ศูนย์ข่าวนครราชสีมา-มทภ.2ชี้ถอนทหารตามมติศาลโลก ต้องรอรัฐบาลใหม่ไทยเจรจาตกลงกับรัฐบาลกัมพูชา ย้ำจุดยืนไทยต้องการให้เขมรถอนทหารและพลเรือนพ้นเขาพระวิหาร ส่วนจะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน ต้องรอรัฐบาลเข้ามาตัดสินใจ คาดใช้เวลาอย่างเร็วสุด 6 เดือน
พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานพิธีลงนามถวายพระพร เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ที่สนามหน้าสโมสรร่วมเริงไชย ค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 อ.เมือง จ.นครราชสีมา วานนี้ (26 ก.ค.) ว่า สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาด้านเขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ โดยภาพรวมยังเป็นปกติ ล่าสุดฝ่ายไทยได้เปิดให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นชมผามออีแดง อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีระดับหนึ่ง และจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมต่อไปอย่างไม่มีกำหนด ขณะเดียวกันทางฝ่ายกัมพูชามีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในฝั่งประเทศเขาเช่นกัน
ส่วนการถอนทหารออกจากเขตปลอดทหารบริเวณเขาพระวิหาร ตามมาตรการคุ้มครองชั่วคราวในคดีตีความคำพิพากษาคีดปราสาทพระวิหาร ปี 2505 ของศาลโลกนั้น อยู่ในขั้นการดำเนินการของรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศ ที่จะเจรจาตกลงกัน ซึ่งฝ่ายเราได้เสนอให้มีการถอนประชาชน พลเรือนชาวกัมพูชาออกไปพร้อมกับกำลังทหารด้วย ขณะที่ฝ่ายกัมพูชาต้องการนำผู้สังเกตการณ์จากอินโดนีเซียเข้ามาในพื้นที่ ซึ่งคงต้องหารือกันในระดับต่างๆ ที่รัฐบาลจะกำหนดขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในระดับพื้นที่ ทหารทั้ง 2 ประเทศยังคงปฏิบัติภารกิจตามปกติ มีการลาดตระเวนร่วมกัน เพื่อตรวจตราไม่ให้แต่ละฝ่ายล้ำเขตแดนเข้ามา และผู้บังคับหน่วยก็พูดคุยสานสัมพันธ์กันอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ฝ่ายไทย ยังไม่มีการถอนหรือเพิ่มเติมกำลังทหารเข้าในพื้นที่แต่อย่างใด ซึ่งการปรับทหารนั้นจะค่อยๆ ปรับไม่ได้ หากจะปรับต้องปรับทีเดียว ครั้งเดียว และต้องกำหนดวันเวลาให้แน่ชัด การดำเนินการต่างๆ คงต้องรอรัฐบาลใหม่ของไทยที่จะเข้ามาจัดการ
"ตอนนี้ กองทัพบกและกองทัพภาคที่ 2 คงต้องรอให้การจัดตั้งรัฐบาลใหม่แล้วเสร็จ และมีนโยบายออกมา เราก็พร้อมปฏิบัติตามนั้น คงไม่ไปทำอะไรก่อนเดี๋ยวจะผิดนโยบาย เช่นเดียวกันกับฝ่ายกัมพูชาเขาก็รอที่จะเจรจากับรัฐบาลใหม่ของเรา ส่วนการถอนทหารนั้น ส่วนตัวมองว่าต้องใช้เวลาค่อนข้างนานพอสมควร เพราะกว่าจะตั้งรัฐบาลใหม่ได้ และเจรจาพูดคุยกันระดับรัฐบาลอีก อย่างเร็วที่สุดคิดว่าน่าจะประมาณ 6 เดือน”
พล.ท.ธวัชชัยกล่าวว่า สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา มีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประชาชนในพื้นที่ตามแนวชายแดนไม่มีความวิตกกังวลแต่อย่างใด ซึ่งตนได้มอบหมายให้ทหารในพื้นที่เข้าไปช่วยเหลือประชาชน และคอยดูแลความปลอดภัยให้ประชาชนที่ยังไม่มั่นใจในสถานการณ์ วันนี้ทหารไปช่วยทำนา ทำไร่ เข้าไปใช้ชีวิตร่วมกับชาวบ้านเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับชาวบ้าน ทำให้ความรู้สึกของชาวบ้านดีขึ้น และหากสามารถกรีดยางได้ก็ให้ช่วย แต่ถ้ากรีดไม่เป็นก็ได้สั่งการให้ช่วยแบก หรือทำอะไรที่สามารถช่วยเหลือชาวบ้านได้ก็ให้ทำไปก่อน
สำหรับการเยียวยากำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุปะทะกับฝ่ายกัมพูชาที่ผ่านมานั้น ขณะนี้ได้ดำเนินการช่วยเหลือไปทั้งหมดแล้ว แต่กรณีที่จะส่งเสียบุตรหลานให้เรียนจบปริญญาตรีก็ต้องรอก่อน เพราะต้องใช้เวลากว่าจะเรียนจบ ทหารเรายืนยันว่าจะดูแลครอบครัวของกำลังพลเป็นอย่างดีที่สุด
ส่วนการเก็บกู้หัวกระสุน วัตถุระเบิดที่ตกตามแนวชายแดนไทย ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่ทราบว่ามันตกลงตรงไหนบ้าง ส่วนหนึ่งใช้เครื่องมือในการสแกนหาทุนระเบิด และประชาชนแจ้งเข้ามา ซึ่งล่าสุดสัปดาห์ที่แล้วได้ทำลายไปประมาณ 400-500 ลูก
พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานพิธีลงนามถวายพระพร เนื่องในวันคล้ายวันพระราชสมภพ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ที่สนามหน้าสโมสรร่วมเริงไชย ค่ายสุรนารี กองทัพภาคที่ 2 อ.เมือง จ.นครราชสีมา วานนี้ (26 ก.ค.) ว่า สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาด้านเขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ โดยภาพรวมยังเป็นปกติ ล่าสุดฝ่ายไทยได้เปิดให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นชมผามออีแดง อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีระดับหนึ่ง และจะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมต่อไปอย่างไม่มีกำหนด ขณะเดียวกันทางฝ่ายกัมพูชามีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในฝั่งประเทศเขาเช่นกัน
ส่วนการถอนทหารออกจากเขตปลอดทหารบริเวณเขาพระวิหาร ตามมาตรการคุ้มครองชั่วคราวในคดีตีความคำพิพากษาคีดปราสาทพระวิหาร ปี 2505 ของศาลโลกนั้น อยู่ในขั้นการดำเนินการของรัฐบาลทั้ง 2 ประเทศ ที่จะเจรจาตกลงกัน ซึ่งฝ่ายเราได้เสนอให้มีการถอนประชาชน พลเรือนชาวกัมพูชาออกไปพร้อมกับกำลังทหารด้วย ขณะที่ฝ่ายกัมพูชาต้องการนำผู้สังเกตการณ์จากอินโดนีเซียเข้ามาในพื้นที่ ซึ่งคงต้องหารือกันในระดับต่างๆ ที่รัฐบาลจะกำหนดขึ้น
อย่างไรก็ตาม ในระดับพื้นที่ ทหารทั้ง 2 ประเทศยังคงปฏิบัติภารกิจตามปกติ มีการลาดตระเวนร่วมกัน เพื่อตรวจตราไม่ให้แต่ละฝ่ายล้ำเขตแดนเข้ามา และผู้บังคับหน่วยก็พูดคุยสานสัมพันธ์กันอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ฝ่ายไทย ยังไม่มีการถอนหรือเพิ่มเติมกำลังทหารเข้าในพื้นที่แต่อย่างใด ซึ่งการปรับทหารนั้นจะค่อยๆ ปรับไม่ได้ หากจะปรับต้องปรับทีเดียว ครั้งเดียว และต้องกำหนดวันเวลาให้แน่ชัด การดำเนินการต่างๆ คงต้องรอรัฐบาลใหม่ของไทยที่จะเข้ามาจัดการ
"ตอนนี้ กองทัพบกและกองทัพภาคที่ 2 คงต้องรอให้การจัดตั้งรัฐบาลใหม่แล้วเสร็จ และมีนโยบายออกมา เราก็พร้อมปฏิบัติตามนั้น คงไม่ไปทำอะไรก่อนเดี๋ยวจะผิดนโยบาย เช่นเดียวกันกับฝ่ายกัมพูชาเขาก็รอที่จะเจรจากับรัฐบาลใหม่ของเรา ส่วนการถอนทหารนั้น ส่วนตัวมองว่าต้องใช้เวลาค่อนข้างนานพอสมควร เพราะกว่าจะตั้งรัฐบาลใหม่ได้ และเจรจาพูดคุยกันระดับรัฐบาลอีก อย่างเร็วที่สุดคิดว่าน่าจะประมาณ 6 เดือน”
พล.ท.ธวัชชัยกล่าวว่า สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา มีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประชาชนในพื้นที่ตามแนวชายแดนไม่มีความวิตกกังวลแต่อย่างใด ซึ่งตนได้มอบหมายให้ทหารในพื้นที่เข้าไปช่วยเหลือประชาชน และคอยดูแลความปลอดภัยให้ประชาชนที่ยังไม่มั่นใจในสถานการณ์ วันนี้ทหารไปช่วยทำนา ทำไร่ เข้าไปใช้ชีวิตร่วมกับชาวบ้านเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับชาวบ้าน ทำให้ความรู้สึกของชาวบ้านดีขึ้น และหากสามารถกรีดยางได้ก็ให้ช่วย แต่ถ้ากรีดไม่เป็นก็ได้สั่งการให้ช่วยแบก หรือทำอะไรที่สามารถช่วยเหลือชาวบ้านได้ก็ให้ทำไปก่อน
สำหรับการเยียวยากำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตจากเหตุปะทะกับฝ่ายกัมพูชาที่ผ่านมานั้น ขณะนี้ได้ดำเนินการช่วยเหลือไปทั้งหมดแล้ว แต่กรณีที่จะส่งเสียบุตรหลานให้เรียนจบปริญญาตรีก็ต้องรอก่อน เพราะต้องใช้เวลากว่าจะเรียนจบ ทหารเรายืนยันว่าจะดูแลครอบครัวของกำลังพลเป็นอย่างดีที่สุด
ส่วนการเก็บกู้หัวกระสุน วัตถุระเบิดที่ตกตามแนวชายแดนไทย ยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เพราะไม่ทราบว่ามันตกลงตรงไหนบ้าง ส่วนหนึ่งใช้เครื่องมือในการสแกนหาทุนระเบิด และประชาชนแจ้งเข้ามา ซึ่งล่าสุดสัปดาห์ที่แล้วได้ทำลายไปประมาณ 400-500 ลูก