สังคมไทยในวันนี้เป็นวันที่คนจำนวนไม่น้อยที่ยังงุนงงสงสัย และพยายามหาคำตอบว่าบ้านเมืองไทยจะไปทางไหนกัน และที่ยังอารมณ์ค้างกับการเลือกตั้งที่ผ่านมา ว่าระหว่างหล่อมาร์คกับสวยปู ใครจะมีกึ๋นกว่ากันและไม่เป็นที่สงสัยเลยว่าการจะวิจารณ์ต้องมีการพิจารณาจากพฤติกรรมทางการเมือง ซึ่งจะขอเริ่มที่หล่อมาร์คที่ต้องยอมรับกันว่าทำให้ประชาชนศรัทธาได้ตั้งแต่ประกาศกฎเหล็ก 9 ข้อที่คณะรัฐมนตรีต้องทำ เพื่อความโปร่งใส ตรวจสอบได้
แต่ในทางปฏิบัติคือทำให้ดังเพื่อการตีปีบโฆษณา แล้วเงียบเพื่อลับลวงพราง โดยไม่ทำอะไร ในที่สุดเงียบจริงๆ คือ ปิดปากเงียบ จึงเหมือนกับเรื่องอื่นๆ อย่างหล่อมารค์พูดอภิปรายรัฐบาลสมัครอย่างอาจหาญในการรักษาอธิปไตยของชาติ การเสียดินแดนเขาพระวิหารและย้ำไว้น่าฟังว่า เรื่องที่รัฐรู้ประชาชนต้องรู้ พอมาเป็นรัฐบาลหล่อมาร์คกลับไม่ให้ประชาชนรู้ ไม่อธิบายให้ประชาชนฟัง อย่างผู้รักชาติรักประชาธิปไตยเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิก MOU 2543 หล่อมาร์คตอบกลับว่าไม่เลิก ด้วยข้อตกลงนี้ทำให้มีการเจรจาสองฝ่าย ทำให้ไม่เกิดสงคราม แต่พอเกิดสงครามตามความหมายที่ฮุนเซนให้สัมภาษณ์สำนักข่าวซินหัวของจีน ทั้งเขมรไม่ยอมเจรจาแบบทวิภาคีแต่ต้องเป็นแบบพหุภาคี หล่อมาร์คก็ทำดีคือเงียบ
เมื่อประชาชนเรียกร้องให้ลาออกจากการเป็นสมาชิกภาคีองค์การมรดกโลก หล่อมาร์คตอบว่า ถ้าลาออกแล้วจะใช้เวทีไหนพูด ซึ่งถ้าเป็นสมัยเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว ต้องขอชมว่าหล่อมาร์คตอบได้ดี แต่ พ.ศ.นี้ใครๆ เขาก็รู้ว่าองค์กรนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งขององค์การสหประชาชาติเท่านั้น และสังคมเครือข่ายข้อมูลข่าวสารมีมากพอที่จะทำให้คนทั้งโลกรู้โดยไม่ต้องนำงบรัฐบาลมาโฆษณา
ส่วนการให้ผลักดันทหารเขมรออกจากพื้นแผ่นดินไทย หล่อมาร์คกลับตอบไปแบบไม่ตรงประเด็น เมื่อคุณวีระ สมความคิด และคุณราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ถูกพิจารณาคดีอยู่ในศาล รัฐบาลหล่อมารค์กลับให้พ่อค้าวัวแถวชายแดนไปออกรายการโทรทัศน์แห่งชาติ ช่อง 11 โดยบอกว่าที่ตรงนั้นเป็นของเขมร เท่ากับยืนยันว่าคุณวีระและคุณราตรีบุกรุกแผ่นดินเขมร
นอกจากนี้การขึ้นมามีอำนาจในช่วง 2 ปีกว่าไม่สามารถถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่จัดการคนทำลายการประชุมผู้นำอาเซียน ไม่จัดการคดีเผาบ้านเผาเมืองให้ถูกต้อง และที่สำคัญการจัดการเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันคุณวิลาศ จันทรพิทักษ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์เองบอกว่า ยุครัฐบาลหล่อมาร์คมีการโกงถึง 50 เปอร์เซ็นต์ และการก่อสร้างบางโครงการโกงถึง 100 เปอร์เซ็นต์ คือ ทำโครงการทับซ้อนของเก่าที่มีอยู่แล้ว ส่วนเรื่องที่ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์เอาเงินกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษามาค้ำประกันการประมูลข้าวของกระทรวงพาณิชย์ เมื่อเป็นข่าวฉาวโฉ่ก็ตั้งกรรมการที่เป็นข้าราชการไปสอบนักการเมืองที่กำกับ รัฐบาลหล่อมารค์หมดอำนาจไปแล้ววันนี้ ยังไม่มีข้อสรุปเลยครับ ซึ่งก็เหมือนข่าวการโกงข้อสอบโรงเรียนนายอำเภอ ยังหาคนผิดไม่เจอ อย่างนี้หล่อมาร์คเรียนรู้ การไม่รู้ ไม่เห็นแบบบกพร่องโดยสุจริตใช่หรือเปล่า หรือหล่อมารค์เปลี่ยนเป็นหล่อแหล ไม่ตอแยต่อความจริงไปแล้ว
พออำนาจเปลี่ยนผ่านมาสู่รัฐบาลสวยปู ไม่รู้ความซวยของคนในประเทศหรือโชคดีของสวยปู ที่รัฐหล่อมาร์คทำเป็นแบบอย่างไม่ว่า สวยปูจะไม่รู้ในทุกเรื่องที่ไม่อยากตอบหรือตอบคำถามแล้วทำให้ถูกจับได้ว่าโกหก อย่างการถอนอายัดเงิน 12,000 ล้านบาทแล้วการคืนเงินให้พานทองแท้ และแพทองธาร ซึ่งถ้าเงินนี้คืนถูกต้อง แล้วใครต้องรับผิดชอบไม่ว่าภาษีหรือค่าเสียหาย
สวยปูไม่เคยรู้ว่ามีการดำเนินการคืนพาสปอร์ตสีแดงซึ่งเป็นพาสปอร์ตราชการให้พี่ชายที่ถูกพิพากษาว่ามีความผิดให้จำคุก 2 ปี เหมือนกับที่สวยปูไม่รู้ว่า รมต.กระทรวงการต่างประเทศขอให้ทางรัฐบาลญี่ปุ่นอนุญาตให้ผู้ต้องหาที่มีหมายจับจากประเทศไทยเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่น เมื่อมีผู้สื่อข่าวถาม สวยปูก็ตอบว่าไม่รู้เรื่อง ความมาแตกเมื่อสถานทูตญี่ปุ่นแถลงข่าวว่าทาง รมต.กระทรวงการต่างประเทศของไทยขอมา ถ้าสวยปูไม่รู้ รัฐมนตรีไปทำเองก็เรียกว่าทำนอกคำสั่ง แต่ถ้าเป็นพฤติกรรมที่รู้แล้วทำเป็นไม่รู้ก็ไม่ต่างกับการทำแบบลิงหลอกเจ้า และพฤติกรรมที่โกหกนานวันเข้า สวยปูวันนี้ก็จะเปลี่ยนเป็นสวยหลอกในวันหน้า หลอกไปหลอกมาเลยหลอกตัวเอง
จากรัฐบาลทักษิณ รัฐบาลหุ่น-สมัคร รัฐบาลตัวแทน-สมชาย รัฐบาลหล่อมาร์ค รัฐไทยต่างอยู่ในวังวนการทุจริตคอร์รัปชันซึ่งเป็นศัตรูสำคัญของการพัฒนา โดยไม่จัดการแก้ไขปัญหาหลักของประเทศ ไม่จัดการแก้ความขัดแย้ง ความเลื่อมล้ำ ความยากจน ไม่สนใจจะตรวจสอบการทุจริตในเรื่องที่สาธารณชนสนใจ ไม่สนใจเรื่องอธิปไตยของชาติซึ่งแต่ละรัฐบาลต่างมีอันเป็นไป
จนถึงวันนี้รัฐบาลโคลนนิ่งหรือรัฐบาลสวยปู น่าจะสรุปบทเรียนได้ว่าพฤติกรรมพูดอย่างทำอย่าง ไม่เกิดประโยชน์กับผู้พูดแล้ว ยังทำลายศรัทธาของประชาชน และการที่คิดเข้ามาเพื่อได้เป็นรัฐบาลโดยไม่คิดว่าประเทศไทยได้อะไร คนไทยได้ประโยชน์อะไร อายุรัฐบาลมักอยู่ได้ไม่นาน รัฐบาลสวยปูอาจโชคดีที่รัฐบาลหล่อมาร์คมีจุดอ่อนให้เลือกเลียนแบบทำตาม
ฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาธิปัตย์ไม่กล้าวิจารณ์เพราะกลัวถูกสวนกลับ แต่โชคไม่อาจช่วยได้ เมื่อประชาชนที่เบื่อหน่ายการโกหกของนักการเมืองที่สนแต่หาผลประโยชน์ใส่ตัว โกงประเทศโดยไม่อายฟ้าอายดินพร้อมเข้าตรวจสอบ ต่อต้านหรือถึงขั้นขับไล่ ซึ่งบทเรียนจากฝ่ายเดียวของสวยปูก็มีให้เห็น มาถึงรัฐบาลล่อแหล่ของหล่อมาร์คที่ถูกเปลี่ยนเป็นหล่อแหลก็เพราะความไม่ตรงไปตรงมาก็มีอันเป็นไปให้เห็น จึงเป็นข้อเตือนใจกับรัฐบาลสวยปูว่า
“คนโกงต้องพ่ายแพ้ หล่อแหลก็ยังพัง สวยหลอกฤาอยู่ยั้ง ถ้าไม่สั่งสมทำความดี”
แต่ในทางปฏิบัติคือทำให้ดังเพื่อการตีปีบโฆษณา แล้วเงียบเพื่อลับลวงพราง โดยไม่ทำอะไร ในที่สุดเงียบจริงๆ คือ ปิดปากเงียบ จึงเหมือนกับเรื่องอื่นๆ อย่างหล่อมารค์พูดอภิปรายรัฐบาลสมัครอย่างอาจหาญในการรักษาอธิปไตยของชาติ การเสียดินแดนเขาพระวิหารและย้ำไว้น่าฟังว่า เรื่องที่รัฐรู้ประชาชนต้องรู้ พอมาเป็นรัฐบาลหล่อมาร์คกลับไม่ให้ประชาชนรู้ ไม่อธิบายให้ประชาชนฟัง อย่างผู้รักชาติรักประชาธิปไตยเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิก MOU 2543 หล่อมาร์คตอบกลับว่าไม่เลิก ด้วยข้อตกลงนี้ทำให้มีการเจรจาสองฝ่าย ทำให้ไม่เกิดสงคราม แต่พอเกิดสงครามตามความหมายที่ฮุนเซนให้สัมภาษณ์สำนักข่าวซินหัวของจีน ทั้งเขมรไม่ยอมเจรจาแบบทวิภาคีแต่ต้องเป็นแบบพหุภาคี หล่อมาร์คก็ทำดีคือเงียบ
เมื่อประชาชนเรียกร้องให้ลาออกจากการเป็นสมาชิกภาคีองค์การมรดกโลก หล่อมาร์คตอบว่า ถ้าลาออกแล้วจะใช้เวทีไหนพูด ซึ่งถ้าเป็นสมัยเมื่อร้อยกว่าปีที่แล้ว ต้องขอชมว่าหล่อมาร์คตอบได้ดี แต่ พ.ศ.นี้ใครๆ เขาก็รู้ว่าองค์กรนี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งขององค์การสหประชาชาติเท่านั้น และสังคมเครือข่ายข้อมูลข่าวสารมีมากพอที่จะทำให้คนทั้งโลกรู้โดยไม่ต้องนำงบรัฐบาลมาโฆษณา
ส่วนการให้ผลักดันทหารเขมรออกจากพื้นแผ่นดินไทย หล่อมาร์คกลับตอบไปแบบไม่ตรงประเด็น เมื่อคุณวีระ สมความคิด และคุณราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ถูกพิจารณาคดีอยู่ในศาล รัฐบาลหล่อมารค์กลับให้พ่อค้าวัวแถวชายแดนไปออกรายการโทรทัศน์แห่งชาติ ช่อง 11 โดยบอกว่าที่ตรงนั้นเป็นของเขมร เท่ากับยืนยันว่าคุณวีระและคุณราตรีบุกรุกแผ่นดินเขมร
นอกจากนี้การขึ้นมามีอำนาจในช่วง 2 ปีกว่าไม่สามารถถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่จัดการคนทำลายการประชุมผู้นำอาเซียน ไม่จัดการคดีเผาบ้านเผาเมืองให้ถูกต้อง และที่สำคัญการจัดการเรื่องการทุจริตคอร์รัปชันคุณวิลาศ จันทรพิทักษ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรคประชาธิปัตย์เองบอกว่า ยุครัฐบาลหล่อมาร์คมีการโกงถึง 50 เปอร์เซ็นต์ และการก่อสร้างบางโครงการโกงถึง 100 เปอร์เซ็นต์ คือ ทำโครงการทับซ้อนของเก่าที่มีอยู่แล้ว ส่วนเรื่องที่ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์เอาเงินกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษามาค้ำประกันการประมูลข้าวของกระทรวงพาณิชย์ เมื่อเป็นข่าวฉาวโฉ่ก็ตั้งกรรมการที่เป็นข้าราชการไปสอบนักการเมืองที่กำกับ รัฐบาลหล่อมารค์หมดอำนาจไปแล้ววันนี้ ยังไม่มีข้อสรุปเลยครับ ซึ่งก็เหมือนข่าวการโกงข้อสอบโรงเรียนนายอำเภอ ยังหาคนผิดไม่เจอ อย่างนี้หล่อมาร์คเรียนรู้ การไม่รู้ ไม่เห็นแบบบกพร่องโดยสุจริตใช่หรือเปล่า หรือหล่อมารค์เปลี่ยนเป็นหล่อแหล ไม่ตอแยต่อความจริงไปแล้ว
พออำนาจเปลี่ยนผ่านมาสู่รัฐบาลสวยปู ไม่รู้ความซวยของคนในประเทศหรือโชคดีของสวยปู ที่รัฐหล่อมาร์คทำเป็นแบบอย่างไม่ว่า สวยปูจะไม่รู้ในทุกเรื่องที่ไม่อยากตอบหรือตอบคำถามแล้วทำให้ถูกจับได้ว่าโกหก อย่างการถอนอายัดเงิน 12,000 ล้านบาทแล้วการคืนเงินให้พานทองแท้ และแพทองธาร ซึ่งถ้าเงินนี้คืนถูกต้อง แล้วใครต้องรับผิดชอบไม่ว่าภาษีหรือค่าเสียหาย
สวยปูไม่เคยรู้ว่ามีการดำเนินการคืนพาสปอร์ตสีแดงซึ่งเป็นพาสปอร์ตราชการให้พี่ชายที่ถูกพิพากษาว่ามีความผิดให้จำคุก 2 ปี เหมือนกับที่สวยปูไม่รู้ว่า รมต.กระทรวงการต่างประเทศขอให้ทางรัฐบาลญี่ปุ่นอนุญาตให้ผู้ต้องหาที่มีหมายจับจากประเทศไทยเดินทางเข้าประเทศญี่ปุ่น เมื่อมีผู้สื่อข่าวถาม สวยปูก็ตอบว่าไม่รู้เรื่อง ความมาแตกเมื่อสถานทูตญี่ปุ่นแถลงข่าวว่าทาง รมต.กระทรวงการต่างประเทศของไทยขอมา ถ้าสวยปูไม่รู้ รัฐมนตรีไปทำเองก็เรียกว่าทำนอกคำสั่ง แต่ถ้าเป็นพฤติกรรมที่รู้แล้วทำเป็นไม่รู้ก็ไม่ต่างกับการทำแบบลิงหลอกเจ้า และพฤติกรรมที่โกหกนานวันเข้า สวยปูวันนี้ก็จะเปลี่ยนเป็นสวยหลอกในวันหน้า หลอกไปหลอกมาเลยหลอกตัวเอง
จากรัฐบาลทักษิณ รัฐบาลหุ่น-สมัคร รัฐบาลตัวแทน-สมชาย รัฐบาลหล่อมาร์ค รัฐไทยต่างอยู่ในวังวนการทุจริตคอร์รัปชันซึ่งเป็นศัตรูสำคัญของการพัฒนา โดยไม่จัดการแก้ไขปัญหาหลักของประเทศ ไม่จัดการแก้ความขัดแย้ง ความเลื่อมล้ำ ความยากจน ไม่สนใจจะตรวจสอบการทุจริตในเรื่องที่สาธารณชนสนใจ ไม่สนใจเรื่องอธิปไตยของชาติซึ่งแต่ละรัฐบาลต่างมีอันเป็นไป
จนถึงวันนี้รัฐบาลโคลนนิ่งหรือรัฐบาลสวยปู น่าจะสรุปบทเรียนได้ว่าพฤติกรรมพูดอย่างทำอย่าง ไม่เกิดประโยชน์กับผู้พูดแล้ว ยังทำลายศรัทธาของประชาชน และการที่คิดเข้ามาเพื่อได้เป็นรัฐบาลโดยไม่คิดว่าประเทศไทยได้อะไร คนไทยได้ประโยชน์อะไร อายุรัฐบาลมักอยู่ได้ไม่นาน รัฐบาลสวยปูอาจโชคดีที่รัฐบาลหล่อมาร์คมีจุดอ่อนให้เลือกเลียนแบบทำตาม
ฝ่ายค้านอย่างพรรคประชาธิปัตย์ไม่กล้าวิจารณ์เพราะกลัวถูกสวนกลับ แต่โชคไม่อาจช่วยได้ เมื่อประชาชนที่เบื่อหน่ายการโกหกของนักการเมืองที่สนแต่หาผลประโยชน์ใส่ตัว โกงประเทศโดยไม่อายฟ้าอายดินพร้อมเข้าตรวจสอบ ต่อต้านหรือถึงขั้นขับไล่ ซึ่งบทเรียนจากฝ่ายเดียวของสวยปูก็มีให้เห็น มาถึงรัฐบาลล่อแหล่ของหล่อมาร์คที่ถูกเปลี่ยนเป็นหล่อแหลก็เพราะความไม่ตรงไปตรงมาก็มีอันเป็นไปให้เห็น จึงเป็นข้อเตือนใจกับรัฐบาลสวยปูว่า
“คนโกงต้องพ่ายแพ้ หล่อแหลก็ยังพัง สวยหลอกฤาอยู่ยั้ง ถ้าไม่สั่งสมทำความดี”
