xs
xsm
sm
md
lg

"ยิ่งลักษณ์"เหยียบสันกำแพง น้ำตาซึม-สั่งผู้ว่าฯเกาะติดน้ำท่วม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - "ยิ่งลักษณ์" กลับสันกำแพง กราบอัฐิบรรพบุรุษน้ำตาซึม สั่งผู้ว่าติดตามปัญหาน้ำท่วมใกล้ชิดเล็งหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประเมินความเสียหายจ่ายค่าชดเชย ลุยตรวจน้ำท่วมอุบล-พิจิตร ย้ำพร้อมบูรณาการทุกหน่วยงานร่วมฟื้นฟูหลังน้ำลดพร้อมทำแผนแก้ปัญหาระยะยาว

เช้าวานนี้ (14 ส.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ พี่สาว นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.การต่างประเทศ นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ ส.ส.เชียงใหม่ และน.ส.ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ ส.ส.เชียงใหม่ เดินทางไปอำเภอสันกำแพง จังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นบ้านเกิด น.ส.ยิ่งลักษณ์ และเป็นการเดินทางไปเป็นครั้งแรกหลังจากเป็นนายกรัฐมนตรี

ทั้งนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ลงมือทำขนมจีนน้ำเงี้ยวด้วยตนเอง และได้รับประทานอาหารเช้าร่วมกับคณะ โดยเมนูอาหารประกอบด้วย ขนมจีนน้ำเงี้ยว ข้าวเหนียวหมูทอด ไส้อั่ว น้ำพริงหนุ่ม ผัดหมี่ และแคปหมู เมื่อรับประทานเสร็จ น.ส.ยิ่งลักษณ์ก็ได้เดินตลาดสันกำแพงทักทายพี่น้องประชาชนที่มาให้การต้อนรับและถ่ายภาพร่วมกับประชาชน

จากนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เดินทางมายังวัดโรงธรรมสามัคคี อ.สันกำแพง ซึ่งถือเป็นวัดประจำตระกูลชินวัตร เมื่อเดินทางมาถึงก็เข้าไปกราบสักการะสังขารพระราชพุทธิมงคล หรือหลวงปู่ทองบัว และถวายผ้าไตรจีวร แก่พระสงฆ์ 3 รูป และไปไหว้อัฐิบรรพบุรุษตระกูลชินวัตรภายในวัด ซึ่งขณะที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้ไหว้อัฐิของคุณพ่อเลิศ ชินวัตร คุณแม่ยินดี ชินวัตร และอัฐิ น.ส.เยาวลักษณ์ ชินวัตร พี่สาว น้ำตาก็คลอและไหลลงมา ทั้งนี้เมื่อไหวอัฐิบรรพบุรษเสร็ต ก็ได้เดินทางต่อมายังตลาดวโรส ซึ่งเป็นตลาดที่ขึ้นชื่อใน อ.เมือง เชียงใหม่ โดยได้เดินลงทักทายประชาชนที่มารอให้การต้อนรับ พร้อมกับซื้อหมูทอด ไส้อั่ว น้ำพริกหนุ่ม ที่ร้านดำรง รวมทั้งยังซื้อขนมเข่ง ขนมเทียน และขนมต้ม

จากนั้น เดินทางไปยังกองบิน 41 เพื่อเดินทางต่อไปยัง จ.อุบลราชธานี ตรวจสถานการณ์น้ำท่วมภายหลังน้ำลด ที่อ.โขงเจียม ในเวลา 11.00 น. จากนั้น เวลา 15.00 น. ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไปยัง จ.พิษณุโลก เพื่อตรวจน้ำท่วม จากนั้น นั่งรถยนต์ต่อไปยัง จ.พิจิตร เพื่อตรวจปัญหาน้ำท่วม

**สั่งผู้ว่าเกาะติดน้ำท่วม

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การลงพื้นที่เพื่อดูปัญหาอุทกภัยน้ำท่วมครั้งนี้ตั้งใจทำอย่างเต็มที่และดีที่สุดเพื่อพี่น้องประชาชน ส่วนหลังจากเสร็จภาระกิจการลงพื้นที่ที่ จ.พิจิตรแล้วยังไม่ได้วางแผนจะลงพื้นที่ไหนต่อ แต่จะติดตามความคืบหน้าการแก้ปัญหาน้ำท่วมและประเมินว่าพื้นที่ไหนต้องเข้าไปดูแลต่อ

นอกจากนี้ ในครม.ได้สั่งการให้รัฐมนตรีแต่ละกระทรวงลงพื้นที่ดูไปดูแลช่วยเหลือประชาชนแล้ว หลังจากนี้คงมีการทำรายงานเข้ามา โดยเฉพาะผู้ว่าราชการแต่ละจังหวัดได้ขอทำรายงานเพื่อติดตามการแก้ปัญหาอย่างใกล้ชิด

ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า ส่วนการให้ความช่วยเหลือที่มองว่ายังล่าช้าและไม่ทั่วถึง นายกฯ กล่าวว่า อยู่ที่กลไกการทำงาน วันนี้ได้วางกลไกติดตามและบูรณาการศูนย์ช่วยเหลือโดยมีศูนย์ฮอตไลน์ 1111 ของสำนักนายกฯ เพื่อให้ประชาชนที่ประสบภัยและต้องการความช่วยเหลือแต่ยังไม่ได้รับการติดต่อจากเจ้าหน้าที่สามารถโทรมาได้ รวมทั้งได้ได้คุยกับหน่วยงานบรรเทาสาธารณภัยในการป้องกันในพื้นที่ที่คาดว่าจะเกิดอุทกภัยซ้ำอีก

ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ส่วนที่จ.แม่ฮ่องสอนที่เส้นทางถูกตัดขาด นายกรัฐมนตรี บอกว่า รัฐมนตรีว่ากระกระทรวงคมนาคมรับปากจะลงไปกำกับดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้เส้นทางคมนาคมกลับสู่ภาพปกติเร็วที่สุด

ผู้สื่อข่าวถามว่าในการประชุม ครม.อังคารนี้ จะหารือเรื่องการแก้ปัญหาอุทกภัยหรือไม่ นายก กล่าวว่า จะแจ้งให้ทราบอีกครั้งแต่วันนี้แต่ละหน่วยงานทำเต็มที่แล้ว และกำลังตั้งคณะทำงานติดตามเพิ่มขึ้น ซึ่งมีคณะทำงานติดตามปัญหาด้านสาธารณะภัยอยู่แล้วแต่ตนเองจะเข้าไปกำกับให้รวดเร็วขึ้นเพื่อช่วยเหลือในส่วนที่จะต้องตัดสินใจเร่งด่วน

ส่วนการแก้ไขปัญหาอุทกภัย ต้องทำทั้งสองส่วน คือ การวางแผนป้องกันและเตือนภัยให้พี่น้องประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยเตรียมความพร้อม โดยการวางมาตรการป้อนกัน ส่วนการแก้ปัญหาต่อไปคงต้องวางแผนระยะยาวเพื่อหามาตรการป้องกันน้ำท่วม เช่น วางแผนปลูกป่า และวางระบบเขื่อนป้องกันน้ำท่วม

นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า สำหรับ การอนุมัติงบใหญ่คงต้องหารือกับเจ้าหน้าที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง แต่เบื้องต้นในส่วนของจังหวัดก็มีงบช่วยเหลือที่สามารถอนุมัติได้ทันที รวมทั้งงบประมาณของแต่ละกระทรวงเราก็ทำกันเต็มที่ สำหรับการช่วยเหลือในขั้นต่อไปคงต้องมามาประเมินว่าจะใช้งบกลางมาช่วยเหลือได้อย่างไร

"ขอกลับไปประเมินงานอีกครั้ง แต่ทุกวันนี้เราไม่ได้มีปัญกาหรือติดขัดเงื่อนไขเรื่องการใช้เงินเพราะผู้ว่าราชการมีงบประมาณช่วยเหลือที่อนุมัติได้ตามอำนาจอยู่แล้ว แต่การจ่ายเงินชดเชยคงรอหลังน้ำลดเพื่อมาประเมินและกำหนดกติกา การช่วยเหลือไม่ให้ล่าช้า สำหรับการแถลงนโยบายคาดว่าภายในวันที่ 15 สิงหาคมนี้"นายกรัฐมนตรีกล่าว

**ลุยตรวจน้ำท่วมอุบล

เวลา 11.50 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางจากจ.เชียงใหม่มายังจ.อุบลราชธานีโดยเครื่องบินของกองทัพไทย เพื่อตรวจเยี่ยมพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม โดยได้เดินทางไปมอบถุงยังชีพให้กับผู้ประสบภัยที่บริเวณโรงเรียนโขงเจียมวิทยาคม อ.โขงเจียม

จากนั้นได้เดินทางไปศูนย์ฝึกอบรมและพัฒนางานสาธารณสุขอำเภอโขงเจียม ฟังสรุปสถานการณ์น้ำท่วมจากผู้ว่าราชการจังหวัด 9 จังหวัดภาคอีสาน ประกอบด้วย จังหวัดอุบลราชธานี อุดรธานี หนองคาย สกลนคร นครพนม เลย บึงกาฬ มุกดาหาร และอำนาจเจริญ

น.ส.ยิ่งลักษณ์กล่าวว่า รัฐบาลได้ตั้งใจที่จะมาพบปะกับราษฎรในทันทีที่ได้เข้ามาทำงาน ซึ่งการเดินทางมาครั้งนี้เพื่อรับทราบข้อมูลผลกระทบ เพื่อที่รัฐบาล จะได้นำไปเป็นข้อมูลในการกำหนดแนวทางการฟื้นฟูภายหลังน้ำลด ซึ่งจำเป็นต้องดำเนินการบูรณาการของหน่วยงานกระทรวงต่างๆ ส่วนแผนการแก้ไขปัญหาในระยะยาวนั้น จำเป็นต้องมีการศึกษาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมกันต่อไป

สำหรับภาวะระดับน้ำโขงที่อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี ขณะนี้ได้ลดระดับลงอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ยังต่ำกว่าระดับตลิ่งเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ซึ่งประชาชนในพื้นที่ต่างกังวลว่า ในช่วงวันที่ 20 ส.ค.นี้ ทางประเทศจีนจะมีการเปิดเขื่อนกั้นน้ำโขงเพื่อระบายน้ำลงมาอาจส่งผลกระทบทำให้น้ำโขงล้นตลิ่งเข้าท่วมพื้นที่ซ้ำอีกครั้งได้

จากนั้นในช่วง 17.00น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเดินทางต่อไปจ.พิจิตร พื่อตรวจดูสภาพปัญหาน้ำท่วมและมอบถุงยังชีพให้กับชาวบ้านในต.วังจิก อ.โพธิ์ประทับช้าง และต.รังนก อ.สามง่าม

ด้าน นายรังสรรค์ ตันเจริญ นายอำเภอเมืองพิจิตร เกล่าวว่า ขณะนี้น้ำในแม่น้ำน่านได้เอ่อล้นตลิ่ง ส่งผลให้บ้านเรือนราษฎรในเขตชุมชนหลังสถานีรถไฟประมาณ 40 ครัวเรือน พร้อมทั้งถนนเลียบทางรถไฟ ที่จะเข้าสู่สถานีรถไฟพิจิตร ได้รับความเสียหาย และมีปริมาณน้ำท่วมสูงประมาณ 20 ซ.ม. แล้ว ทั้งนี้มีแนวโน้มว่าระดับน้ำจะเพิ่มขึ้น และน้ำแม่น้ำน่านยังไหลทะลักเข้าไปในคลองบ้านปากทาง หน้าโรงเรียนเทศบาล 3 ด้วย

**รมช.พาณิชย์ มอบถุงยังชีพช่วย

เมื่อเวลา 09.30 น. นายศิริวัฒน์ ขจรประศาสตร์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เดินทางมาลงเรือเพื่อมอบถุงยังชีพให้แก่ราษฏร หมู่ที่ 5 บ้านหนองแขม ตำบลบ้านน้อย อำเภอโพทะเล จังหวัดพิจิตร ที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วมกว่า 125 หลังคาเรือน พร้อมกับตรวจเยี่ยมบ้านเรือนราษฏรที่ประสบอุทกภัย 2 ฝั่งแม่น้ำยม เพื่อมอบถุงยังชีพและยารักษาโรค

ส่วนการลงพื้นที่ในครั้งนี้ราษฏรที่ประสบภัยน้ำท่วม ได้ขอให้รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ประสานเพื่อขอความช่วยเหลือใน 2 เรื่อง คือ ขอให้กรมชลประทานได้รับพื้นที่ฝั่งตะวันตกของแม่น้ำยมอำเภอโพทะเลให้ เป็นพื้นที่เขตชลประทาน และให้กรมชลประทานได้สร้างพนังกั้นน้ำฝั่งตะวันออกเพื่อกันน้ำท่วมด้วย

เนื่องจากประชาชนได้รับความเดือดร้อนทุกปีในช่วงฤดูน้ำหลาก ซึ่งรมช.ได้รับเรื่องไว้เพื่อประสานกรมชลประทานให้ และจะช่วยเหลือราษฏรก่อนในเบื้องต้นที่ประสบภัยน้ำท่วมกว่า 3,000 ไร่ และจะช่วยพยุงราคาข้าวเปลือกที่ถูกน้ำท่วมในพื้นที่ให้เกษตรกรสามารถช่วยเหลือตนเองในเบื้องต้นได้ สำหรับพื้นที่อำเภอโพทะเลได้รับผลกระทบน้ำท่วมรวม 11 ตำบล 49 หมู่บ้าน

ต่อมา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้ไปเยี่ยมราษฏรที่ประสบภัยน้ำท่วมตำบลทับหมัน อำเภอตะพานหินเป็นจุดต่อไป

**สธ.สำรองเซรุ่มแก้พิษงูช่วงน้ำท่วม

นายวิทยา บุรณศิริ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยถึงแนวทางการให้ความช่วยเหลือและเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วม ว่า ขณะนี้มีชาวบ้านได้รับความเดือดร้อน จำนวน 15 จังหวัด โดยได้จัดหน่วยแพทย์เคลื่อนที่ออกให้บริการผู้ประสบภัยถึงบ้าน วันละ 120 ทีม ซึ่งมีผู้ป่วยวันละ 3,000 คน

ส่วนการเยียวยาสภาพจิตใจประชาชนนั้น ได้มอบหมายให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด ร่วมกับ หน่วยสุขภาพจิตของกรมสุขภาพจิต ตรวจคัดกรองประเมินสภาวะสุขภาพจิตของผู้ประสบภัย เพื่อป้องกันการฆ่าตัวตาย ซึ่งขณะนี้ได้ดำเนินการไปแล้ว 3 จังหวัด คือ สุโขทัย พิษณุโลก และลำพูน หลังพบชาวบ้านมีอาการซึมเศร้า กว่า 100 คน เสี่ยงฆ่าตัวตาย 24 คน ติดตามดูแลอย่างใกล้ชิด 56 คน เพราะส่วนใหญ่ประชาชนในพื้นที่ทรัพย์สินเสียหาย

อย่างไรก็ตาม ยอดผู้ป่วยสะสมตั้งแต่วันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมาจนถึงวันนี้ มีจำนวน 23,000 ราย ร้อยละ 60 เป็นโรคน้ำกัดเท้า รองลงมา คือ ไข้หวัดและผื่นคัน ขณะที่ส่วนกลางได้สำรองยาชุดน้ำท่วม เพื่อจัดส่งให้จังหวัดต่าง ๆ รวม 500,000 ชุด และยารักษาโรคน้ำกัดเท้าอีก 200,000 ชุด ซึ่งคาดว่ามีความเพียงพออย่างแน่นอน

นอกจากนี้ กระทรวงสาธารณสุขยังมีความเป็นห่วงเรื่องปัญหางูพิษที่หนีน้ำมาหลบตามบ้านเรือนของประชาชน ในวันนี้จึงได้สำรองเซรุ่มแก้พิษงู เช่น งูเห่า งูจงอาง งูกะปะ เป็นต้น ไว้ที่ส่วนกลางเพิ่มอีก 3,500 ขวด เพื่อสนับสนุนส่วนภูมิภาค ซึ่งขณะนี้โรงพยาบาลในสังกัดทุกแห่งมีสำรองไว้แห่งละ 10 ชุด แม้ว่าปัญหาน้ำท่วมปีนี้ จะยังไม่มีรายงานผู้ประสบภัยถูกงูพิษก็ตาม กระทรวงสาธารณสุขพร้อมจะให้การดูแลผู้ประสบภัยทุกคนอย่างเต็มที่ ขอให้ประชาชนมั่นใจได้

**"ฐานิสร์"แก้น้ำท่วมเป็นภารกิจเร่งด่วน

นายฐานิสร์ เทียนทอง รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า ภายหลังได้รับตำแหน่ง ตนยังไม่ได้รับมอบหมายงานจากนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่าจะให้ดูแลงานด้านใดบ้าง ซึ่งคาดว่าจะมีการแบ่งงานหลังประชุมกระทรวง และภายหลังแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อรัฐสภาแล้ว ทั้งนี้ ตนจะเริ่มเข้าทำงานอย่างเป็นทางการในวันพรุ่งนี้ (15ส.ค.) โดยพร้อมทำงานทุกอย่างที่ได้รับมอบหมายอย่างเต็มที่ และไม่หนักใจในฐานะที่เป็นรัฐมนตรีหน้าใหม่ เพราะเคยผ่านการเป็น ส.ส. มาถึง 15 ปีแล้ว และยังเคยช่วยงานสมัยที่ นายเสนาะ เทียนทอง เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยมาแล้ว พร้อมขอพิสูจน์ตัวเองสามารถทำงานรับใช้ประชาชน

"ภารกิจเร่งด่วนของกระทรวงมหาดไทยที่จะต้องทำในขณะนี้ ก็คือการแก้ปัญหาน้ำท่วมในหลายพื้นที่ ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยให้ความสำคัญเป็นอย่างมากในการดูแลปัญหาอุทกภัย เนื่องจากมีความเสียหายในหลายพื้นที่ ขณะเดียวกันงานในกระทรวงก็มีความคล้ายกันคือ ดูแลปัจจัยพื้นฐานบำบัดทุกข์ บำรุงสุขให้กับประชาชนอยู่แล้ว" นายฐานิสร์ กล่าว.
กำลังโหลดความคิดเห็น