ASTVผู้จัดการรายวัน- กลุ่ม 40 ส.ว.จี้รัฐบาลต้องช่วย2คนไทย "วีระ-ราตรี" พ้นคุกเขมร อย่าจ้องแต่รับใช้นายใหญ่ที่หลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศ "คำนูณ" อยากให้รัฐบาลชี้แจงกรอบนโยบายเกี่ยวกับการเจรจาเรื่องบ่อก๊าซธรรมชาติกลางอ่าวไทย ด้าน"ยิ่งลักษณ์" ระบุปัญหาไทยกัมพูชา ต้องใช้แนวทางการเจรจา โโยยึดหลักผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ ขณะที่ รมว.กลาโหม เผย "เตีย บัน" ทำหนังสือเชิญถกจีบีซี เตรียมลงพื้นที่ชายแดน ศรีสะเกษ 19 ส.ค.นี้
ในการประชุมวุฒิสภา วานนี้ (15 ส.ค.) พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม โดยก่อนเข้าสู่วาระการประชุม นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กลุ่ม 40 ส.ว. ได้หารือว่า ภาระกิจแรกที่รัฐบาลใหม่ต้องทำคือ กรณีนายวีระ สมความคิด กับ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ 2 คนไทย ที่ถูกจับในกัมพูชา ล่าสุดมีคำยืนยันจาก สมเด็จฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชาว่าจะยังไม่ปล่อยตัว จนกว่าจะได้รับโทษ 2 ใน 3 หรือถูกจำคุก 5 ปีก่อน ซึ่งขัดต่อหลักการให้ความยุติธรรม ข้อหาเข้าเมืองผิดกฎหมาย หรือเข้าไปจารกรรมข้อมูลความมั่นคง อาจเป็นความเข้าใจผิด เพราะความแค้นเคืองของนายกฯ กัมพูชาเอง กล้องโจรกรรมที่อ้างว่าจับได้ มีวางขายกันเกลื่อนตามคลองถม ตลาดโรงเกลือ และตามตลาดชายแดน ไม่ได้เป็นกล้องโจรกรรมสายลับอะไร และที่ต้องเปิดกล้องไว้คงกลัวถูกทำร้าย วันนี้ทั้งคู่ถูกจำคุกมาพอสมควรแล้ว นายกฯ จึงควรมอบหมายให้รมว.ต่างประเทศ ทำภาระกิจนี้เป็นอันดับแรก หรือจะแลกกับ 3 สายลับของเขมร ที่ถูกจับตอนเข้ามาหาความลับในไทย ก็น่าจะได้ นายกฯ ควรสั่งให้รมว.ต่างประเทศ โชว์เป็นผลงานชิ้นแรก ไม่ใช่ไปมัวเจรจากับทูตญี่ปุ่น ตามคำสั่งนายใหญ่ ที่อยู่ต่างประเทศ หรืออนุมัติพาสปอตเล่มแดงอีก เป็นข้อสงสัยว่า รมว.ต่างประเทศ จะทำหน้าที่ได้หรือไม่
ขณะที่น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี กล่าวว่า ได้รับคำร้องเรียนจากคนเมืองเพชรบุรี ในนามกลุ่มเพื่อนวีระ ยื่นหนังสือร้องเรียนถึงตน ผ่านไปยังรัฐบาลภายใต้การนำของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าขณะนี้เป็นเวลา 7 เดือนกว่าแล้ว ที่ 2 คนไทยต้องติดคุกอยู่ต่างแดน ทั้งที่ทำคุณประโยชน์คอยดูแลผลประโยชน์ให้ประเทศ อยากทราบว่ารัฐบาลมีนโยบายอย่างไรกับ 2 คนไทยนี้ รมว.ต่างประเทศ ก็เป็นคนไทยด้วยกัน น่าจะเร่งดำเนินการคืน อิสระภาพเพื่อแสดงความจริงใจในการบริหารราชการแผ่นดิน โดยไม่เลือกปฏิบัติ ขอให้เห็นแก่ประโยชน์ชาติ
ด้านนายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ตามที่ รมว.พลังงาน ให้สัมภาษณ์ว่าจะเร่งฟื้นฟูความสัมพันธ์กับกัมพูชา เพื่อพัฒนาการค้า และการลงทุน ให้มีการเจรจาบริหารจัดการเรื่องแหล่งพลังงาน ที่อยู่ในเขตพื้นที่ทับซ้อนกลางอ่าวไทย ซึ่งอยากตั้งข้อสังเกตถึงนโยบายที่จะต้องแถลงต่อรัฐสภาในสัปดาห์หน้า ที่จะเจรจาพัฒนาแหล่งปิโตรเลียม ซึ่งตนเห็นด้วยที่จะเจรจาในรูปแบบรัฐต่อรัฐ ซึ่งบริเวณตรงนั้นมีก๊าซธรรมชาติคุณภาพดี ที่จะใช้ได้ถึง 30-40 ปี จึงอยากให้รัฐบาลชี้แจงให้ชัดเจน จะใช้หลักเกณฑ์ หรือกรอบอะไรในการเจรจา โดยรัฐบาลชุดที่แล้วมีมติครม.เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 52 ให้ยกเลิกเอ็มโอยู 2544 ข้อ 2 (B) เกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลกลางอ่าวไทย แม้จะยังไม่ยกเลิกโดยกระบวนการรัฐสภา ก็ต้องมีหลักการชัดเจนว่า รัฐบาลนี้จะเอาอย่างไร จะทำในลักษณะเดียวกับข้อตกลงเจดีเอ ที่ทำกับมาเลเซีย ที่กำหนดว่าการแบ่งประโยชน์ในลักษณะที่มิอาจแบ่งแยกได้ มีความแตกต่างกับของกัมพูชาอย่างไร
** เจรจาไทย-กัมพูชายึดผลประโยชน์ชาติ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา ที่ยังเป็นปัญหาอยู่ จะเดินหน้าคลี่คลายเรื่องนี้อย่างไร ว่า เราต้องมองเป็น 2 ส่วน ซึ่งในส่วนของกรณีข้อพิพาทเป็นประเด็นที่ต้องใช้การหารือ และวิธีทางการเจรจาทางการทูต โดยที่เราต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ประเทศชาติ และไม่ให้เสียอธิปไตยของประเทศชาติ
ส่วนเรื่องของการค้าขายก็ขอให้เกิดการค้าขายตามแนวชายแดนตามปกติ เมื่อถามว่า จะลบคำครหาอย่างไรที่มีการระบุว่า รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยกปราสาทพระวิหาร ให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนมรดกโลก นายกฯ กล่าวว่า ทุกอย่างเราจะทำเพื่อปกป้องประเทศ และไม่ให้สูญเสียประเทศชาติ เราจะทำตรงนี้อย่างเต็มที่ เพื่อประเทศไทยด้วย
เมื่อถามว่า จะสานต่อในสิ่งที่รัฐบาลชุดที่แล้วดำเนินการมาหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ตรงนี้เป็นประเด็นที่ค่อยข้างที่จะละเอียดอ่อน ต้องใช้เวลาหารือกับกระทรวงการต่างประเทศ และผู้ที่มีความรู้ เมื่อถามว่าจะอาศัยความสัมพันธ์ส่วนตัวของพ.ต.ท.ทักษิณ ช่วยเจรจาด้วยหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ใช้ลักษณะการเจรจาสัมพันธ์ทางการทูต คิดว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีมากกว่า
**“เตีย บัน”ทำหนังสือเชิญถกจีบีซี
พล.อ.ยุทธ ศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ตนได้ทราบข่าวจากกัมพูชาว่า ขณะนี้ พล.อ.เตีย บัน รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมกัมพูชา ได้ทำหนังสือถึงตน เชิญประชุมคระกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา(จีบีซี) ซึ่งการประชุมดังกล่าว จะเป็นการกำหนดแนวทางให้กับรัฐบาลในการตกลงใจว่า จะดำเนินการอย่างไร และหาแนวทางออกที่ดีที่สุด เมื่อได้หนทางที่ดีที่สุดแล้ว ก็จะเสนอต่อรัฐบาล
" วันศุกร์ที่ 19 ส.ค.นี้ ตนและผู้บัญชาการทหารบก จะเดินทางลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมกองทัพภาคที่ 2 ในจ.ศรีสะเกษ โดย พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมจะชี้แจงในรายละเอียด เกี่ยวกับสถานการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมา จากนั้นจะขอดูรายละเอียดจากเลขาคณะรัฐมนตรี เพื่อติดตามงานต่างๆ ที่รัฐบาลชุดเก่าได้ทำไว้ ว่า มีเรื่องใดบ้างที่จะฝากให้กับรัฐบาลชุดใหม่ เพื่อนำมาหารือในการวางแผนปฏิบัติงานต่อไป ซึ่งทางกองบัญชาการกองทัพไทย เป็นเลขานุการในการเตรียมการเรื่องนี้"
ในการประชุมวุฒิสภา วานนี้ (15 ส.ค.) พล.อ.ธีรเดช มีเพียร ประธานวุฒิสภา เป็นประธานการประชุม โดยก่อนเข้าสู่วาระการประชุม นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา กลุ่ม 40 ส.ว. ได้หารือว่า ภาระกิจแรกที่รัฐบาลใหม่ต้องทำคือ กรณีนายวีระ สมความคิด กับ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ 2 คนไทย ที่ถูกจับในกัมพูชา ล่าสุดมีคำยืนยันจาก สมเด็จฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีกัมพูชาว่าจะยังไม่ปล่อยตัว จนกว่าจะได้รับโทษ 2 ใน 3 หรือถูกจำคุก 5 ปีก่อน ซึ่งขัดต่อหลักการให้ความยุติธรรม ข้อหาเข้าเมืองผิดกฎหมาย หรือเข้าไปจารกรรมข้อมูลความมั่นคง อาจเป็นความเข้าใจผิด เพราะความแค้นเคืองของนายกฯ กัมพูชาเอง กล้องโจรกรรมที่อ้างว่าจับได้ มีวางขายกันเกลื่อนตามคลองถม ตลาดโรงเกลือ และตามตลาดชายแดน ไม่ได้เป็นกล้องโจรกรรมสายลับอะไร และที่ต้องเปิดกล้องไว้คงกลัวถูกทำร้าย วันนี้ทั้งคู่ถูกจำคุกมาพอสมควรแล้ว นายกฯ จึงควรมอบหมายให้รมว.ต่างประเทศ ทำภาระกิจนี้เป็นอันดับแรก หรือจะแลกกับ 3 สายลับของเขมร ที่ถูกจับตอนเข้ามาหาความลับในไทย ก็น่าจะได้ นายกฯ ควรสั่งให้รมว.ต่างประเทศ โชว์เป็นผลงานชิ้นแรก ไม่ใช่ไปมัวเจรจากับทูตญี่ปุ่น ตามคำสั่งนายใหญ่ ที่อยู่ต่างประเทศ หรืออนุมัติพาสปอตเล่มแดงอีก เป็นข้อสงสัยว่า รมว.ต่างประเทศ จะทำหน้าที่ได้หรือไม่
ขณะที่น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี กล่าวว่า ได้รับคำร้องเรียนจากคนเมืองเพชรบุรี ในนามกลุ่มเพื่อนวีระ ยื่นหนังสือร้องเรียนถึงตน ผ่านไปยังรัฐบาลภายใต้การนำของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่าขณะนี้เป็นเวลา 7 เดือนกว่าแล้ว ที่ 2 คนไทยต้องติดคุกอยู่ต่างแดน ทั้งที่ทำคุณประโยชน์คอยดูแลผลประโยชน์ให้ประเทศ อยากทราบว่ารัฐบาลมีนโยบายอย่างไรกับ 2 คนไทยนี้ รมว.ต่างประเทศ ก็เป็นคนไทยด้วยกัน น่าจะเร่งดำเนินการคืน อิสระภาพเพื่อแสดงความจริงใจในการบริหารราชการแผ่นดิน โดยไม่เลือกปฏิบัติ ขอให้เห็นแก่ประโยชน์ชาติ
ด้านนายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวว่า ตามที่ รมว.พลังงาน ให้สัมภาษณ์ว่าจะเร่งฟื้นฟูความสัมพันธ์กับกัมพูชา เพื่อพัฒนาการค้า และการลงทุน ให้มีการเจรจาบริหารจัดการเรื่องแหล่งพลังงาน ที่อยู่ในเขตพื้นที่ทับซ้อนกลางอ่าวไทย ซึ่งอยากตั้งข้อสังเกตถึงนโยบายที่จะต้องแถลงต่อรัฐสภาในสัปดาห์หน้า ที่จะเจรจาพัฒนาแหล่งปิโตรเลียม ซึ่งตนเห็นด้วยที่จะเจรจาในรูปแบบรัฐต่อรัฐ ซึ่งบริเวณตรงนั้นมีก๊าซธรรมชาติคุณภาพดี ที่จะใช้ได้ถึง 30-40 ปี จึงอยากให้รัฐบาลชี้แจงให้ชัดเจน จะใช้หลักเกณฑ์ หรือกรอบอะไรในการเจรจา โดยรัฐบาลชุดที่แล้วมีมติครม.เมื่อวันที่ 10 พ.ย. 52 ให้ยกเลิกเอ็มโอยู 2544 ข้อ 2 (B) เกี่ยวกับพื้นที่ทับซ้อนทางทะเลกลางอ่าวไทย แม้จะยังไม่ยกเลิกโดยกระบวนการรัฐสภา ก็ต้องมีหลักการชัดเจนว่า รัฐบาลนี้จะเอาอย่างไร จะทำในลักษณะเดียวกับข้อตกลงเจดีเอ ที่ทำกับมาเลเซีย ที่กำหนดว่าการแบ่งประโยชน์ในลักษณะที่มิอาจแบ่งแยกได้ มีความแตกต่างกับของกัมพูชาอย่างไร
** เจรจาไทย-กัมพูชายึดผลประโยชน์ชาติ
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงปัญหาความสัมพันธ์ระหว่างไทย-กัมพูชา ที่ยังเป็นปัญหาอยู่ จะเดินหน้าคลี่คลายเรื่องนี้อย่างไร ว่า เราต้องมองเป็น 2 ส่วน ซึ่งในส่วนของกรณีข้อพิพาทเป็นประเด็นที่ต้องใช้การหารือ และวิธีทางการเจรจาทางการทูต โดยที่เราต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ประเทศชาติ และไม่ให้เสียอธิปไตยของประเทศชาติ
ส่วนเรื่องของการค้าขายก็ขอให้เกิดการค้าขายตามแนวชายแดนตามปกติ เมื่อถามว่า จะลบคำครหาอย่างไรที่มีการระบุว่า รัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ยกปราสาทพระวิหาร ให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนมรดกโลก นายกฯ กล่าวว่า ทุกอย่างเราจะทำเพื่อปกป้องประเทศ และไม่ให้สูญเสียประเทศชาติ เราจะทำตรงนี้อย่างเต็มที่ เพื่อประเทศไทยด้วย
เมื่อถามว่า จะสานต่อในสิ่งที่รัฐบาลชุดที่แล้วดำเนินการมาหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ตรงนี้เป็นประเด็นที่ค่อยข้างที่จะละเอียดอ่อน ต้องใช้เวลาหารือกับกระทรวงการต่างประเทศ และผู้ที่มีความรู้ เมื่อถามว่าจะอาศัยความสัมพันธ์ส่วนตัวของพ.ต.ท.ทักษิณ ช่วยเจรจาด้วยหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ใช้ลักษณะการเจรจาสัมพันธ์ทางการทูต คิดว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีมากกว่า
**“เตีย บัน”ทำหนังสือเชิญถกจีบีซี
พล.อ.ยุทธ ศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม กล่าวถึงการแก้ไขปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ตนได้ทราบข่าวจากกัมพูชาว่า ขณะนี้ พล.อ.เตีย บัน รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหมกัมพูชา ได้ทำหนังสือถึงตน เชิญประชุมคระกรรมการชายแดนทั่วไปไทย-กัมพูชา(จีบีซี) ซึ่งการประชุมดังกล่าว จะเป็นการกำหนดแนวทางให้กับรัฐบาลในการตกลงใจว่า จะดำเนินการอย่างไร และหาแนวทางออกที่ดีที่สุด เมื่อได้หนทางที่ดีที่สุดแล้ว ก็จะเสนอต่อรัฐบาล
" วันศุกร์ที่ 19 ส.ค.นี้ ตนและผู้บัญชาการทหารบก จะเดินทางลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมกองทัพภาคที่ 2 ในจ.ศรีสะเกษ โดย พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมจะชี้แจงในรายละเอียด เกี่ยวกับสถานการณ์ต่างๆ ที่ผ่านมา จากนั้นจะขอดูรายละเอียดจากเลขาคณะรัฐมนตรี เพื่อติดตามงานต่างๆ ที่รัฐบาลชุดเก่าได้ทำไว้ ว่า มีเรื่องใดบ้างที่จะฝากให้กับรัฐบาลชุดใหม่ เพื่อนำมาหารือในการวางแผนปฏิบัติงานต่อไป ซึ่งทางกองบัญชาการกองทัพไทย เป็นเลขานุการในการเตรียมการเรื่องนี้"