ศรีสะเกษ - จ.ศรีสะเกษ เตรียมซ้อมอพยพ ปชช.ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมรับมือเหตุปะทะหลังศาลโลกสั่งคุ้มครองชั่วคราว “เขาพระวิหาร” ผู้ว่าฯ ยันเหตุการณ์ทุกอย่างปกติ ขณะประธานชมรมพ่อค้า “ช่องสะงำ” ไม่สนไทยจะเสียดินแดน ระบุ ดีใจถือเป็นนิมิตหมายดีที่ศาลโลกสั่งถอนทหารพ้นเขาพระวิหาร อ้างจะได้พัฒนาพื้นที่ใช้ประโยชน์ร่วมกัน และค้าขายด้วยความสบายใจทั้ง 2 ประเทศ เผยรองผู้ว่าฯ เขมร พอใจมติศาลโลกสุดๆ โทร.แสดงความดีใจชื่นมื่น
วันนี้ (19 ก.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่บ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ บรรยากาศภายหลังศาลโลกมีคำวินิจฉัยออกมาตรการคุ้มครองชั่วคราว ในคดีปราสาทพระวิหาร โดยเฉพาะการให้ทหารไทยและทหารกัมพูชาถอนกำลังทหารออกจากบริเวณเขาพระวิหารนั้น ชาวบ้านยังคงออกไปทำไร่ทำนา ทำมาค้าขายหากินเลี้ยงชีพและครอบครัวกันตามปกติ และพากันจับกลุ่มพูดคุยเกี่ยวกับคำสั่งของศาลโลกซึ่งชาวบ้านภูมิซรอลทุกคนมีสีหน้ายิ้มแย้มไม่เคร่งเครียดเหมือนช่วงก่อนหน้านี้ เพราะชาวบ้านเห็นว่าอย่างน้อยถือว่าเป็นการถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ทั้ง 2 ฝ่าย
นายวีระยุทธ ดวงแก้ว กำนันตำบลเสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ กล่าวว่า ในวันพรุ่งนี้ (20 ก.ค.) ทางจังหวัดศรีสะเกษ มีกำหนดร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้องทำการซักซ้อมแผนการอพยพประชาชนออกจากบ้านภูมิซรอล และทุกหมู่บ้านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมรับมือเหตุการณ์ปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา ตามแนวชายแดนไทยบริเวณเขาพระวิหารที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
ด้าน นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ กล่าวภายหลังจากเดินทางลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมประชาชน และ ครู นักเรียน ที่โรงเรียนบ้านภูมิซรอล ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ว่า จากการที่ได้ประสานงานกับ พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.2) และ พล.ต.ชวลิต ชุนประสาน ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี (ผบ.กกล.สุรนารี) แล้ว ได้รับคำยืนยันว่า ขณะนี้สถานการณ์ชายแดนบริเวณเขาพระวิหารเหตุการณ์ยังคงปกติและเชื่อมั่นว่าจะไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ซึ่งตนได้สั่งการให้ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องเข้าไปดูแลความปลอดภัยและช่วยเหลือประชาชน ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหารอย่างเต็มที่
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า วันเดียวกันนี้ ที่จุดผ่านแดนถาวรไทย-กัมพูชา ช่องสะงำ ต.ไพรพัฒนา อ.ภุสิงห์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่ง เป็นวันที่เปิดให้มีตลาดนัดชายแดนไทย-กัมพูชา ปรากฏว่า มีชาวกัมพูชาพากันแห่เข้ามาหาซื้อสินค้าที่ตลาดไทยกันอย่างคึกคัก และซื้อสินค้าขนกลับเข้าไปในเขตกัมพูชาจำนวนมาก ซึ่งชาวกัมพูชาที่เข้ามาหาซื้อสินค้าไม่ได้มีสีหน้าหวั่นเกรงว่าจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้นในเขตแดนไทยแต่อย่างใด โดยชาวกัมพูชาที่ช่องสะงำส่วนมากเห็นด้วยกับคำพิพากษาของศาลโลกที่ให้กัมพูชาและไทยถอนกำลังทหารออกจากเขาพระวิหาร เพราะทำให้ทั้ง 2 ฝ่ายไม่เสียเปรียบกัน
นายหัตถชัย เพ็งแจ่ม ประธานชมรมผู้ประกอบการค้าการท่องเที่ยวช่องสะงำ กล่าวว่า ภายหลังจากที่ศาลโลกมีมติให้ทั้ง 2 ประเทศถอนทหารออกจากบริเวณเขาพระวิหาร ตนได้รับโทรศัพท์จาก นายเปา วิสิด รองผู้ว่าราชการจังหวัดเสียมราฐ กัมพูชา กล่าวแสดงความดีใจที่ศาลโลกมีผลการตัดสินออกมาเช่นนี้ ตนเองก็มีความรู้สึกดีใจที่พื้นที่กรณีพิพาทนั้นจะได้รับการพัฒนาและใช้ประโยชน์ร่วมกัน ซึ่งทางกัมพูชาเองดีใจด้วยเหตุผลว่า จะได้ค้าขายด้วยความสบายใจไม่เกิดความกังขาซึ่งกันและกันเหมือนเหตุการณ์ที่ผ่านมา
นายหัตถชัย กล่าวต่อว่า ส่วนเรื่องจะก่อให้เกิดการสูญเสียดินแดนของประเทศไทย นั้น ตนเห็นว่า พื้นที่ 4.6 ตารางกิโลเมตร (ตร.กม.) รอบปราสาทพระวิหาร นั้น ในอดีตที่ผ่านมายุคเขมรแดงเรืองอำนาจนั้น ทหารไทยใช้พื้นที่ดังกล่าวอยู่ฝ่ายเดียวด้วยซ้ำ ตั้งแต่ยอดเขาพระวิหารลงมาถึงตีนเขา แล้วก็มีวิวัฒนาการมาเรื่อยๆ จนเกิดความบกพร่องของทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย ซึ่งแทนที่จะมีการดูแลพื้นที่ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง แต่กลับเปิดโอกาสให้ทางกัมพูชามามีส่วนเกี่ยวข้อง ส่งผลให้เกิดปัญหาอย่างที่เป็นอยู่ คือ ให้ฝ่ายกัมพูชาเข้ามาอยู่ในพื้นที่เขาพระวิหารจำนวนมากขึ้น สุดท้ายไม่สามารถห้ามปรามได้ ทางฝ่ายไทยจึงต้องขยับออกมาจากพื้นที่ พอมีการเรียกร้องกระตุ้นเตือนจากประชาชนบางส่วนที่ประกาศทวงคืนเขาพระวิหารจึงเกิดมีปัญหากันขึ้นมา
“ขณะนี้ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดีแล้ว ที่ศาลโลกมีมติออกมาในรูปแบบนี้ ที่ให้ทั้ง 2 ฝ่ายถอยออกมาเพื่อเป็นเขตปลอดทหาร ต่อไปก็จะเป็นทางเจ้าหน้าที่ของฝ่ายพลเรือนที่มาพูดคุยในการบริหารการจัดการว่าควรจัดการกันอย่างไร และในโอกาสต่อไปสัมพันธไมตรีที่ดีงามระหว่างไทย-กัมพูชาก็จะดีมากขึ้นและไปมาหาสู่กันเป็นปกติเช่นเดิมต่อไป”นายหัตถชัย กล่าว
