ASTVผู้จัดการออนไลน์ -- พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ที่เคยนำไทยฝ่าการเผชิญหน้ากับทหารเวียดนามนับแสนคนที่ยึดครองกัมพูชา และทำให้การต่อสู้กับฝ่ายคอมมิวนิสต์ในประเทศยุติลง สัปดาห์นี้ได้กล่าวชื่นชมความสำเร็จของคอมมิวนิสต์เวียดนามในการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ และการมีระบบการเมืองที่มั่นคง
พล.อ.เปรม ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษของไทย ระบุดังกล่าว กับ นายโงดึ๊กถัง (Ngo Duc Thang) เอกอัครราชทูตเวียดนามประจำประเทศไทย เข้าพบในวันที่ 10 พ.ค.ที่ผ่านมา สำนักข่าวเวียดนามวีเอ็นเอ กล่าว
ไม่มีการเปิดเผยว่า เอกอัครราชทูตเวียดนามเข้าพบประธานองคมนตรีเพื่อการใด และมีการหารือในเรื่องใดบ้าาง
“ในการพบปะ พลเอก เปรม ได้ชื่นชมอย่างสูงต่อความสัมพันธ์มิตรภาพเวียดนาม-ไทย และเน้นว่า เวียดนามกำลังประสบความสำเร็จในการพัฒนาอย่างรวดเร็ว กับรากฐานทางการเมืองที่เสถียร” วีเอ็นเอ กล่าว
เอกอัครราชทูตเวียดนาม ได้ถือโอกาสนี้ถวายความปรารถนาดีต่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และแสดงความหวังว่าความสัมพันธ์กับความร่วมมือระหว่างเวียดนามกับไทยจะพัฒนาต่อไป
ในช่วงเร็วๆ นี้ ความสัมพันธ์ความร่วมมือสองฝ่ายมีความใกล้ชิดกันมากยิ่งขึ้น เมื่อเวียดนามต้องแสวงหาความร่วมมือกับไทยทางด้านนโยบาย ในฐานะประเทศภาคีแม่น้ำโขงด้วยกัน ในการต่อต้านการก่อสร้างเขื่อนไซยะบูลีกั้นแม่น้ำโขงในลาว ซึ่งเวียดนามที่อยู่ปลายสุด กล่าวว่าประชากรกว่า 10 ล้าน กำลังจะจะได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง
ต่อปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา นายกรัฐมนตรีเวียดนาม เหวียนเติ๋นยวุ๋ง ได้บอกกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชาฮุนเซน ระหว่างไปเยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการเดือนที่แล้ว ว่า เวียดนามเป็นมิตรกับไทยเช่นกัน และปรารถนาที่จะเห็นทั้งสองฝ่ายแก้ไขข้อขัดแย้งด้วยสันติวิธีและด้วยการเจรจา
ระหว่างไปร่วมการประชุมผู้นำอาเซียนในกรุงจาการ์ตาในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา นายยวุ๋ง ได้พบหารือสองฝ่ายกับนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีของไทยด้วย
พล.อ.เปรม เป็นรัฐบุรุษ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 16 ของไทย ดำรงตำแหน่งระหว่างเดือน มี.ค.2523 - ส.ค.2531 โดยผ่านวิกฤตการณ์ทางการเมืองหลายครั้ง รวมทั้งความพยายามรัฐประหารหลายครั้ง เป็นผู้นำรัฐบาลที่อยู่ในอำนาจยาวนานที่สุดจนกระทั่งเกษียณตัวเองพร้อมด้วยวาทะสำคัญ คือ “ผมพอแล้ว”
รัฐบาลไทยรู้สึกช็อกที่จู่ๆ ในต้นปี 2522 ประเทศต้องเผชิญหน้ากับทหารเวียดนามนับแสนคนในกัมพูชา ทั้งๆ ที่เวียดนามกับไทยไม่มีพรมแดนติดกัน แต่รัฐบุรุษได้นำประเทศฝ่าสถานการณ์สงครามในประเทศเพื่อนบ้านมาได้อย่างมั่นคงปลอดภัย
เวียดนามถอนทหารออกจากกัมพูชาทั้งหมดในเดือน ก.ย.2532 หรือ อีก 10 ปีต่อมา
พล.อ.เปรม ยังได้รับเครดิตอย่างสำคัญจากการประกาศใช้นโยบาย 66-23 เพื่อต้อนรับ “คนป่า” คืนเมือง เป็นการยุติเสียงปืนการต่อสู้ระหว่างรัฐบาลกับพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ซึ่งมีตลอดเวลาเกือบครึ่งศตวรรษแห่งความไม่สงบทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายร้อยคน