xs
xsm
sm
md
lg

"วิเชียร"ดูพื้นที่พิพาท บัวแก้วหนุนส่งตชด.คุม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน-“ผบ.ทอ.”ย้ำจะลาดตระเวนทางอากาศชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อป้องกันอธิปไตยต่อไป "ประยุทธ์"โยนกลาโหม-บัวแก้ว เจรจาเรื่องถอนทหาร "มาร์ค"ยันต้องคุยก่อนส่งผู้สังเกตการณ์เข้าพื้นที่ "วิเชียร"ขึ้นผามออีแดงสำรวจพื้นที่ ระบุยังไม่ถึงขั้นต้องส่ง ตชด. ไปประจำการ ด้านบัวแก้วหนุนทำได้ เพราะไม่ใช่ทหาร

พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ให้สัมภาษณ์กรณีศาลโลกมีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราวให้ไทยและกัมพูชาถอนทหารออก จากพื้นที่บริเวณโดยรอบปราสาทพระวิหาร ที่พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศ วานนี้ (21 ก.ค.) ว่า ขณะนี้กองทัพอากาศยังบินลาดตระเวนป้องกันทางอากาศตามปกติอย่างต่อเนื่อง แม้ว่ากองทัพบกจะต้องถอนทหารออกจากพื้นที่ดังกล่าวก็ตาม กองทัพอากาศก็ต้องปฏิบัติภารกิจในขอบเขตของกองทัพอากาศต่อไป ส่วนพื้นที่ที่ศาลโลกกำหนดห้ามมีกำลังทหารเข้าไปก็ไม่มีปัญหาต่อการลาดตระเวน เพราะต้องยึดเส้นเขตแดน โดยจะต้องไม่ละเมิดอธิปไตยของเพื่อนบ้าน การขึ้นทำการบินต้องวางแผนตามขอบเขตที่ต้องปฏิบัติ

ผู้บัญชาการทหารอากาศ ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเรื่องการกำหนดพื้นที่ห้ามทหารเข้าของศาลโลก โดยเห็นว่า เป็นเรื่องทางกฎหมาย เพราะไม่มีความรู้ แต่คิดว่าทั้งรัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศได้พยายามอย่างเต็มความสามารถในการรักษาผลประโยชน์ของประเทศ เพราะเรื่องชายแดนเป็นเรื่องที่ยอมกันไม่ได้ เราต้องรักษาอธิปไตยของเรา

**โยนกห.-บัวแก้วเจรจาถอนทหาร

พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ. กล่าวว่า อย่าให้พูดกันมากไปกว่านี้ ในเมื่ออีกฝ่ายดำเนินการโดยใช้กระบวนการยุติธรรมของศาลโลก ก็ต้องสู้กันที่ศาลโลก ไม่ว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับเราว่าจะทำอย่างไร และฝ่ายเขาจะทำอย่างไร ซึ่งคงต้องหาช่องทางที่จะพูดคุยกันให้ได้ว่าจากมติดังกล่าวนั้น เราจะทำอย่างไร ไม่ใช่ว่าใครได้เปรียบเสียเปรียบ ใครชนะหรือแพ้ ตราบใดที่มีการขึ้นศาลก็ต้องมีคนชนะและคนแพ้ แต่มติดังกล่าวเป็นแค่มาตรการคุ้มครองชั่วคราว เพื่อไม่ให้เกิดการปะทะกันของทหารทั้ง 2 ฝ่าย จะมีได้เปรียบเสียเปรียบอยู่บ้าง ก็ต้องมาพูดคุยกันว่าจะต้องทำอย่างไร เพราะขณะนี้ยังไม่มีการถอนกำลัง ตนก็ยังไม่ได้สั่งการอะไรไป เพราะทางกระทรวงกลาโหมและกองทัพไทยยังไม่ได้สั่งการอะไรลงมาว่าจะให้ปฏิบัติอย่างไร เพียงแต่ให้กระทรวงกลาโหมกับกระทรวงการต่างประเทศ หารือกันว่าจะทำอย่างไรกับมติดังกล่าว และมีการพูดคุยกับฝั่งกัมพูชา เขาจะพูดหรือไม่พูดก็แล้วแต่

**ลั่นถ้ากัมพูชาไม่เจรจาก็อยู่ร่วมกันยาก

พล.อ.ประยุทธ์กล่าวยืนยันว่า จะพูดกับเขา ถึงเขาจะตอบว่าไม่พูด เราก็จะพูด ก็ยืนยันอย่างนี้ เพราะทำอย่างอื่นไม่ได้ ถ้ามีอีกวิธีหนึ่งก็คือรบกันและความขัดแย้งก็จะมากขึ้นเรื่อยๆ และเราจะอยู่ร่วมกันไม่ได้ในอนาคต รวมทั้งคนทั้ง 2 ประเทศก็อยู่ร่วมกันไม่ได้ และขอให้ทุกคนพูดให้น้อยลงในเรื่องนี้ และเคารพต่อผู้ที่ไปปฏิบัติงาน เขาไปทำงานเขาก็เครียดเหน็ดเหนื่อยพอสมควร แต่ผลออกมาอย่างนี้ก็ไม่มีใครอยากให้ออกมาอยู่แล้ว ก็ต้องให้กำลังใจกัน คนไทยส่วนใหญ่ให้กำลังใจกันดีอยู่แล้ว แต่มีส่วนน้อยที่ไม่พยายามเข้าใจอะไรเลยและทำให้ทุกอย่างแย่ลง การพูดจาการกล่าวให้ร้ายหรือการเขียนบางครั้งฟังและอ่านแล้วก็ไม่สบายใจ คนทำงานก็ท้อแท้หมดกำลังใจเหมือนกัน แต่ตนขอเรียนว่ากองทัพไม่เคยท้อแท้ และเราพยายามทำอย่างเต็มที่ไม่ได้ทำเพื่อตัวเองแต่ทำเพื่อชาติศาสนาพระมหากษัตริย์และประชาชน

**ต้องคุยก่อนส่งผู้สังเกตการณ์เข้าพื้นที่

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงเส้นตายที่ศาลโลกให้ไทยส่งข้อสังเกตเกี่ยวกับคดีปราสาทพระวิหารไปให้ภายในวันที่ 22 ก.ค.ว่า เป็นการขอให้ไทยส่งข้อสังเกตที่เกี่ยวกับการพิจารณาคดีที่สำคัญ คือ กรอบเวลาในการส่งคำชี้แจงในคดีหลักที่ยังไม่ได้เริ่มต้นในการให้ส่งคำชี้แจงต่างๆ ยืนยันว่าข้อสังเกตที่จะส่งไปยังไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาของคดีหลัก เป็นเพียงการตกลงเรื่องกรอบเวลาในการส่งเอกสารไปชี้แจง ซึ่งเท่าที่สอบถามจากกระทรวงการต่างประเทศ ได้รับการยืนยันว่าน่าจะใช้เวลาราว 3-4 เดือน เพื่อให้สามารถตัดสินคดีได้ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงองค์คณะ 5 ใน 15 คนภายในเดือนก.พ.2555

เมื่อถามถึงการถอนทหารว่าทางกัมพูชาได้ติดต่อมาหรือยังว่าจะเจรจากับไทยเมื่อใด นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังไม่มี มีแต่การพูดเรื่องการเอาผู้สังเกตการณ์จากอินโดนีเซียเข้ามา ซึ่งท่าทีเราก็ยังเหมือนเดิม คือ ถ้าจะให้ผู้สังเกตการณ์เข้ามา จะต้องให้ออกไปจากพื้นที่ก่อน ซึ่งมุมมองยังไม่ตรงกัน ทั้ง 2 ฝ่ายจึงต้องพูดคุยกันก่อน เมื่อถามว่าจุดยืนฝ่ายไทยต่อการส่งผู้สังเกตการณ์คืออะไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ควรจะต้องคุยขั้นตอนต่างๆ ให้เรียบร้อยก่อน ไม่ควรจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด เมื่อถามว่าฝ่ายกัมพูชาจะอ้างคำสั่งของศาลโลกเพื่อดึงผู้สังเกตการณ์เข้ามาทันทีได้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ถ้ากัมพูชาจะอ้างคำสั่ง ก็ต้องถอนทหารทันทีก่อน เพราะกัมพูชาเป็นฝ่ายไปขอศาล ศาลก็บอกให้กัมพูชาถอนทหารทันที

** ผบ.ตร.ขึ้นผามออีแดงสำรวจพื้นที่

วันเดียวกันนี้ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ พร้อมด้วย พล.ต.ท.เดชาวัต รามสมภพ ผู้บัญชาการตำรวจ ภาค 3 และ พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 กองกำลังสุรนารี เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ลงจอดที่สนามหน้า กองร้อยตำรวจตระเวนชายแดนที่ 224 (ตชด.224) อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เพื่อมาติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านเขาพระวิหาร หลังจากศาลโลกมีคำสั่งให้ทหารทั้งสองฝ่ายถอนกำลังออกจากพื้นที่โดยกำหนดเส้นแบ่งเขตปลอดทหารไว้ 4 จุด เพื่อลดการเผชิญหน้าเสี่ยงเกิดการปะทะขึ้นอีกรอบ

พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ผบ.ตร. เปิดเผยเพียงสั้นๆ ว่า วันนี้เดินทางมาดูพื้นที่เพื่อหาแนวทางเกี่ยวกับการดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องตามแนวชายแดน ไม่มีอะไรมาก ขอขึ้นไปดูพื้นที่ก่อน

**ยังไม่ถึงขั้นให้ ตชด.ประจำการ

ผู้สื่อข่าวถามว่า ภารกิจวันนี้เป็นเรื่องการมาศึกษาความเป็นไปได้เรื่องแนวคิดที่ว่าเมื่อศาลโลกมีคำสั่งให้ถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่ เราอาจจะใช้กำลังของ ตชด. เข้าไปประจำการแทนได้หรือไม่ พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวว่า ยังไม่ถึงขนาดนั้น เรื่องนี้ต้องรอคำสั่งจากนายกรัฐมนตรีก่อน ตอนนี้ขอมาดูพื้นที่ก่อน

พล.ท.ธวัชชัย สมุทรสาคร แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงสถานการณ์ทั่วไปบนชายแดนเขาพระวิหารว่า ขณะนี้เหตุการณ์ทั่วไปยังปกติ ไม่มีความตึงเครียดแต่อย่างใด ส่วนเรื่องถอนกำลังทหารขณะนี้ยังไม่มีการถอนกำลัง ต้องรอให้จัดตั้งรัฐบาลเสร็จและให้รัฐบาลทั้งสองประเทศเจรจากันในรายละเอียดก่อนถึงจะดำเนินการได้

จากนั้นคณะได้เดินทางด้วยรถตู้ขึ้นไปบน ผามออีแดง อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนติดตามขึ้นไปด้วย

**หนุนส่งตชด.ไปอยู่แทนทหาร

นายเจษฎา กตเวทิน รองอธิบดีกรมสารนิเทศ กระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องของไทยจะต้องหารือกันให้เรียบร้อยก่อนที่ดำเนินการในขั้นตอนต่อไป ไม่ว่าจะเป็นด้านการต่างประเทศและกลาโหม โดยมองว่า ฝ่ายกัมพูชาไม่จำเป็นต้องรอคุยกับรัฐบาลใหม่ ส่วนการส่งตำรวจตระเวนชายแดน (ตชด.) ไปประจำการแทนนั้นก็มีความเป็นไปได้ เพราะคำสั่งศาลระบุแค่ทหารเท่านั้น แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับการเจรจาของทั้ง 2 ฝ่าย รวมถึงการพิจารณาของศาลโลกด้วย เพราะการกระทำใดๆ ของทั้ง 2 ฝ่าย ต้องรายงานให้ศาลโลกทราบ

**กษิตชี้ถอนทหารต้องทำเท่าเทียมกัน

นายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า การถอนทหารออกจากพื้นที่สี่เหลี่ยมคางหมูนั้น จะต้องทำอย่างเท่าเทียมกัน เรียกร้องให้กัมพูชากลับสู่โต๊ะการเจรจา โดยพื้นที่ดังกล่าวหมายถึงบนดิน น้ำ และอากาศ ซึ่งการถอนทหารทั้งสองฝ่ายต้องทำอย่างเท่าเทียมกัน ส่วนเรื่องผู้สังเกตการณ์ชาวอินโดนีเซียที่เดิมไทยตั้งเงื่อนไขไว้ว่า กัมพูชาต้องถอนทหารออกจากบริเวณปราสาทพระวิหารก่อน แต่เมื่อศาลโลกมีคำสั่งแล้วถือว่าเงื่อนไขดังกล่าวตกไปโดยปริยาย คณะผู้สังเกตการณ์สามารถเข้ามาได้ ส่วนการหารือกับกัมพูชาที่เดิมเห็นว่า ควรใช้กรอบของคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ จีบีซี แต่จากคำสั่งของศาลโลกนี้พบว่า เกินขอบเขตอำนาจของจีบีซีที่จะดำเนินการได้ ดังนั้นในวันจันทร์ที่ 25 ก.ค.นี้ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานความมั่นคงจะประชุมร่วมกัน และจะบันทึกเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศคนใหม่ เพื่อนำไปสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี และแต่งตั้งคณะทำงานชุดนี้ต่อไป

**ชาวกันทรลักษ์ซ้อมอพยพหนีภัยสู้รบ

วันเดียวกันช่วงเวลา 11.00 น.ที่บ้านโนนสว่างพัฒนา ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ นายสมศักดิ์ สุวรรณสุจริต ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ได้สั่งการให้สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดศรีสะเกษ และทุกหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องของจังหวัดศรีสะเกษ ได้ร่วมกับหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 ทำการซ้อมแผนการอพยพชาวบ้านตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาด้านเขาพระวิหาร จ.ศรีสะเกษ

โดยได้จำลองเหตุการณ์ว่า ได้เกิดเหตุการณ์สู้รบระหว่างทหารไทย-กัมพูชา ขึ้นตามแนวชายแดนเขาพระวิหาร และมีกระสุนปืนใหญ่ฝ่ายกัมพูชายิงเข้ามาตกในบริเวณหมู่บ้านแนวชายแดน ที่บ้านโนนสว่างพัฒนา ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ โดยประชาชนทั้งเด็กผู้ใหญ่ คนชรา ต่างพากันวิ่งเข้าหลุมหลบภัย ภายในหมู่บ้านเพื่อความปลอดภัยในเบื้องต้น
กำลังโหลดความคิดเห็น