประเทศได้ในทางใดทางหนึ่ง และอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย อีกทั้งนโยบายการพัฒนาด้านพลังงานถือเป็นนโยบายใหม่ ที่นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานจะเร่งผลักดันให้เป็นนวาระแห่งชาติ ถือเป็นเรื่องที่ดี และไม่ขอคัดค้าน แต่ควรระวัง รวมถึงรัฐบาลควรแถลงให้ชัดเจนว่าประเด็นดังกล่าว ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน หรือมีผลประโยชน์ของกลุ่มนักการเมือง และกลุ่มทุนใดทุนหนึ่งแอบแฝงอีก ทั้งต้องปรับระบบหรือกระบวนการกำหนดราคาพลังงานในประเทศให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล
นายคำนูณ ยังกล่าวอีกว่า ต้องยอมรับว่าพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลนั้นมีขนาดพื้นที่มาก ถึง 27,000 ตารางกิโลเมตร อีกทั้งเส้นแดนทางทะเลที่ประเทศกัมพูชาขีดไว้เป็นไปอย่างผิดธรรมชาติ ดังนั้นจำเป็นต้องมีการคุยถึงรายละเอียด ซึ่งหากรัฐบาลตั้งใจผลักดันเรื่องพลังงานเป็นวาระแห่งชาติแล้ว ควรใจกว้างที่จะรับฟังความเห็นจากสมาชิกรัฐสภา ซึ่งตนสนับสนุนให้รัฐบาล เปิดประชุมรัฐสภา ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 179 เพื่อเปิดให้มีการอภิปรายโดยไม่มีการลงมติ เพื่อให้การดำเนินนโยบายดังกล่าวเป็นไปอย่างโปร่งใส และใช้เวทีของการรับฟังความเห็นจากสมาชิกรัฐสภาเป็นที่เคลียร์ข้อสงสัย รวมถึงชี้แจงให้ชัดเจนเพื่อให้ประชาชนได้ไว้วางใจรัฐบาล แต่หากรัฐบาลเห็นว่าการประชุมเป็นสิ่งที่ไม่ควรเปิดเผยก็สั่งให้เป็นประชุมลับก็ได้ ทั้งนี้เรื่องการเปิดรับฟังความเห็นจากรัฐสภาเรื่องพลังงานควรทำหลังจากที่มีการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อที่ประชุมรัฐสภา
**หวั่นท่านทักษิณเป็นจุดอ่อนรัฐบาล
ที่รัฐสภา น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีบทบาทใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว ส่วนตัวมองว่าหากพ.ต.ท.ทักษิณ ดำเนินการเรื่องดังกล่าวจะเป็นสิ่งที่เป็นจุดอ่อนต่ออนาคตของกับรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
น.ส.รสนา กล่าวอีกว่า เรื่องที่ปรากฎเป็นข่าวนั้น เชื่อว่าสังคมจะจับตาและร่วมตรวจสอบว่า ผลประโยชน์ด้านพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนนั้นกำไรจะตกอยู่ที่ประเทศชาติ หรือบุคคลเพียงแค่บางกลุ่ม อาทิ จากข้อมูลงบประมาณปี 2554 พบว่ารายได้ของรัฐที่มาจากทรัพยากรธรรมชาติ เช่น น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ทำรายรับให้รัฐ เพียง 2% ของรายได้ที่มาจากการเก็บภาษีทุกประเภท ทั้งที่ประเทศไทยถูกจัดอันดับให้เป็นประเทศที่ขุดน้ำมันขายเป็นอันดับ33 จากประเทศที่ขุดน้ำมันขาย 224 ประเทศทั่วโลก และนำก๊าซธรรมชาติมาขายเป็นอันดับที่ 23 ของประเทศที่นำก๊าซธรรมชาติมาใช้ง่าย 224 ประเทศทั่วโลก ดังนั้นหากรัฐบาลเดินหน้าในยุทธศาสตร์ที่สร้างความร่ำรวยให้กับบุคคลบางคน ต้องนำมาหารือกัน
“รัฐบาลชุดใหม่อย่ามั่วนิ่ม จัดแจงเป็นธุระให้กับคุณทักษิณ ในการเดินทางไปทั่วโลกเพื่อเจรจาการค้า ทั้งที่คุณทักษิณเป็นบุคคลหนีคดี ซึ่งหากรัฐบาลใช้วิธีตีเนียนจะทำให้รัฐบาลเสียชื่อ ทั้งนี้ต้องจับตาดูว่าผลประโยชน์ทับซ้อนทางทะเล จะเป็นสิ่งที่ทำให้รัฐบาลไทยและกัมพูชาเกียเซี๊ยะเรื่องพื้นที่ทับซ้อนทางบกด้วยหรือไม่” ส.ว.กทม. กล่าว
**นพดล ย้ำททัษิณไม่ไปเขมรช่วงนี้
เมื่อเวลา 15.00 น.ที่พรรคเพื่อไทย นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ แถลงถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางไปประเทศกัมพูชาในช่วงวันที่ 19-21 ส.ค.หรือหลังจากไปประเทศญี่ปุ่นแล้วว่า เมื่อ 17 นาทีก่อนหน้าที่ตนจะมาแถลงข่าวนั้น ตนได้คุยโทรศัพท์กับพ.ต.ท.ทักษิณแล้ว ยืนยันว่าจะไม่เดินทางไปประเทศกัมพูชาในระยะเวลานี้หรือช่วงเวลาที่เป็นข่าว ทั้งนี้ การเดินทางไปประเทศต่างๆ นั้นเป็นการไปเพื่อพูดคุยเรื่องธุรกิจ พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางไปไหนก็ไม่ได้ขอให้กระทรวงการต่างประเทศ สถานทูต หรือรัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือ
สำหรับการเดินทางกลับประเทศไทยของพ.ต.ท.ทักษิณนั้น คงจะมาในจังหวะเวลาที่เหมาะสม ยืนยันว่าตอนนี้แข็งแรงดีตามธรรมชาติของคนอายุ 62 ปี ไม่ได้เป็นโรคอะไร โรคมะเร็งก็ไม่ได้เป็น
**ปชป.แนะรบ.ศึกษาเส้นแบ่งแดนให้ชัด
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการกรณีแนวทางการใช้ทุนสำรองระหว่างประเทศมาเป็นทุนสำรองและผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยของรัฐบาลว่า พื้นที่ดังกล่าวทั้งไทย-กัมพูชา ต่างอ้างสิทธิ์ความเป็นเจ้าของ และยังมีปัญหาเรื่องความถูกต้องของแผนที่ทะเล ทั้งนี้รัฐบาลชุดก่อนเคยมีการยกเลิกในหลักการ สนธิสัญญาทางทะเล เมื่อปี 2544 แล้ว เพียงแต่ยังไม่มีการแจ้งต่อรัฐสภาอย่างเป็นทางการเพราะอยู่ระหว่างให้ผู้เชี่ยวชาญดูข้อกฎหมายที่จะตีเส้นเขตแดนทางทะเลที่ถูกต้อง อีกทั้งการตีเส้นเขตแดนของกัมพูชาไม่ถูกตามหลักวิชาการและกินพื้นที่เข้ามาในพื้นที่อ่าวไทยจำนวนมาก ดังนั้นในกรณีหากจะมีการดำเนินงานในส่วนพื้นที่ตรงนั้นจริง ควรจะมีการกลับไปศึกษาใหม่
นายชวนนท์ กล่าวต่อว่า กรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางเข้าประเทศกัมพูชานั้น ตนขอชี้แจงว่า ไทย-กัมพูชา มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน ดังนั้นถ้ารัฐบาลอ้างว่ามีสัมพันธ์อันดีกับประเทศกัมพูชา นายสุรพงษ์ ควรจะถือโอกาสนี้แสดงผลงานครั้งแรกหากพ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางเข้าประเทศกัมพูชาจริง
**เรียกขรก.ถกปมไทย-เขมร ชงครม.
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 18 ส.ค. ได้เรียกประชุมข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ ที่รับผิดชอบกรณีปัญหาไทย-กัมพูชา ทั้งเรื่องความสัมพันธ์ เขตแดน รวมถึงบันทึกความเข้าใจต่างๆ ระหว่างสองประเทศที่รัฐบาลชุดที่แล้วได้ยกเลิกไป และกรณีที่ประเทศไทยถอนตัวออกจากการเป็นภาคีสมาชิกมรดกโลก เมื่อการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกที่ประเทศฝรั่งเศส ครั้งที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะมีการหารือรวมไปถึงกรณีศาลโลกจะมีคำพิพากษา กรณีที่กัมพูชายื่นขอตีความคำพิพากษาปราสาทพระวิหารปี 2505 ทั้งนี้การประชุมดังกล่าว เพื่อสรุปข้อมูลทั้งหมดเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายหลังการแถลงนโยบายรัฐบาลอย่างเป็นทางการ
**ไทย-เขมรเจรจาทวิภาคีสัปดาห์หน้า
นายบุญส่ง เตชะมณีสถิตย์ รองอธิบดีกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้าทางการไทยและกัมพูชา จะเตรียมจัดประชุมระดับทวิภาคีขึ้นที่ จ.นครราชสีมา เพื่อกำหนดกรอบการประสานงานร่วมกัน ระหว่างจังหวัดที่อยู่ตามแนวชายแดน ส่วนการเปิดประตูเข้าชมพระวิหารในฝั่งไทย ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล เพื่อนำเสนอวิปรัฐบาลพิจารณา
**ครอบครัววีระขอทักษิณช่วยพ้นคุก
มีรายงานข่าวว่า ครอบครัวของนายวีระ สมความคิด ที่ถูกจำคุกในเรือนจำประเทศกัมพูชา เตรียมที่จะขอประสานกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หลังมีข่าวว่า อาจเดินทางเข้าประเทศกัมพูชา หลังจากเคยทำหนังสือขอความช่วยเหลือไปทั้งที่พรรคเพื่อไทย ขณะที่ ครอบครัวของนายวีระจะเดินทางไปเยี่ยม ซึ่งทางครอบครัวยังต้องการให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ช่วยเหลือเรื่องนี้
วานนี้ (18 ส.ค) ที่รัฐสภา นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวถึงกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เตรียมพาคณะนักธุรกิจในต่างประเทศ ไปพบ สมเด็จฮุนเซน นายกฯ กัมพูชา เพื่อเจรจาเกี่ยวกับการลงทุนในธุรกิจพลังงานปิโตรเลียมในพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลอ่าวไทย-กัมพูชา ว่าเรื่อง ดังกล่าวหากมองด้วยความเป็นกลางและเป็นธรรม พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ถือว่าเป็นคนไทยคนหนึ่ง หากสามารถช่วยเหลือประเทศได้ในทางใดทางหนึ่ง และอยู่ภายใต้กรอบของกฎหมาย อีกทั้งนโยบายการพัฒนาด้านพลังงานถือเป็นนโยบายใหม่ ที่นายพิชัย นริพทะพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานจะเร่งผลักดันให้เป็นนวาระแห่งชาติ ถือเป็นเรื่องที่ดี และไม่ขอคัดค้าน แต่ควรระวัง รวมถึงรัฐบาลควรแถลงให้ชัดเจนว่าประเด็นดังกล่าว ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน หรือมีผลประโยชน์ของกลุ่มนักการเมือง และกลุ่มทุนใดทุนหนึ่งแอบแฝงอีก ทั้งต้องปรับระบบหรือกระบวนการกำหนดราคาพลังงานในประเทศให้เป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล
นายคำนูณ ยังกล่าวอีกว่า ต้องยอมรับว่าพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลนั้นมีขนาดพื้นที่มาก ถึง 27,000 ตารางกิโลเมตร อีกทั้งเส้นแดนทางทะเลที่ประเทศกัมพูชาขีดไว้เป็นไปอย่างผิดธรรมชาติ ดังนั้นจำเป็นต้องมีการคุยถึงรายละเอียด ซึ่งหากรัฐบาลตั้งใจผลักดันเรื่องพลังงานเป็นวาระแห่งชาติแล้ว ควรใจกว้างที่จะรับฟังความเห็นจากสมาชิกรัฐสภา ซึ่งตนสนับสนุนให้รัฐบาล เปิดประชุมรัฐสภา ตามบทบัญญัติรัฐธรรมนูญ มาตรา 179 เพื่อเปิดให้มีการอภิปรายโดยไม่มีการลงมติ เพื่อให้การดำเนินนโยบายดังกล่าวเป็นไปอย่างโปร่งใส และใช้เวทีของการรับฟังความเห็นจากสมาชิกรัฐสภาเป็นที่เคลียร์ข้อสงสัย รวมถึงชี้แจงให้ชัดเจนเพื่อให้ประชาชนได้ไว้วางใจรัฐบาล แต่หากรัฐบาลเห็นว่าการประชุมเป็นสิ่งที่ไม่ควรเปิดเผยก็สั่งให้เป็นประชุมลับก็ได้ ทั้งนี้เรื่องการเปิดรับฟังความเห็นจากรัฐสภาเรื่องพลังงานควรทำหลังจากที่มีการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อที่ประชุมรัฐสภา
**หวั่นท่านทักษิณเป็นจุดอ่อนรัฐบาล
ที่รัฐสภา น.ส.รสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม. กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ไม่เหมาะสม เพราะ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่มีบทบาทใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องดังกล่าว ส่วนตัวมองว่าหากพ.ต.ท.ทักษิณ ดำเนินการเรื่องดังกล่าวจะเป็นสิ่งที่เป็นจุดอ่อนต่ออนาคตของกับรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร
น.ส.รสนา กล่าวอีกว่า เรื่องที่ปรากฎเป็นข่าวนั้น เชื่อว่าสังคมจะจับตาและร่วมตรวจสอบว่า ผลประโยชน์ด้านพลังงานในพื้นที่ทับซ้อนนั้นกำไรจะตกอยู่ที่ประเทศชาติ หรือบุคคลเพียงแค่บางกลุ่ม อาทิ จากข้อมูลงบประมาณปี 2554 พบว่ารายได้ของรัฐที่มาจากทรัพยากรธรรมชาติ เช่น น้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ทำรายรับให้รัฐ เพียง 2% ของรายได้ที่มาจากการเก็บภาษีทุกประเภท ทั้งที่ประเทศไทยถูกจัดอันดับให้เป็นประเทศที่ขุดน้ำมันขายเป็นอันดับ33 จากประเทศที่ขุดน้ำมันขาย 224 ประเทศทั่วโลก และนำก๊าซธรรมชาติมาขายเป็นอันดับที่ 23 ของประเทศที่นำก๊าซธรรมชาติมาใช้ง่าย 224 ประเทศทั่วโลก ดังนั้นหากรัฐบาลเดินหน้าในยุทธศาสตร์ที่สร้างความร่ำรวยให้กับบุคคลบางคน ต้องนำมาหารือกัน
“รัฐบาลชุดใหม่อย่ามั่วนิ่ม จัดแจงเป็นธุระให้กับคุณทักษิณ ในการเดินทางไปทั่วโลกเพื่อเจรจาการค้า ทั้งที่คุณทักษิณเป็นบุคคลหนีคดี ซึ่งหากรัฐบาลใช้วิธีตีเนียนจะทำให้รัฐบาลเสียชื่อ ทั้งนี้ต้องจับตาดูว่าผลประโยชน์ทับซ้อนทางทะเล จะเป็นสิ่งที่ทำให้รัฐบาลไทยและกัมพูชาเกียเซี๊ยะเรื่องพื้นที่ทับซ้อนทางบกด้วยหรือไม่” ส.ว.กทม. กล่าว
**นพดล ย้ำททัษิณไม่ไปเขมรช่วงนี้
เมื่อเวลา 15.00 น.ที่พรรคเพื่อไทย นายนพดล ปัทมะ ที่ปรึกษากฎหมายพ.ต.ท.ดร.ทักษิณ แถลงถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณจะเดินทางไปประเทศกัมพูชาในช่วงวันที่ 19-21 ส.ค.หรือหลังจากไปประเทศญี่ปุ่นแล้วว่า เมื่อ 17 นาทีก่อนหน้าที่ตนจะมาแถลงข่าวนั้น ตนได้คุยโทรศัพท์กับพ.ต.ท.ทักษิณแล้ว ยืนยันว่าจะไม่เดินทางไปประเทศกัมพูชาในระยะเวลานี้หรือช่วงเวลาที่เป็นข่าว ทั้งนี้ การเดินทางไปประเทศต่างๆ นั้นเป็นการไปเพื่อพูดคุยเรื่องธุรกิจ พ.ต.ท.ทักษิณเดินทางไปไหนก็ไม่ได้ขอให้กระทรวงการต่างประเทศ สถานทูต หรือรัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือ
สำหรับการเดินทางกลับประเทศไทยของพ.ต.ท.ทักษิณนั้น คงจะมาในจังหวะเวลาที่เหมาะสม ยืนยันว่าตอนนี้แข็งแรงดีตามธรรมชาติของคนอายุ 62 ปี ไม่ได้เป็นโรคอะไร โรคมะเร็งก็ไม่ได้เป็น
**ปชป.แนะรบ.ศึกษาเส้นแบ่งแดนให้ชัด
นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงการกรณีแนวทางการใช้ทุนสำรองระหว่างประเทศมาเป็นทุนสำรองและผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยของรัฐบาลว่า พื้นที่ดังกล่าวทั้งไทย-กัมพูชา ต่างอ้างสิทธิ์ความเป็นเจ้าของ และยังมีปัญหาเรื่องความถูกต้องของแผนที่ทะเล ทั้งนี้รัฐบาลชุดก่อนเคยมีการยกเลิกในหลักการ สนธิสัญญาทางทะเล เมื่อปี 2544 แล้ว เพียงแต่ยังไม่มีการแจ้งต่อรัฐสภาอย่างเป็นทางการเพราะอยู่ระหว่างให้ผู้เชี่ยวชาญดูข้อกฎหมายที่จะตีเส้นเขตแดนทางทะเลที่ถูกต้อง อีกทั้งการตีเส้นเขตแดนของกัมพูชาไม่ถูกตามหลักวิชาการและกินพื้นที่เข้ามาในพื้นที่อ่าวไทยจำนวนมาก ดังนั้นในกรณีหากจะมีการดำเนินงานในส่วนพื้นที่ตรงนั้นจริง ควรจะมีการกลับไปศึกษาใหม่
นายชวนนท์ กล่าวต่อว่า กรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ จะเดินทางเข้าประเทศกัมพูชานั้น ตนขอชี้แจงว่า ไทย-กัมพูชา มีสนธิสัญญาส่งผู้ร้ายข้ามแดนระหว่างกัน ดังนั้นถ้ารัฐบาลอ้างว่ามีสัมพันธ์อันดีกับประเทศกัมพูชา นายสุรพงษ์ ควรจะถือโอกาสนี้แสดงผลงานครั้งแรกหากพ.ต.ท.ทักษิณ เดินทางเข้าประเทศกัมพูชาจริง
**เรียกขรก.ถกปมไทย-เขมร ชงครม.
นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า เมื่อเวลา 11.00 น.วันที่ 18 ส.ค. ได้เรียกประชุมข้าราชการกระทรวงการต่างประเทศ ที่รับผิดชอบกรณีปัญหาไทย-กัมพูชา ทั้งเรื่องความสัมพันธ์ เขตแดน รวมถึงบันทึกความเข้าใจต่างๆ ระหว่างสองประเทศที่รัฐบาลชุดที่แล้วได้ยกเลิกไป และกรณีที่ประเทศไทยถอนตัวออกจากการเป็นภาคีสมาชิกมรดกโลก เมื่อการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกที่ประเทศฝรั่งเศส ครั้งที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะมีการหารือรวมไปถึงกรณีศาลโลกจะมีคำพิพากษา กรณีที่กัมพูชายื่นขอตีความคำพิพากษาปราสาทพระวิหารปี 2505 ทั้งนี้การประชุมดังกล่าว เพื่อสรุปข้อมูลทั้งหมดเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายหลังการแถลงนโยบายรัฐบาลอย่างเป็นทางการ
**ไทย-เขมรเจรจาทวิภาคีสัปดาห์หน้า
นายบุญส่ง เตชะมณีสถิตย์ รองอธิบดีกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ในสัปดาห์หน้าทางการไทยและกัมพูชา จะเตรียมจัดประชุมระดับทวิภาคีขึ้นที่ จ.นครราชสีมา เพื่อกำหนดกรอบการประสานงานร่วมกัน ระหว่างจังหวัดที่อยู่ตามแนวชายแดน ส่วนการเปิดประตูเข้าชมพระวิหารในฝั่งไทย ยังอยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูล เพื่อนำเสนอวิปรัฐบาลพิจารณา
**ครอบครัววีระขอทักษิณช่วยพ้นคุก
มีรายงานข่าวว่า ครอบครัวของนายวีระ สมความคิด ที่ถูกจำคุกในเรือนจำประเทศกัมพูชา เตรียมที่จะขอประสานกับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หลังมีข่าวว่า อาจเดินทางเข้าประเทศกัมพูชา หลังจากเคยทำหนังสือขอความช่วยเหลือไปทั้งที่พรรคเพื่อไทย ขณะที่ ครอบครัวของนายวีระจะเดินทางไปเยี่ยม ซึ่งทางครอบครัวยังต้องการให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ช่วยเหลือเรื่องนี้