xs
xsm
sm
md
lg

ยันไม่ย้าย ผบ.ทบ "บิ๊กอ๊อด"กาวใจทหาร-พท.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - "ยิ่งลักษณ์" เรียกประชุมครม.นัดพิเศษ 11 สิงหาฯ เล็งดึงมืออาชีพเสริมแกร่งทีมเศรษฐกิจ อุ้ม"เสี่ยปึ้ง" เฝ้ากต.เหมาะดีแล้ว "ยุทธศักดิ์"ยันไม่มีโยกย้ายผบ.เหล่าทัพ "โต้ง" พร้อมสางปัญหาค่าครองชีพสูง ย้ำทำงานร่วมกับขุนคลังได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในช่วงบ่ายวานนี้ คณะรัฐมนตรีต่างทยอยเดินทางมายังทำเนียบรัฐบาล เพื่อทำการถ่ายภาพเดี่ยว และภาพหมู่ชุดปกติขาว ที่ห้องสีเหลือง ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล โดยทางสำนักโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นผู้บันทึกภาพ ซึ่งภาพทั้งหมดจะถูกเก็บไว้ใช้ในภารกิจของรัฐมนตรี และเพื่อจัดทำปฏิทินครม. เพื่อแจกจ่ายไปยังหน่วยงานราชการ สื่อมวลชน และประชาชน ทำบัตรประจำตัวรัฐมนตรี ซึ่งทุกคนต่างมีสีหน้ายิ้มแย้ม แจ่มใส แสดงความยินดีซึ่งกันและกัน

กระทั่งเวลา 14.35 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมาถึงด้วยชุดปกติขาว ก่อนที่จะร่วมถ่ายรูปกับครม.ทั้งคณะ หน้าตึกไทยคู่ฟ้า โดยจัดเป็น 2 แถว แถวนั่งและแถวยืน โดยแถวนั่งเป็นนายกฯ รองนายกฯ รมต.ประจำสำนักนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการ ส่วนแถวหลังเป็นรัฐมนตรี และรัฐมนตรีช่วย

กระทั่งเวลา 15.30 น. น.ส.ยิ่งลักษณ์ และครม.ได้เดินทางออกจากทำเนียบฯ ไปเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่ รพ.ศิริราช เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณตน ก่อนปฏิบัติหน้าที่ อย่างไรก็ตาม ในช่วงของการถ่ายรูปหมู่ นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.คลัง เดินทางมาไม่ทัน จึงตามไปสมทบร่วมกับคณะที่ รพ.ศิริราช

** ประชุมครม.นัดพิเศษวันนี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (11 ส.ค.) น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้นัดประชุมคณะรัฐมนตรีนัดแรก เวลา 09.00 น. เพื่อพิจารณาเรื่องเร่งด่วน เกี่ยวกับมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม หลังจากที่ได้รับฟังรายงานสถานการณ์น้ำท่วม จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และจะมีวาระหารือกับทางพรรคร่วมรัฐบาล ถึงนโยบายที่จะเสนอเพิ่มเติมมายังพรรคเพื่อไทย เพื่อเขียนเป็นนโยบายรัฐบาล ก่อนนำไปแถลงต่อที่ประชุมรัฐสภา

นอกจากนั้นแล้วมีความเป็นไปได้ที่จะหารือถึงวันแถลงนโยบายรัฐบาลต่อที่ประชุมรัฐสภาด้วย เบื้องต้นกฎหมายได้กำหนดให้มีการแถลงนโยบายรัฐบาล ภายใน 15 วันนับจากวันที่คณะรัฐมนตรีถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์

พร้อมกันนี้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ จะเข้าชี้แจงการยื่น บัญชีทรัพย์สิน และหนี้สินของคณะรัฐมนตรี ที่จะต้องยื่นภายใน 30 วัน หลังเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการ

**ยิ่งลักษณ์ขอเวลาให้ได้ทำงานก่อน

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การจัดสรรตำแหน่งคณะรัฐมนตรีได้พิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการบริหารประเทศและขับเคลื่อนนโยบายการพัฒนาประเทศ ร่วมกับฝ่ายนิติบัญญัติ โดยจะมีผู้เชี่ยวชาญงานแต่ละด้านมาเป็นที่ปรึกษา

ส่วนกรณีการวิพากวิจารณ์หน้าตาครม.ว่าไม่สวยเหมือนหน้าตานายกรัฐมนตรีนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ ระบุว่า ขอโอกาสให้ ครม.ชุดนี้ทำงานก่อน เพราะทุกคนตั้งใจทำหน้าที่รับใช้ประชาชน โดยยืนยันว่าการจัดสรรครม.ชุดนี้ได้วางตัวบุคคลเหมาะสมกับงาน เช่นเดียวกับการวางตัว นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล เป็นรมว.ประเทศ เพราะ มีประสบการณ์ในการเป็น ส.ส. หลายสมัย และผ่านงานด้านต่างๆ มามาก โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ เพราะตำแหน่งดังกล่าวต้องเกี่ยวข้องกับการค้าระหว่างประเทศ ขณะเดียวกันมั่นใจจะมีเจ้าหน้าที่ของกระทรวงต่างประเทศช่วยทำงานด้านการทูตให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

อย่างไรก็ตามจะให้ครม.ได้ทำงานก่อน 6 เดือน หลังจากนั้นจะประเมินผลงาน เพราะการบริหารประเทศเป็นเรื่องใหญ่ โดยหลังจากถวายสัตย์ปฏิญานตนแล้ว ไม่เกิน 15 วัน จะมีการแถลงนโยบายต่อสภา แล้วจะเริ่มการทำงานได้

ส่วนกรณีที่สภาอุตสาหกรรมเป็นห่วงว่า การบริหารเศรษฐกิจ จะเน้นไปที่การดูแลตลาดทุนเพียงอย่างเดียวนั้น น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ภาพรวมของเศรษฐกิจ จะมีนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นผู้ดูแล โดยจะมีการเชิญผู้เชี่ยวชาญมาเป็นที่ปรึกษา ซึ่งยืนยันไม่ได้มุ่งเน้นตลาดทุนเพียงอย่างเดียว แต่จะดูอุตสาหกรรมและการลงทุนในภาพรวมด้วย

** "กิตติรัตน์"เร่งแก้ปัญหาค่าครองชีพ

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ กล่าวยอมรับว่า ตนจะได้ดูแลในเรื่องเศรษฐกิจ ส่วนที่มีปฏิกิริยาจากสภาหอการค้า และสภาอุตสาหกรรม ที่ยังไม่ค่อยเชื่อถือเท่าไรนั้น ตนคิดว่าประธานสภาอุตสาหกรรม และประธานหอการค้า ก็คุ้นเคยกันมา ตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นส่วนหนึ่งของสภาธุรกิจตลาดทุน ทำงานใกล้ชิดกับองค์กรทั้งสาม รวมทั้งสมาคมธนาคารด้วย เข้าใจว่านโยบายของรัฐบาลที่พูดไว้ในตอนหาเสียง มีความชัดเจน ในความต้องการให้ค่าแรงกับผู้ที่มีรายได้น้อยถูกปรับขึ้นมา ซึ่งหน่วยงานเหล่านั้น อาจจะแสดงความกังวล แต่ว่าไม่ใช่เรื่องเดียวที่จะทำ ยังมีเรื่องของการลดภาษี การช่วยลดภาระให้กับภาคธุรกิจ ทั้งผู้ประกอบการขนาดเล็ก ขนาดกลาง หลายส่วนจะประกอบกัน รวมทั้งนโยบายที่จะให้ราคาพลังงานลดต่ำลง ซึ่งทางรัฐมนตรีพลังงาน มีความชัดเจนและเตรียมงานต่างๆไว้ ขอให้แถลงนโยบายกับทางสภาให้เรียบร้อยก่อน ซึ่งการทำงานต่างๆ จะไม่ชักช้าเลย

**เชื่อทำงานกับขุนคลังราบรื่น

เมื่อถามว่า การทำงานกับ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รมว.คลัง จะมีความราบรื่นหรือไม่ นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า นายธีระชัย เป็นคนมีความสามารถ เป็นผู้บริหารของธนาคารแห่งประเทศไทย จนถึงรองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย และมาเป็นเลขาธิการ คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ยาวนานถึง 2 สมัย ความรู้ความเข้าใจของท่าน ยอดเยี่ยมอยู่แล้ว และในโอกาสที่ได้ทำงานด้วยกัน ได้เห็นฝีไม้ลายมือของท่าน เพราะฉะนั้น ในกระทรวงเศรษฐกิจ น่าจะทำงานราบรื่น

เมื่อถามต่อว่า ในการรับตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ จะดูแลสินค้าจุดใดก่อน นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า สินค้ามีส่วนต่อค่าครองชีพของประชาชนมากมาย การเริ่มนโยบายที่จะให้ภาคเอกชนพร้อมจ่ายค่าแรงให้กับผู้มีรายได้น้อย หรือแรงงานไร้ฝีมือ ต้องดูแลค่าครองชีพไปด้วย ค่าครองชีพสำคัญๆ จะต้องถูกดูแลอย่างใกล้ชิด ซึ่งคงไม่ใช้วิธีการไปกำหนดราคา เราต้องเชื่อในกฎของอุปสงค์ อุปทาน ภาคเอกชนที่ทำงานด้านผู้ผลิตในเรื่องความต้องการสินค้า ต้องประสานให้เกิดความเข้าใจ ถ้าประชาชนเกิดความกังวลว่า เงินจะเฟ้อ หรือของจะแพง แนวโน้มก็จะอยากซื้อมากขึ้น พอซื้อมากขึ้น อาจจะทำให้เขาขาดแคลน สิ่งสำคัญคือ ขอให้มีความเชื่อมั่น ผู้ผลิตหลายคนก็ควรจะเข้าใจค่าแรงที่จะสูงขึ้น จะนำมาซึ่งกำลังซื้อ และทำให้ธุรกิจเจริญก้าวหน้าขึ้น และผู้ที่รายได้น้อยก็จะมีความสุขมากขึ้น

เมื่อถามว่า ในภาพรวมของการดูแลเศรษฐกิจ นายกรัฐมนตรี จะเป็นหัวหน้าทีมดูแลเรื่องเศรษฐกิจหรือมอบหมายให้ท่านดู นายกิตติรัตน์ กล่าวว่า ท่านายกฯ เป็นหัวหน้ารัฐบาล แน่นอน แต่ตนเชื่อว่าท่านต้องการให้ตนทำงานใกล้ชิดกับกลุ่มกระทรวงเศรษฐกิจ และมีการกลั่นกรองให้ตกผลึกถึงระดับที่ท่านจะสามารถเข้ามาตัดสินใจขั้นสุดท้ายได้ เพราะงานของประเทศมีเรื่องอื่นด้วย ดังนั้น ในเรื่องของเศรษฐกิจ จะต้องมีการกลั่นกรองในขั้นที่จะให้นายกฯ ตัดสินใจได้

**"ดร.ปึ้ง"พร้อมเรียนรู้งานด้านตปท.

นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ กล่าวยอมรับว่า การทำหน้าที่ในตำแหน่งนี้ ถือเป็นงานใหม่ และเป็นงานหนัก แต่ก็จะทำงานอย่างเต็มที่ และหวังว่าข้าราชการจะให้คำแนะนำ สั่งสอน ให้ข้อมูลต่างๆ ซึ่งตนเองก็พร้อมจะเรียนรู้ ส่วนงานแรกที่ต้องทำคือ การสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การประชุมอาเซียน เอเปค และการสร้างภาพลักษณ์ ความน่าเชื่อถือ รวมถึงงานด้านการท่องเที่ยว ต่อสังคมโลก โดยเฉพาะกรณีข่าวประเทศไทยมีความเสี่ยง เลวร้าย รวมถึงนโยบายความสัมพันธ์กับประเทศแถบตะวันออกกลาง ในการให้วีซ่าเข้าประเทศ

ส่วนการคืนพาสปอร์ตให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตรนั้น ต้องดูว่าที่ทำมาถูกต้องตามหลักการหรือไม่

** รมว.กลาโหมเตรียมเข้าพบ"ป๋า"

พลเอกยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม กล่าวยืนยันว่า ไม่มีการแต่งตั้งโยกย้าย ผบ.เหล่าทัพ ภายหลังจากตนเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีอย่างแน่นอน ขอให้ทุกฝ่ายสบายใจได้ โดยเรื่องนี้ต้องดำเนินการอย่างโปร่งใสและเป็นธรรม หากมีการโยกย้ายจริง ก็ต้องมีการพูดคุยให้ทุกฝ่ายเห็นชอบก่อน

ทั้งนี้ มีเพียง 3 ตำแหน่งที่จะมีการปรับเปลี่ยน เนื่องจากหมดวาระคือ ปลัดกระทรวงกลาโหม ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และ ผู้บัญชาการทหารเรือ พร้อมกันนี้ ยังต้องรอให้รัฐบาลแถลงนโยบายเสร็จสิ้นจึงจะเริ่มทำงาน โดยในวันอังคารที่ 16 ส.ค. ภายหลังจากการเข้าประชุม ครม. ตนจะเข้ากระทรวงกลาโหมเป็นวันแรก เพื่อพูดคุยกับผบ.เหล่าทัพ และ ไม่รู้สึกหนักใจในการประสานงานระหว่างกองทัพ และพรรคเพื่อไทย เชื่อว่าความสัมพันธ์จะต้องดีขึ้น

พลเอกยุทธศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ตนเตรียมเข้าไปกราบ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ เพราะเป็นผู้ใหญ่ที่เคารพ และเคยเป็นอดีตผู้บังคับบัญชาของตนด้วย

พลเอกยุทธศักดิ์ ยังกล่าวก่อนเริ่มประชุมสภากลาโหมนัดแรกว่า ต้องมีการพูดคุยกับผู้บัญชาการทหารบก เพื่อเตรียมลงพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ก่อนจะเดินทางไปเยี่ยมแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อตรวจพื้นที่ชายแดนปัญหาพื้นที่พิพาทระหว่างไทย และกัมพูชา โดยตนพร้อมที่จะเจรจาหากทางกัมพูชาพร้อมเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ หากมีเวลาก็จะไปเยี่ยมแม่ทัพภาคที่ 3 ด้วย

ส่วนนโยบายเร่งด่วนที่ต้องการดำเนินการ คือ การเทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยให้ทุกคนมีแนวคิดตามพระราชดำริ รวมทั้งนโยบายพัฒนากองทัพที่ต้องดำเนินการ ซึ่งการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ กองทัพมีแผนไว้แล้ว ก็คงไม่ปรับเปลี่ยน ส่วนการเสนอจัดซื้อใหม่นั้น ก็ต้องตรวจสอบว่าเหมาะสมกับประเทศและงบประมาณหรือไม่

อย่างไรก็ตาม การทำงานของกระทรวงกลาโหม ก็ขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี โดยในส่วนเลขาของตนนั้น พรรคมีส่วนในการเสนอ ซึ่งตนยังไม่ได้คัดเลือกหรือพิจารณาใครเป็นพิเศษ ยืนยันว่า ไม่จำเป็นต้องเป็นทหาร แต่ต้องสามารถพูดคุยกับกองทัพ และ ส.ส.ได้

ส่วนพล.อ.อ.สุเมธ โพธิ์มณี จะสามารถเป็นได้หรือไม่นั้น หากพล.อ.อ.สุเมธ พร้อมก็ไม่มีปัญหาแต่อย่างใด

" เมื่อวันที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา ผมได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรี ถึงการทำงาน และสายการบังคับบัญชา ซึ่งท่านบอกว่า กระทรวงอื่นมีรองนายกรัฐมนตรีรับผิดชอบอยู่ สำหรับกระทรวงกลาโหม นายกรัฐมนตรี จะเป็นคนคุมเอง โดยผมจะขึ้นตรงกับนายกรัฐมนตรี" พล.อ.ยุทธศักดิ์ กล่าว

** "วรวัจน์"ย้ำไม่ลืมเรื่องแทปเล็ต

นายวรวัจน์ เอื้ออภิญญกุล รมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าตนไม่เหมาะสมที่ได้รับตำแหน่งนี้ว่า พร้อมน้อมรับทุกคำวิจารณ์ โดยพร้อมที่จะพิสูจน์ตัวเอง ทั้งนี้ ตนได้เตรียมที่จะรับตำแหน่งนี้มานานแล้ว และเมื่อเข้ามาทำหน้าที่ก็จะมีการปฏิรูปการศึกษาให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ อย่างไรก็ตาม นโยบายแทปเล็ต จะเร่งดำเนินการตามที่ได้หาเสียงเอาไว้อย่างเร็วที่สุด

**"กฤษณา"โต้ไม่ใช่จุดบอดรัฐบาล

น.ส.กฤษณา สีหลักษณ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการได้รับตำแหน่ง รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรีว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ยังไม่ได้รับมอบหมายว่าจะให้ตนดูแลงานด้านไหน แต่ขอโอกาสทำงานก่อน จะทำงานให้เต็มที่ ไม่คิดว่า เป็นจุดบอดใน ครม. เสียงวิจารณ์ต่างๆ มีได้ แต่ขอโอกาสทำงานก่อน โดยขอโอกาสพิสูจน์ตัวเอง 3 เดือน

ทั้งนี้ตนไม่รู้ว่าเป็นม้ามืดหรือไม่ เพราะการพิจารณาให้ดำรงแหน่งใดๆ ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการบริหารพรรค แต่ตนก็อยู่พรรคเพื่อไทยมานาน ไม่ได้เป็นเด็กมุ้งหรือก๊วนใด

** "ชวรัตน์"เชื่อรมว.มหาดไทยทำงานได้

นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย อดีต รมว.มหทดไทย กล่าวถึงการดำรงตำแหน่ง รมว.มหาดไทย ของนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ว่า เชื่อว่าทำหน้าที่ได้ดี เพราะเป็นลูกหม้อของมหาดไทย อยากให้สานงานต่อไป เพราะที่มหาดไทย มีงานให้ทำเยอะ ดีกว่าคนอื่นที่ไม่รู้อะไรเลยแล้วเข้ามาทำงาน

ทั้งนี้ ตนไม่หวั่นว่ารัฐมนตรีคนใหม่จะเข้ามาเช็คบิลตนเอง อย่างไรก็ตามตนไม่ขอตอบเรื่องหน้าตา ครม.ชุดนี้ว่าเป็นอย่างไร แต่เชื่อว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี น่าจะได้เปรียบในการทำงาน

** วอนเสื้อแดงอย่าออกมากดดัน

นายก่อแก้ว พิกุลทอง ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง กล่าวถึงรายชื่อครม. ที่ไม่มีแกนนำเสื้อแดงเป็นรัฐมนตรีว่า เท่าที่ดูโผครม. ก็หน้าตาสวยดี หลายคนมีขีดความสามารถในการแก้ปัญหาประเทศชาติได้ แม้จะไม่มีแกนนำเสื้อแดงอยู่ในครม.ก็ตาม แต่ก็อาจส่งผลให้พี่น้องเสื้อแดงรู้สึกผิดหวังบ้าง แต่ขอให้ทุกคนโปรดเข้าใจ และอย่าเคลื่อนไหวใดๆ เป็นการกดดัน และเกิดความไม่สบายใจแก่สังคม

วันนี้คนเสื้อแดงต้องช่วยกันให้กำลังใจ สนับสนุน น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้สามารถทำงานด้วยความราบรื่น ส่วนการปรับครม. ครั้งหน้า ไม่จำเป็นต้องนำคนเสื้อแดงมาเป็นรัฐมนตรี เพราะขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของนายกฯ และเห็นความสามารถกับคนเสื้อแดงหรือไม่ ถ้ามีความสามารถ ก็ดึงมาใช้งานก็ได้ เราไม่มีเงื่อนไขใดๆ ขอให้ทุกฝ่ายสบายใจได้

** หวัง"ยุทธศักดิ์"ขับเคลื่อนปรองดอง

เมื่อถามว่าตำแหน่งของ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา รมว.กลาโหม เป็นการซูเอี๋ยกับอำมาตย์ ว่า นายก่อแก้ว ระบุว่านายกฯ มีความตั้งใจในการขับเคลื่อนเรื่องความปรองดอง และมีความจำเป็นที่จะต้องได้รับความร่วมมือกับทุกฝ่าย ไม่ว่าฝ่ายการเมือง ฝ่ายทหาร ภาคประชาชน ภาคสังคมต่างๆ ถ้าต้องหาคนที่สามารถต่อสายกับทุกฝ่ายได้ก็เป็นเรื่องดี

เมื่อถามว่าคนเสื้อแดง ต่อสู้กับอำมาตย์ มาตลอดจะขัดกับหลักการหรือไม่ แกนนำคนเสื้อแดงกล่าวต่อว่า อย่ามองเช่นนั้น เราต้องทำให้ประเทศไทยขับเคลื่อนอย่างไร วันนี้เราจะขับเคลื่อนเรื่องการปรองดองเรื่องนี้เป็นเป้าหมายที่รัฐบาลต้องการ อย่าไปมองเรื่องการซูเอี๋ยแต่เป็นเรื่องการมองคนให้เหมาะสมกับภารกิจเท่านั้น

ทั้งนี้ ตนไม่จำเป็นต้องไปชี้แจงกับคนเสื้อแดงเพราะทุกคนเห็นด้วยกับความปรองดอง

** เช็กบิล"มาร์ค-เทือก" กรณี 91 ศพ

นายก่อแก้ว ยังกล่าวถึงบทบาทของคนเสื้อแดง ในการตรวจสอบรัฐบาลว่า คนเสื้อแดงที่เป็นส.ส. ก็จะตรวจสอบควบคู่กับคนเสื้อแดงภายนอก แต่ไม่ถึงกับต้องชุมนุม แต่จะเป็นการบอกกล่าวผ่านสื่อ เพื่อให้นายกฯรับทราบ ส่วนคดีความเรื่องการตาย 91 ศพนั้น นายก่อแก้ว กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดำเนินการตามกฎหมาย

ทั้งนี้จุดยืนของพวกตนเชื่อมั่นในความบริสุทธิ์ของตัวเอง และไม่ขอนิรโทษกรรมในข้อหาที่รัฐบาลที่แล้วใส่ร้าย จึงควรปล่อยไปตามกระบวนการกฎหมาย แต่คดีการสั่งฆ่า 91 ศพ ตนเชื่อว่านายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกฯ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง น่าจะเป็นผู้สั่งการสลายการชุมนุม โดยไม่สนใจถึงความปลอดภัยของคนไทย และตนเชื่อว่า ทั้ง 2 คน จะต้องรับโทษในความผิด ผู้สั่งการสลายการชุมชนจนนำมาซึ่งความตายของประชาชน

** "เหลิม"เข้าทำเนียบฯ ดูห้องทำงาน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าหลังปิดการประชุมสภา บรรยากาศที่ทำเนียบรัฐบาล เริ่มคึกคัก โดยสื่อมวลชน มารอทำข่าว คณะรัฐมนตรีใหม่ ที่จะเข้ามาถ่ายรูปหมู่ ก่อนที่จะเข้าเฝ้าถวายสัตย์ปฏิญาณตน ในเวลา 17.30 น. โดยเมื่อเวลา 12.15 น. ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี ลำดับที่ 2 ได้เดินทางเข้าทำเนียบรัฐบาล ท่ามกลางตำรวจติดตามประมาณ 10 นาย เพื่อตรวจดูห้องทำงาน บนชั้น 4 ตึกบัญชาการ ซึ่งเป็นห้องทำงานเดิมของนายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี โดยร.ต.อ.เฉลิม กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า พอใจกับห้องทำงานที่เจ้าหน้าที่ได้จัดไว้ให้ ซึ่งห้องเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม สมัยที่ตนเองเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และวันนี้จะใช้ห้องทำงานเป็นสถานที่เปลี่ยนชุด เตรียมเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับตำแหน่งใหม่

สำหรับเรื่องห้องทำงาน ตนไม่เคยถือเรื่องโชคลาง หรือเรื่องเคล็ด จากการเป็นรัฐมนตรีมาหลายครั้ง การเข้าที่ทำงาน ก็เอาฤกษ์สะดวก ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้รับการมอบหมายและการแบ่งหน้าที่ ยังพูดอะไรไม่ได้ เดี๋ยวจะเสียคน ทั้งนี้ตนยังไม่ทราบว่าจะมีการประชุมครม. ในวันที่ 11 ส.ค. หรือไม่

ผู้สื่อข่าวถามว่า ตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี เหนือความคาดหมายหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เหนือความคาดหมาย ไม่เคยคิดมาก่อน ซึ่งก่อนหน้านี้ตนคิดว่า จะได้ไปอยู่แถวๆ กระทรวงหมอ เพราะตนเคยไปเป็นมาแล้ว นับว่าเป็นพระมหากรุณาธิคุณล้นพ้น เพราะชีวิตตนเล่นการเมืองมาหลายครั้ง เป็นได้แค่รัฐมนตรีว่าการ แต่ครั้งนี้เป็นระดับรองนายกรัฐมนตรี เมื่อถามว่าจะเป็นการลดบทบาทภายในพรรคหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่ ถือว่ามีบทบาทมากขึ้น

เมื่อถามว่าหน้าที่ที่ได้รับ จะมีโอกาสขอนายกรัฐมนตรีมากำกับดูแลในเรื่องยาเสพติด หรือทางสภาความมั่นคงแห่งชาติ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เราไปให้ราคาตัวเองไม่ได้ ต้องรอนายกฯ พิจารณา

ส่วนครม.ชุดใหม่ ซึ่งมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์กันเยอะ ก็เป็นเรื่องธรรมดา คนที่เขาไม่ชอบเรา ก็วิพากษ์วิจารณ์กันมานานแล้ว โดยเฉพาะนักวิชาการบางท่าน ที่ออกรายการทางช่อง 11 ก็ด่ามาตั้ง 2 ปีกว่า สุดท้ายทางพรรคก็ชนะถล่มทลาย ส่วนฝ่ายรัฐบาลเก่า ซึ่งเป็นฝ่ายค้านปัจจุบัน ก็สู้เราไม่ได้ก็ของธรรมดา และมากล่าวหาว่าเพื่อไทย จะทำเพื่อคนๆ เดียว ทุกเวทีก็ว่ากล่าว สุดท้ายประชาชนก็ไม่เชื่อว่าเพื่อไทย จะทำอย่างนั้น

เมื่อถามว่า นางสาวยิ่งลักษณ์ บอกว่า อยากจะให้โอกาสรัฐบาลทำงาน 6 เดือน และอาจจะมีการปรับเปลี่ยน ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ตนแสดงความเห็นไม่ได้ ท่านนายกฯ คิดอย่างไร ก็เป็นไปตามนั้น

**"มาร์ค"ข้องใจตั้งคนนอกคุมศก.

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงคณะรัฐมนตรี ในรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า สิ่งที่เป็นห่วงมีหลายเรื่อง แต่มีข้อสังเกตว่า คนที่มีส่วนทำนโยบาย หรือเอานโยบายไปชี้แจงกับประชาชน กลับไม่มีตำแหน่ง จึงไม่แน่ใจว่าผู้ที่เข้ามาแทนจะมีความคิดเห็นอย่างไร จึงต้องจับตาว่า สิ่งที่เป็นนโยบายของรัฐบาล จะยังตรงกับคำมั่นสัญญาหรือไม่

ส่วนของเศรษฐกิจ ที่มีคนนอกเข้ามา ส่วนใหญ่เป็นคนของวงการตลาดเงิน ตลาดทุน ซึ่งมีความท้าทายที่จะต้องบริหารเศรษฐกิจจริงในขณะนี้ ในมุมที่ว่าของการบริหารเศรษฐกิจนั้น ไม่ใช่เรื่องการบริหารเงินในตลาดทุนอย่างเดียว

นอกจากนั้น ผู้ที่เป็นคนนอกที่เข้ามามีความเกี่ยวข้องกันกับการซื้อขายหุ้นของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรือเรื่องการเสียภาษี ดังนั้นจึงต้องจับตาดูเป็นพิเศษว่า การปฏิบัติหน้าที่จะมีปัญหาในลักษณะนี้หรือไม่

นายอภิสิทธิ์ กล่าวด้วยว่า บางกระทรวงมีการเลือกบุคลากรที่น่าแปลกใจ โดยเฉพาะกระทรวงการต่างประเทศ ที่แม้แต่ นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ยังเคยระบุว่า ไม่ได้อยากทำในส่วนนี้ แต่ทั้งนี้ก็ต้องเปิดโอกาสให้ทำงานไปก่อน แต่ก็ต้องยอมรับว่า ผู้ที่ไม่มีประสบการณ์คุ้นเคย การที่จะเรียนรู้นั้น ไม่ใช่เฉพาะสาระของงาน แต่ยังหมายถึงการวางท่าทีของงาน ก็อาจเป็นปัญหา และข้าราชการก็คงต้องช่วยอย่างเต็มที่

ส่วนจะเป็นการวางตัวเพื่อช่วย พ.ต.ท.ทักษิณ ในการกลับมาประเทศไทย โดยไม่มีความผิดหรือไม่นั้น ตนยืนยันว่า ถ้ายังมีความคิดเช่นนี้ คือให้ พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่เหนือกฎหมาย มีการคืนพาสปอร์ตให้ ไม่ว่าใครก็จะเป็นปัญหาทั้งนั้น และถ้าทำจริงก็ต้องมีการอธิบายเหตุผลให้ได้ และต้องอธิบายให้ทุกคนอยู่ในมาตรฐานเดียวกัน

" นายกฯใหม่ท่านก็ย้ำว่า จะไม่ทำงานเพื่อคนกลุ่มหนึ่ง ก็ต้องจับตาดูว่าจะจริงหรือเปล่า และเราก็ต้องดูต่อไป" นายอภิสิทธิ์กล่าว และว่าอย่างไรก็ตามในเรื่องการตั้งครม.นั้น นายกรัฐมนตรีก็ต้องตอบคำถามให้ได้ เพราะในการอภิปรายนโยบายจะมีการพูดถึงความเป็นได้ ที่จะทำงานให้ประสบความสำเร็จตามนโยบาย ในฐานะผู้รับผิดชอบ และให้กลไกในรัฐสภาทำงานไป ขณะที่ผู้บริหารก็ต้องรับฟัง

เมื่อถามถึงทีมเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่ได้ติดใจ เพียงแต่จะบอกว่า ทีมเศรษฐกิจนั้นต้องมองกว้างกว่าตลาดเงิน ตลาดทุน ส่วนในที่สุดแล้วก็ต้องพิสูจน์ด้วยผลลัพธ์ เหมือนที่รัฐบาลชุดก่อนพิสูจน์ให้เห็นว่า ตลอดเวลา 2 ปีที่ทำงาน เกิดผลอย่างไร บ้าง อย่างไรก็ตาม ถึงแม้จะมีระบบของคณะกรรมการกลั่นกรองทางเศรษฐกิจ แต่จริงๆหัวหน้ารัฐบาลก็ต้องตัดสินใจ และงานของเศรษฐกิจหลายเรื่อง มันคาบเกี่ยวหลายกระทรวง ดังนั้นต้องอาศัยการตัดสินใจของนายกรัฐมนตรี

** ประชาชนคาดหวังแก้ของแพง

เมื่อถามว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ เคยระบุว่าภายในระยะเวลา 6 เดือนจะเห็นผลงานของรัฐมนตรี คิดว่าในช่วงดังกล่าวจะเป็นอย่างไร นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบว่าในนโยบาย จะมีนโยบายเร่งด่วนในบางเรื่องหรือไม่ ที่จะพอจะวัดผลงานได้ตามที่พูดไว้ อย่างไรก็ตามสัญญาประชาคมทั้งหลายที่พรรคเพื่อไทยได้หาเสียงมามีระยะเวลาสั้นกว่า 6 เดือนด้วยซ้ำ

นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ฝ่ายค้านจะทำหน้าที่ตามปกติ กรอบเวลาไม่ใช่สาระสำคัญแต่อย่างใด เพราะในบางเรื่องการทำงานอาจใช้เวลา 2 ปี จะไปคาดคั้นให้ทำเสร็จภายใน 6 เดือนคงไม่ได้ ก็ว่าไปตามความเป็นจริง ตนคิดว่าที่ประชาชนคาดหวังมากที่สุดคือ การแก้ปัญหาของแพง สามารถดูแลราคาได้จนเป็นที่น่าพอใจ ทำให้ประชาชนมีรายได้มากเพียงพอที่จะรับมือ นี่คือสิ่งที่พรรคเพื่อไทยให้ความหวังกับประชาชนไว้ หากทำไม่ได้ เท่ากับทำให้ประชาชนผิดหวัง

** ให้พัลลภนั่งกอ.รมน. "ปู"ต้องรับผิดชอบ

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย เตรียมตำแหน่งบางตำแหน่ง ไว้ให้ส.ส.ที่พลาดจากการได้เป็นรัฐมนตรี อย่างเช่น พล.อ.พัลลภ ปิ่นมณี แกนนำพรรค โดยอาจจะให้ดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน( กอ.รมน .)ว่า โดยหลักแล้ว การมอบหมาย ก็ควรจะมีความชัดเจน เชื่อมโยงทางสายการบังคับบัญชา ทั้งนี้ เจตนาของกฎหมาย ต้องการให้ตัวนายกฯ เป็นผู้ดำรงตำแหน่ง กฎหมายบางฉบับไม่ให้มีการมอบหมาย แต่บางฉบับก็ใช้หลักของการมอบอำนาจในการมอบหมายได้ แต่อย่าลืมว่า การมอบหมาย มอบอำนาจในราชการไม่ได้ทำให้ผู้มอบพ้นจากความรับผิดชอบ ยังจะต้องเข้ามาดูแล และแก้ไขหากผู้รับมอบทำอะไรให้เกิดความเสียหาย

เมื่อถามว่า สายเหยี่ยวอย่าง พล.อ.พัลลภ ต้องมาคุม กอ.รมน. จะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงด้านนโยบายเกี่ยวกับภาคใต้อย่างไร หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนยังไม่ทราบเหตุผลว่าจะไปมอบหมายกันอย่างไร สิ่งสำคัญในแง่ของภาคใต้ ต้องรอฟังนโยบาย ว่าจะสานต่อแนวทางที่เราทำมาหรือไม่ โดยเฉพาะที่มีกฎหมาย และโครงสร้างใหม่ ของศูนย์บริหารงานจังหวัดชายแดนภาคใต้ ( ศอ.บต. ) บวกกับเรื่องของการเน้นการพัฒนาและ กระบวนการให้ความยุติธรรม พรรคเพื่อไทยได้พูดเลยไปอีกขั้น คือเรื่อง การกระจายอำนาจมากขึ้น แต่ถ้าเปลี่ยนไปเป็นนโยบายของสายเหยี่ยว ก็จะเป็นการสวนทางกับสิ่งที่ทำมา และสิ่งที่หาเสียงไว้

** ใช้ความผิดพลาดของแม้วเป็นบทเรียน

ส่วนจะสร้างฝันร้ายให้กับคนที่ กรือเซะ และ ตากใบ จ.นราธิวาสนั้น ตนยังไม่ทราบว่า มีการมอบหมายจริงหรือไม่ อาจจะเป็นกระแสข่าว และต้องยอมรับว่า ในเรื่องตัวบุคคลที่ผ่านมาหลายสัปดาห์ เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เมื่อถามย้ำว่าถ้าเข้ามาดูแลเรื่องจริง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตัวนโยบายสำคัญ และ ผู้นำก็ต้องส่งสัญญาณให้ชัด และควรหาบุคคลที่สอดคล้องกับงานมาทำงาน

เมื่อถามว่า เหตุการณ์ที่เคยเกิดขึ้นในสมัย พ.ต.ท.ทักษิณ เกรงว่าจะมาเกิดอีกในสมัยนี้หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ตนเห็นพ.ต.ท.ทักษิณ ออกมายอมรับแล้วว่า นโยบายผิดพลาด เพราะฉะนั้นก็หวังว่าจะได้เรียนรู้ และจากการได้ลงสัมผัสพื้นที่ภาคใต้นั้น ก็เห็นว่าประชาชนให้การสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลที่ผ่านมาด้วยดี อยากให้สานต่อ และก็เป็นสิทธิของรัฐบาล ว่าจะตัดสินใจอย่างไร

** “กษิต”ให้ฉายา ครม.อำมาตย์

นายกษิต ภิรมย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อดีต รมว.ต่างประเทศ กล่าวว่า ถึงหน้าตารมว.ต่างประเทศว่า เชื่อว่านายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล รมว.ต่างประเทศ จะทำงานและบริหารนโยบายได้ เพราะมีประสบการณ์มากมาย ซึ่งตนคงไม่วิพากษ์วิจารณ์การทำงานของนายสุรพงษ์ ตอนนี้ ต้องให้โอกาสเขาทำงานก่อน

ส่วนหน้าตาครม.ยิ่งลักษณ์ นั้น ตนเชื่อมั่นในสิ่งที่นายกรัฐมนตรีเลือกมา ส่วนใหญ่เป็นข้าราชการประจำ และเป็นผู้อาวุโสในการทำงาน เมื่อถามว่าครม.ชุดนี้มาจาก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ใช่หรือไม่ นายกษิตย์ กล่าวว่า ทั้งนั้นแหละ ส่วนใหญ่ดูเป็น ครม.อำมาตย์ เพราะเป็นอดีตแม่ทัพ อดีตข้าราชประจำ

เมื่อถามว่านายสุรพงษ์ จะทำงานร่วมกับข้าราชการ ได้หรือไม่ นายกษิตย์ กล่าวว่า ต้องให้ความร่วมมือกับข้าราชการประจำ เมื่อถามต่อว่าแล้วนโยบายส่งผู้ร้ายข้ามแดน เกรงว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรหรือไม่ นายกษิต กล่าวว่า จะไปเปลี่ยนแปลงสถานะ พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่ได้กฎหมายคือกฎหมาย ประชาชนก็ต้องทำตามกฎหมาย รัฐบาลก็ต้องทำตามกฎหมาย ถ้าหากไม่สานงานต่อ เราฐานะเป็นฝ่ายค้าน ต้องตรวจสอบ

** “องอาจ”ชี้ครม.ตอบแทนคน 5 กลุ่ม

นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงคณะรัฐมนตรีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่า ไม่สวยเหมือนหน้าตาของนายกรัฐมนตรี เชื่อว่าคณะรัฐมนตรีชุดนี้เป็นคณะรัฐมนตรีต่างตอบแทนคนใน 5 กลุ่ม คือ 1. ตอบแทนสายตรงนายใหญ่ และนายหญิง 2. ตอบแทนกลุ่มข้าราชการเก่าที่มีความผูกพัน เคยเกื้อหนุน และมีความสัมพันธ์กันมาจากอดีตจนถึงปัจจุบัน 3. กลุ่มก๊วนต่างๆในพรรคเพื่อไทย 4. กลุ่มคนเคยปกป้องช่วยเหลือปัญหาเรื่องหุ้นของคนตระกูลชินวัตร และ 5. ตอบแทนกลุ่มเพื่อนร่วมรุ่น ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

** “จุรินทร์” เย้ยครม.ปู 1ไม่สมราคาคุย

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ อดีตรมว.สาธารณสุข กล่าวถึงโฉมหน้าคณะรัฐมนตรี ว่า ภาพที่ออกมาไม่ค่อยสมราคาคุยเท่าไร ไม่สมกับที่โฆษณาไว้แต่ต้น ที่บอกว่า ตั้งใจจะเลือกคนที่มีความเหมาะสม เหมาะกับงาน เพราะมีหลายกระทรวง ที่พอประกาศชื่อออกมา ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์ ในแง่ของตัวบุคคลตนไม่ขอวิจารณ์ แต่ก็มีเครื่องหมายคำถามเหมือนกันว่า ที่มาที่ไปของรัฐมนตรีแต่ละคน ที่สุดแล้วจะเป็นเรื่องของการเตรียมการไว้สำหรับปฏิบัติการ โดยคำสั่งพิเศษ เพื่อประโยชน์ในเรื่องอะไร อย่างไรหรือไม่ ซึ่งฝ่ายค้านก็จะติดตามต่อไป

ผู้สื่อข่าวถามว่า หน้าตาครม.อย่างนี้ คิดว่า จะทำให้รัฐบาลไปไวหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า คงตอบล่วงหน้าไม่ได้ เร็วเกินไปที่จะพูดอย่างนั้น แต่อย่างน้อยแค่นับหนึ่งก็ไม่สมราคาคุยแล้ว เมื่อถามว่า ตอนนี้มีปัญหาเศรษฐกิจค่อนข้างมาก มองทีมเศรษฐกิจรัฐบาลชุดนี้อย่างไรบ้าง นายจุรินทร์ กล่าวว่า เท่าที่ทราบก็ไม่ได้คนที่ตั้งใจอยากจะได้ ในที่สุดก็ต้องเลือกคนเท่าที่มี ซึ่งนายกรัฐมนตรี จะต้องเป็นคนที่ตอบคำถามว่า ทำไมจึงเลือกคนนั้น คนนี้ เพราะที่ผ่านมาประชาชนหวังไว้มาก

เมื่อถามว่า เหตุผลที่คนที่ดูดีทางเศรษฐกิจหนีไม่หมด เป็นเพราะว่ากลัวการชักใยของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร จนทำให้ไม่สามารถบริหารงานได้หรือเปล่า นายจุรินทร์ กล่าวว่า ตนไม่สามารถตอบล่วงหน้าได้ แต่อย่างน้อยก็สะท้อนให้เห็นว่า มีคนที่ปฏิเสธ และไม่มั่นใจในการเข้าร่วมรัฐบาล

อย่างไรก็ตาม การทำงานของฝ่ายค้านก็จะติดตามการตรวจสอบการบริหารราชการแผ่นดิน โดยจะเน้นในกรอบ 3 ส่วน คือ จะติดตามในเรื่องของตัวบุคคล ติดตามเรื่องนโยบาย และติดตามพฤติกรรมการบริหารราชการแผ่นดิน ซึ่งเป็นกรอบที่ฝ่ายค้านวางไว้ทำหน้าที่แทนประชาชน

เมื่อถามว่าในฐานะที่เป็นอดีตรมว.สาธารณสุข มองโฉมหน้ารมต.สาธารณสุข อย่างไรบ้าง นายจุรินทร์ กล่าวว่า ก็ต้องให้เวลาเขาทำงาน เขาก็ต้องปฏิบัติตามนโยบาย และสิ่งที่ได้สัญญาไว้กับประชาชน

ส่วนที่จะมีการนำโครงการ 30 บาทกลับมานั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า เสียดายมาก แต่ถือเป็นสิทธิของรัฐบาล แต่นโยบายของรัฐบาลเดิมก้าวไปไกลแล้ว เพราะใช้ระบบรักษาฟรี โดยใช้บัตรประชาชนเพียงใบเดียว ดังนั้นถ้าจะย้อนกลับไปใช้ 30 บาทอีก ก็เท่ากับย้อนยุคไปอีก

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในกระทรวงสาธารณสุข ค่อนข้างจะมีปัญหาเยอะ เรื่องแพทย์ชนบท คิดว่าจะฝ่าฟันปัญหาได้หรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ต้องรอ รมต.ใหม่พิสูจน์การทำงานก่อน จะได้รับการชื่นชอบ หรือต่อต้านจากบรรดาแพทย์ ก็อยู่ที่การทำงานของรัฐมนตรี

เมื่อถามว่า อยากฝากอะไรถึงรมต.ใหม่บ้าง นายจุรินทร์ กล่าวว่า อยากให้สานต่อนโยบายโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล ที่ยกระดับจากอนามัยขึ้นมา ที่ควรมุ่งเน้นเรื่องคุณภาพ และอยากให้ความสำคัญต่อการสร้างเสริมสุขภาพ นำการซ่อม และนโยบายเพิ่มไอโอดีน เพิ่มไอคิว ซึ่งนโยบายเหล่านี้จะเป็นนโยบายระยะยาว

** "กรณ์"ข้องใจไม่เอาคนในพรรคนั่งคลัง

นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรมว.คลัง กล่าวถึงคณะรัฐมนตรีชุดนี้ว่า เมื่อเข้ามาทำหน้าที่แล้ว ก็อยากจะให้พิสูจน์ตัวเอง แต่ตนก็ข้องใจว่า ทำไมถึงไม่เลือกบุคคลที่มีความสามารถ โดยเฉพาะรมว.คลัง ที่เห็นว่า นายธีระชัย รู้เพียงแค่เรื่องของตลาดทุนเท่านั้น ซึ่งตนตั้งข้อสังเกตว่า น่าจะมีบุคคลที่มีความสามารถมากกว่า ก็คือนายโอฬาร ไชยประวัติ และ นายสุชาติ ธาดาธำรงเวช โดยทั้งสองคน ก็ได้ทำงานกับพรรคเพื่อไทยมาโดยตลอดด้วย อย่างไรก็ตามเมื่อเข้ามาบริหารแล้ว ก็ขอให้คงสภาพการเงินการคลังเอาไว้ให้ได้
กำลังโหลดความคิดเห็น