ASTVผู้จัดการรายวัน- “คุณตู่” ฉุนแทนแกนนำแดงไม่ติดโผครม. ทวงบุญคุณ “ปูแดง”อย่าหวั่นภาพรัฐบาลเสีย จี้ถามกลับที่ผ่านมาทำไมต้องส่งแกนนำแดงลงเลือกตั้ง หากห่วงปัญหา ลั่นไม่เคยต่อรองขอนั่งรมต. ให้เลือก 3 แพร่งขอเป็น"คนเสื้อแดง" ด้าน “ใจ อึ้งภากรณ์” โผล่ทวงบุญคุณ 8 ข้อ ลั่นถ้า"เพื่อไทย-ยิ่งลักษณ์" เมินไปจับมือกับอำมาตย์ จะปลุกเสื้อแดงชุมนุมต่อต้าน
วานนี้ (4 ส.ค.) ที่รัฐสภา เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้เดินทางมารายงานตัวเป็นส.ส. คนที่ 499 หลังได้รับการรับรองจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง พร้อมให้สัมภาษณ์ถึงการจัดสรรโควต้ารัฐมนตรีในรัฐบาลเพื่อไทยที่ไม่มีแกนนำคนเสื้อแดงอยู่ในโผว่า เรื่องดังกล่าวนั้นแกนนำคนเสื้อแดงประกาศจุดยืนมาตลอดว่า การพิจารณาการเป็นส.ส.ขึ้นอยู่กับกับกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย เพราะการเป็นรัฐมนตรีเป็นเรื่องเล็ก ตนไม่เคยมีเงื่อนไขต่อรองพรรคเพื่อไทยเลยในการมาเป็นรัฐมนตรีและอยากให้เข้าใจว่า แม้การเป็นแกนนำเสื้อแดงแล้วมาเป็นส.ส. อาจทำให้ถูกมองว่า ภาพลักษณ์ไม่ดี แต่นักรบล้วนมีบาดแผลทั้งสิ้น พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่มีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์ด้วย เพราะก่อนหน้านี้ก็เอานายกษิต ภิรมย์ มาเป็นรัฐมนตรีเช่นกัน
“ตำแหน่งเป็นเรื่องเล็กมาก เหมือนกับว่าขณะนี้มีทางสามแพร่งให้เลือก ทางหนึ่งเป็นส.ส. อีกทางหนึ่งเป็นรัฐมนตรี และทางหนึ่งเป็นคนเสื้อแดง ผมตัดสินใจได้ทันทีเลือกทางคนเสื้อแดง ” นายจตุพร กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีที่แกนนำคนเสื้อแดงไม่ติดโผรัฐมนตรีนั้น เพราะเพื่อไทยต้องการภาพรัฐบาลที่สวยงาม นายจตุพร กล่าวว่า หากเป็นเช่นนั้น ทำไมถึงต้องให้พวกตนลงสมัครรับเลือกตั้ง ให้ลงพื้นที่หาเสียง การให้เหตุผลว่าคนเสื้อแดงทำภาพลักษณ์รัฐบาลไม่ดีนั้น ทำไมก่อนวันที่ 3 ก.ค. ถึงไม่หารือกัน ทั้งนี้ตนเป็นคนปากตรงกับใจ ไม่เคยต่อรองใดๆ หากไม่ได้ก็ไม่มีปัญหา และตนขอเรียกร้องไปยังพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ไม่ควรพูดถึงกรณีดังกล่าวอีก ทั้งนี้ตนมองหน้าตาของรัฐบาลจะได้นั้นต้องให้ประชาชนเป็นที่ตั้ง และซื่อสัตย์กับประชาชน รวมถึงการบริหารประเทศ ไม่ใช่หน้าตาดีแต่ทรยศ แม้กระทั่งคนข้างกายของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ยังทรยศกันในนาทีสุดท้าย
เมื่อถามว่ากรณีไม่ให้คนเสื้อแดงเป็นรัฐมนตรีเพราะแกนนำพรรคเพื่อไทยเริ่มประนีประนอมกับอำนาจเดิมหรือไม่ นายจตุพร กล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่คะแนนที่พรรคเพื่อไทยได้ 15.7 ล้านเสียงมาจากประชาชน เมื่อชนะเลือกตั้งควรฟังประชาชน ไม่ใช่ฟังอำนาจพิเศษ ทั้งนี้ตนมองว่าสิ่งที่จะเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้กับพรรคเพื่อไทยคือคนเสื้อแดงและประชาชน ไม่เช่นพวกที่มีอำนาจคิดจะยึดอาจเมื่อใดก็ได้
** "คนนอกเสี้ยม! "แม้ว-อ้อ"ขัดแย้ง
เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่ว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ขัดแย้งกับคุณหญิงพจมาน ดามาพงษ์ ในประเด็นตั้งรัฐบาล นายจตุพร กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง 100 เปอร์เซ็นต์ คนที่ให้ข่าวต้องการเสี้ยมให้ประชาชน, พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน มีความเคลือบแคลงใจและแตกแยกกัน
**เดินหน้าคืนยุติธรรมแดง-นิรโทษแม้ว
นายจตุพร กล่าวถึงเจตนารมย์การนิรโทษกรรมให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ในคดีความต่างๆ หลังที่แกนนำคนเสื้อแดงเข้ามาทำหน้าที่ในรัฐสภาว่า ขณะนี้ยังไม่มีเรื่องดังกล่าว ตราบใดที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รักษาการนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รักษาการรองนายกฯ ยังไม่ถูกดำเนินคดีข้อหาบงการฆ่าคน อีกทั้งโทษจำคุก 2 ปีของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ศาลพิพากษาในคดีที่ดินย่านรัชดานั้น เทียบไม่ได้กับคดีบงการฆ่าประชาชน อย่างไรก็ตามประเด็นดังกล่าวตนขอให้สื่อมวลชนเปลี่ยนประเด็นคำถามใหม่ เป็นว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกฯ จะออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ หรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามถึงประเด็นคืนความยุติธรรมและเป็นธรรมให้กับคนเสื้อแดงที่ถูกจำคุกและเสียชีวิตจากเหตุการณ์การชุมนุมที่ผ่านมา นายจตุพร กล่าวว่า ต้องเป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้ต้องมีการส่งสำนวนของคดีไปให้อัยการและส่งศาล โดยนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่มีการละเว้น และที่สำคัญต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างตรงไปตรงมา ส่วนกระบวนการหาความจริงที่รัฐบาลใหม่ จะใช้ช่องทางของ คอป. นั้น ก็ให้ดำเนินการไป
**ท้า"เทือก"นั่งฮ.ใครเผาเมืองขอให้ฮ.ตก
นายจตุพร กล่าวถึงเหตุการณ์ 91 ศพ เมื่อเดือนเม.ย.-พ.ค. 2553 และเหตุการณ์การเผาห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ในช่วงเวลาเดียวกันที่ผ่านมา ว่า ถ้านายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล้าอออกจากรู ก็จะขอท้าไปวัดพระแก้ว ไปสาบานกันว่า ใครเผาเซ็นทรัลเวิลด์ ให้ตกนรกหมกไหม้ หรือจะให้ขึ้นฮ.ไปที่แก่งกระจาน ถ้าใครเผาจริงก็ขอให้ฮ.ตก
**พร้อมให้ศาลรธน.ตีความสถานะ
นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ระบุ กกต. เตรียมยื่นเรื่องให้ประธานสภาฯ เพื่อส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานภาพ ส.ส.ของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ว่า หาก กกต.ทำเรื่องเข้ามา ตนพร้อมพิจารณาตามขั้นตอน ส่วนที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีการยื้อเวลา เพราะตนและนายจตุพรเป็นคนพรรคเพื่อไทยนั้น ตนให้ความมั่นใจว่าจะไม่ทำเช่นนั้น เพราะหน้าที่ของสภาฯ คือ บุรุษไปรษณีย์ ส่วนกำหนดระยะเวลาส่งเรื่องนั้น ตนยังไม่สามารถระบุได้
**กกต.แจงเหตุไม่ตัดสิทธิ “คุณตู่”
ด้านสำนักประชาสัมพันธ์ สำนักงานกกต. ได้ออกเอกสารชี้แจง กรณีการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งนายจตุพร พรหมพันธุ์ เป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย โดยระบุว่า ตามที่มีการวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของ กกต. ว่าปฏิบัติหน้าที่ 2 มาตรฐาน ด้วยการหยิบประเด็นหนึ่งไปเชื่อมโยงกับอีกประเด็นหนึ่งจึงทำให้เนื้อหาข่าวเกิดความคลาดเคลื่อนขัดกับหลักข้อเท็จจริง ซึ่งกรณีของนายยุทธพงษ์ แสงศรี ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่ถูกกกต.ตัดสิทธิการเป็นสมัครเนื่องจากพบว่าไม่เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยนั้นมาเปรียบเทียบกับกรณีของนายจตุพร นั้นไม่สามารถทำได้ เนื่องจาก กรณีของนายยุทธพงษ์ แสงศรี ได้มีการตรวจสอบคุณสมบัติก่อนประกาศรายชื่อเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง และพบว่าได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยไปแล้ว จึงทำให้ขาดคุณสมบัติตามมาตรา 101(3) ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งแตกต่างจากกรณีของนายจตุพร ที่มีเหตุต้องพิจารณาเรื่องคุณสมบัติการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยว่าจะมีอยู่ในวันเลือกตั้งหรือหลังวันเลือกตั้งหรือไม่ ซึ่งเมื่อพิจารณาไม่แล้วเสร็จภายใน 30 วัน นับแต่วันเลือกตั้ง จึงต้องประกาศรับรองผลตามกรอบที่กฎหมายกำหนด โดยดำเนินการสอบสวนอย่างต่อเนื่องให้แล้วเสร็จ เพื่อวินิจฉัยต่อไป
**ปชป.แนะ ปู กำหนดท่าทีแดงไม่ให้สับสน
ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ปชป. กล่าวถึงกรณีนางธิดา ถาวรเศรษฐ รักษาการประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เรียกร้องให้รัฐบาลชุดใหม่ปล่อยคนเสื้อแดงที่ถูกจำคุกอยู่ทั่วประเทศ เพื่อความปรองดองว่า การปรองดองกับการปล่อยคนเสื้อแดงเป็นคนล่ะเรื่องกัน เพราะการพิจารณาปล่อยตัวผู้กระทำความผิดอยู่ที่ดุลพินิจของศาล
นอกจากนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะผู้นำรัฐบาล ต้องกำหนดท่าทีระหว่างรัฐบาลและกลุ่ม นปช.ให้ชัด เพื่อไม่ให้สังคมเกิดความสับสนว่า สุดท้ายแล้วความสัมพันธ์ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นอย่างไร
**ดีเอสไอ รอ นปช.มอบตัว 17 ส.ค.
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยภายหลังจากสถานการณ์ทางการเมืองเริ่มคลี่คลาย และจะได้รัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยในเร็วๆ นี้นั้น ล่าสุดทางแกนนำคนสำคัญของ นปช.ที่ยังหลบหนีคีดก่อการร้าย โดยตั้งแต่เกิดเหตุสลายการชุมนุม 19 พ.ค.53 เช่น นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง นายจักรภพ เพ็ญแข นั้น ยังไม่มีการติดต่อขอมอบตัวกับดีเอสไอ แม้แต่คนเดียว ซึ่งทางตนเองก็พร้อมรับการมอบตัวในฐานะเจ้าพนักงานอยู่แล้ว
ส่วนความคืบหน้าการแจ้งข้อกล่าวหาคดีหมิ่นเบื้องสูง (ล้มเจ้า) กับแกนนำ นปช.ทั้ง 19 คนนั้น ดีเอสไอได้นัดให้แกนนำ นปช.ทั้งหมดเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 17 ส.ค.นี้เช่นเดิม ส่วนแกนนำ นปช.รายใดที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.)และมีหนังสือรับรองอย่างเป็นทางการแล้วจะมารายงานตัวต่อดีเอสไอหรือไม่ก็ได้ ถือว่าเป็นสิทธิของแต่ละท่าน เพราะการเป็น ส.ส.จะมีเอกสิทธิ์คุ้มครองตามกฎหมาย
ส่วนกระแสข่าวที่ว่า มีกลุ่มบุคคลเข้าไปรับปรุงภูมิทัศน์บ้านพักของนายจักรภพ ในซอยพหลโยธิน 56 ซึ่งคล้ายกับรอการต้อนรับใครบางคนนั้น ตนเองไม่ทราบ
**ปัดข่าวลือลาออกพ้นDSI
นายธาริต กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวจากผู้สื่อข่าวสายอาชญากรรม ว่า ตนจะแถลงข่าวลาออกจากตำแหน่งในช่วงบ่ายวันนี้ (4ส.ค.) ว่า ข่าวลือดังกล่าวไม่มีมูลความจริง ตนไม่มีนัดแถลงข่าวใด ๆ ในวันนี้ และขอยืนยันว่ามีความพร้อมที่จะทำงานร่วมกับรัฐบาลชุดใหม่ ภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย เนื่องจากเป็นข้าราชการประจำมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามนโยบายของฝ่ายบริหาร
** “ใจ”โผล่เวป ทวงบุญคุณให้เสื้อแดง
ขณะที่ เว็บไซต์ประชาไทได้เผยแพร่บทความในหัวข้อ “ไปให้ (เกือบ) สุดกับ ‘ใจ อึ๊งภากรณ์’ : ‘เสื้อแดงสังคมนิยม’ ขอทวงความยุติธรรมและประชาธิปไตยจากรัฐบาลใหม่ของคุณยิ่งลักษณ์” ของนายใจ ใจลส์ อึ๊งภากรณ์ อดีตอาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ และผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่หลบหนีคดีอยู่ในต่างประเทศ โดยกล่าวว่าพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง เพราะคนเสื้อแดงเคลื่อนไหวต่อสู้และเสียสละ มาตลอดช่วงรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตอนนี้เมื่อเห็น ส.ส. และคณะรัฐมนตรีใหม่แต่งชุดเครื่องแบบสีขาวเดินเข้ารัฐสภาตามธรรมเนียมอำมาตย์ แต่คนเหล่านี้จะไม่มีตำแหน่งดังกล่าว ถ้าไม่มีขบวนการเสื้อแดง ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่จะต้องเตือนความจำรัฐบาลใหม่ว่า คนเหล่านี้จะต้องตอบแทนบุญคุณของมวลชนประชาชน
ตนขอทวงความยุติธรรมและประชาธิปไตย คือ ต้องปล่อยนักโทษการเมืองเสื้อแดงทุกคน ไม่ใช่แค่แกนนำ และไม่ใช่แค่การประกันตัว แต่ต้องเลิกคดี เพราะเห็นว่าเป็นข้อหาทางการเมืองทั้งสิ้น และอ้างว่าคนเสื้อแดงไม่ได้ทำความผิด รวมทั้งต้องปล่อยนักโทษกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มาตรา 112 และยกเลิกกฎหมายดังกล่าวพร้อมกับ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 (พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ) โดยอ้างว่ากฎหมายดังกล่าวรวมถึงกฎหมายหมิ่นศาล เป็นอุปสรรคต่อเสรีภาพในการแสดงออก เสรีภาพทางวิชาการ และความสามารถที่จะตรวจสอบองค์กรของรัฐ เพื่อความโปรงใส และอ้างว่ากฎหมายเหล่านี้ไม่มีในประเทศประชาธิปไตย ซึ่งไม่สามารถสร้างประชาธิปไตยแท้ได้ ถ้ายังมีกฎหมายนี้อยู่ และไม่สามารถร่วมกันกำหนดอนาคตของระบบการปกครองไทยได้อีกด้วย ทั้งนี้ รัฐบาลใหม่ต้องเลิกเซ็นเซอร์สื่ออย่างที่มีตั้งแต่ช่วงรัฐประหาร 19 กันยายน 2549
ต่อมา นายใจเรียกร้องให้สร้างมาตรฐานสิทธิมนุษยชน โดยการนำนักการเมืองและนายพล (ทหาร) ที่มีส่วนในการสลายการชุมนุมที่ผ่านฟ้าและราชประสงค์มาขึ้นศาล อย่างที่ประเทศ อียิปต์ เกาหลีใต้ และประเทศอื่นทำ และต้องนำนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี, นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีต ผบ.ทบ. และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.คนปัจจุบันมาขึ้นศาลโดยเร็ว
นายใจกล่าวในตอนท้ายว่า ถ้ารัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เลือกที่จะหักหลังมวลชนเสื้อแดง และหันไปจับมือ “ปรองดอง” กับอำมาตย์ คนเสื้อแดงควรออกมาชุมนุมใหญ่จนกว่าจะได้ความยุติธรรมและประชาธิปไตย ซึ่งคนเสื้อแดงจะมีพลังยิ่งใหญ่ถ้าจับมือกับขบวนการแรงงาน และทหารเกณฑ์ระดับล่างในการต่อสู้ และเห็นว่า วีรชนคนเสื้อแดงต้องไม่ตายเปล่า
วานนี้ (4 ส.ค.) ที่รัฐสภา เมื่อเวลาประมาณ 10.00 น. นายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ได้เดินทางมารายงานตัวเป็นส.ส. คนที่ 499 หลังได้รับการรับรองจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง พร้อมให้สัมภาษณ์ถึงการจัดสรรโควต้ารัฐมนตรีในรัฐบาลเพื่อไทยที่ไม่มีแกนนำคนเสื้อแดงอยู่ในโผว่า เรื่องดังกล่าวนั้นแกนนำคนเสื้อแดงประกาศจุดยืนมาตลอดว่า การพิจารณาการเป็นส.ส.ขึ้นอยู่กับกับกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย เพราะการเป็นรัฐมนตรีเป็นเรื่องเล็ก ตนไม่เคยมีเงื่อนไขต่อรองพรรคเพื่อไทยเลยในการมาเป็นรัฐมนตรีและอยากให้เข้าใจว่า แม้การเป็นแกนนำเสื้อแดงแล้วมาเป็นส.ส. อาจทำให้ถูกมองว่า ภาพลักษณ์ไม่ดี แต่นักรบล้วนมีบาดแผลทั้งสิ้น พรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่มีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์ด้วย เพราะก่อนหน้านี้ก็เอานายกษิต ภิรมย์ มาเป็นรัฐมนตรีเช่นกัน
“ตำแหน่งเป็นเรื่องเล็กมาก เหมือนกับว่าขณะนี้มีทางสามแพร่งให้เลือก ทางหนึ่งเป็นส.ส. อีกทางหนึ่งเป็นรัฐมนตรี และทางหนึ่งเป็นคนเสื้อแดง ผมตัดสินใจได้ทันทีเลือกทางคนเสื้อแดง ” นายจตุพร กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีที่แกนนำคนเสื้อแดงไม่ติดโผรัฐมนตรีนั้น เพราะเพื่อไทยต้องการภาพรัฐบาลที่สวยงาม นายจตุพร กล่าวว่า หากเป็นเช่นนั้น ทำไมถึงต้องให้พวกตนลงสมัครรับเลือกตั้ง ให้ลงพื้นที่หาเสียง การให้เหตุผลว่าคนเสื้อแดงทำภาพลักษณ์รัฐบาลไม่ดีนั้น ทำไมก่อนวันที่ 3 ก.ค. ถึงไม่หารือกัน ทั้งนี้ตนเป็นคนปากตรงกับใจ ไม่เคยต่อรองใดๆ หากไม่ได้ก็ไม่มีปัญหา และตนขอเรียกร้องไปยังพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ไม่ควรพูดถึงกรณีดังกล่าวอีก ทั้งนี้ตนมองหน้าตาของรัฐบาลจะได้นั้นต้องให้ประชาชนเป็นที่ตั้ง และซื่อสัตย์กับประชาชน รวมถึงการบริหารประเทศ ไม่ใช่หน้าตาดีแต่ทรยศ แม้กระทั่งคนข้างกายของพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ยังทรยศกันในนาทีสุดท้าย
เมื่อถามว่ากรณีไม่ให้คนเสื้อแดงเป็นรัฐมนตรีเพราะแกนนำพรรคเพื่อไทยเริ่มประนีประนอมกับอำนาจเดิมหรือไม่ นายจตุพร กล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่คะแนนที่พรรคเพื่อไทยได้ 15.7 ล้านเสียงมาจากประชาชน เมื่อชนะเลือกตั้งควรฟังประชาชน ไม่ใช่ฟังอำนาจพิเศษ ทั้งนี้ตนมองว่าสิ่งที่จะเป็นผนังทองแดงกำแพงเหล็กให้กับพรรคเพื่อไทยคือคนเสื้อแดงและประชาชน ไม่เช่นพวกที่มีอำนาจคิดจะยึดอาจเมื่อใดก็ได้
** "คนนอกเสี้ยม! "แม้ว-อ้อ"ขัดแย้ง
เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่ว่าพ.ต.ท.ทักษิณ ขัดแย้งกับคุณหญิงพจมาน ดามาพงษ์ ในประเด็นตั้งรัฐบาล นายจตุพร กล่าวว่า ไม่เป็นความจริง 100 เปอร์เซ็นต์ คนที่ให้ข่าวต้องการเสี้ยมให้ประชาชน, พ.ต.ท.ทักษิณ และคุณหญิงพจมาน มีความเคลือบแคลงใจและแตกแยกกัน
**เดินหน้าคืนยุติธรรมแดง-นิรโทษแม้ว
นายจตุพร กล่าวถึงเจตนารมย์การนิรโทษกรรมให้กับพ.ต.ท.ทักษิณ ในคดีความต่างๆ หลังที่แกนนำคนเสื้อแดงเข้ามาทำหน้าที่ในรัฐสภาว่า ขณะนี้ยังไม่มีเรื่องดังกล่าว ตราบใดที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รักษาการนายกรัฐมนตรี และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รักษาการรองนายกฯ ยังไม่ถูกดำเนินคดีข้อหาบงการฆ่าคน อีกทั้งโทษจำคุก 2 ปีของพ.ต.ท.ทักษิณ ที่ศาลพิพากษาในคดีที่ดินย่านรัชดานั้น เทียบไม่ได้กับคดีบงการฆ่าประชาชน อย่างไรก็ตามประเด็นดังกล่าวตนขอให้สื่อมวลชนเปลี่ยนประเด็นคำถามใหม่ เป็นว่าน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกฯ จะออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้กับนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ หรือไม่
ผู้สื่อข่าวถามถึงประเด็นคืนความยุติธรรมและเป็นธรรมให้กับคนเสื้อแดงที่ถูกจำคุกและเสียชีวิตจากเหตุการณ์การชุมนุมที่ผ่านมา นายจตุพร กล่าวว่า ต้องเป็นไปตามกฎหมาย ซึ่งเรื่องนี้ต้องมีการส่งสำนวนของคดีไปให้อัยการและส่งศาล โดยนายอภิสิทธิ์ และนายสุเทพ ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ไม่มีการละเว้น และที่สำคัญต้องบังคับใช้กฎหมายอย่างตรงไปตรงมา ส่วนกระบวนการหาความจริงที่รัฐบาลใหม่ จะใช้ช่องทางของ คอป. นั้น ก็ให้ดำเนินการไป
**ท้า"เทือก"นั่งฮ.ใครเผาเมืองขอให้ฮ.ตก
นายจตุพร กล่าวถึงเหตุการณ์ 91 ศพ เมื่อเดือนเม.ย.-พ.ค. 2553 และเหตุการณ์การเผาห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ในช่วงเวลาเดียวกันที่ผ่านมา ว่า ถ้านายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล้าอออกจากรู ก็จะขอท้าไปวัดพระแก้ว ไปสาบานกันว่า ใครเผาเซ็นทรัลเวิลด์ ให้ตกนรกหมกไหม้ หรือจะให้ขึ้นฮ.ไปที่แก่งกระจาน ถ้าใครเผาจริงก็ขอให้ฮ.ตก
**พร้อมให้ศาลรธน.ตีความสถานะ
นายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ระบุ กกต. เตรียมยื่นเรื่องให้ประธานสภาฯ เพื่อส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานภาพ ส.ส.ของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ว่า หาก กกต.ทำเรื่องเข้ามา ตนพร้อมพิจารณาตามขั้นตอน ส่วนที่หลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีการยื้อเวลา เพราะตนและนายจตุพรเป็นคนพรรคเพื่อไทยนั้น ตนให้ความมั่นใจว่าจะไม่ทำเช่นนั้น เพราะหน้าที่ของสภาฯ คือ บุรุษไปรษณีย์ ส่วนกำหนดระยะเวลาส่งเรื่องนั้น ตนยังไม่สามารถระบุได้
**กกต.แจงเหตุไม่ตัดสิทธิ “คุณตู่”
ด้านสำนักประชาสัมพันธ์ สำนักงานกกต. ได้ออกเอกสารชี้แจง กรณีการประกาศรับรองผลการเลือกตั้งนายจตุพร พรหมพันธุ์ เป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย โดยระบุว่า ตามที่มีการวิพากษ์วิจารณ์การทำหน้าที่ของ กกต. ว่าปฏิบัติหน้าที่ 2 มาตรฐาน ด้วยการหยิบประเด็นหนึ่งไปเชื่อมโยงกับอีกประเด็นหนึ่งจึงทำให้เนื้อหาข่าวเกิดความคลาดเคลื่อนขัดกับหลักข้อเท็จจริง ซึ่งกรณีของนายยุทธพงษ์ แสงศรี ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่ถูกกกต.ตัดสิทธิการเป็นสมัครเนื่องจากพบว่าไม่เป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยนั้นมาเปรียบเทียบกับกรณีของนายจตุพร นั้นไม่สามารถทำได้ เนื่องจาก กรณีของนายยุทธพงษ์ แสงศรี ได้มีการตรวจสอบคุณสมบัติก่อนประกาศรายชื่อเป็นผู้สมัครรับเลือกตั้ง และพบว่าได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยไปแล้ว จึงทำให้ขาดคุณสมบัติตามมาตรา 101(3) ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งแตกต่างจากกรณีของนายจตุพร ที่มีเหตุต้องพิจารณาเรื่องคุณสมบัติการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยว่าจะมีอยู่ในวันเลือกตั้งหรือหลังวันเลือกตั้งหรือไม่ ซึ่งเมื่อพิจารณาไม่แล้วเสร็จภายใน 30 วัน นับแต่วันเลือกตั้ง จึงต้องประกาศรับรองผลตามกรอบที่กฎหมายกำหนด โดยดำเนินการสอบสวนอย่างต่อเนื่องให้แล้วเสร็จ เพื่อวินิจฉัยต่อไป
**ปชป.แนะ ปู กำหนดท่าทีแดงไม่ให้สับสน
ที่พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ปชป. กล่าวถึงกรณีนางธิดา ถาวรเศรษฐ รักษาการประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เรียกร้องให้รัฐบาลชุดใหม่ปล่อยคนเสื้อแดงที่ถูกจำคุกอยู่ทั่วประเทศ เพื่อความปรองดองว่า การปรองดองกับการปล่อยคนเสื้อแดงเป็นคนล่ะเรื่องกัน เพราะการพิจารณาปล่อยตัวผู้กระทำความผิดอยู่ที่ดุลพินิจของศาล
นอกจากนี้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในฐานะผู้นำรัฐบาล ต้องกำหนดท่าทีระหว่างรัฐบาลและกลุ่ม นปช.ให้ชัด เพื่อไม่ให้สังคมเกิดความสับสนว่า สุดท้ายแล้วความสัมพันธ์ระหว่างพรรคเพื่อไทยกับกลุ่มคนเสื้อแดงเป็นอย่างไร
**ดีเอสไอ รอ นปช.มอบตัว 17 ส.ค.
นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยภายหลังจากสถานการณ์ทางการเมืองเริ่มคลี่คลาย และจะได้รัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยในเร็วๆ นี้นั้น ล่าสุดทางแกนนำคนสำคัญของ นปช.ที่ยังหลบหนีคีดก่อการร้าย โดยตั้งแต่เกิดเหตุสลายการชุมนุม 19 พ.ค.53 เช่น นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง นายจักรภพ เพ็ญแข นั้น ยังไม่มีการติดต่อขอมอบตัวกับดีเอสไอ แม้แต่คนเดียว ซึ่งทางตนเองก็พร้อมรับการมอบตัวในฐานะเจ้าพนักงานอยู่แล้ว
ส่วนความคืบหน้าการแจ้งข้อกล่าวหาคดีหมิ่นเบื้องสูง (ล้มเจ้า) กับแกนนำ นปช.ทั้ง 19 คนนั้น ดีเอสไอได้นัดให้แกนนำ นปช.ทั้งหมดเดินทางมารับทราบข้อกล่าวหาในวันที่ 17 ส.ค.นี้เช่นเดิม ส่วนแกนนำ นปช.รายใดที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.)และมีหนังสือรับรองอย่างเป็นทางการแล้วจะมารายงานตัวต่อดีเอสไอหรือไม่ก็ได้ ถือว่าเป็นสิทธิของแต่ละท่าน เพราะการเป็น ส.ส.จะมีเอกสิทธิ์คุ้มครองตามกฎหมาย
ส่วนกระแสข่าวที่ว่า มีกลุ่มบุคคลเข้าไปรับปรุงภูมิทัศน์บ้านพักของนายจักรภพ ในซอยพหลโยธิน 56 ซึ่งคล้ายกับรอการต้อนรับใครบางคนนั้น ตนเองไม่ทราบ
**ปัดข่าวลือลาออกพ้นDSI
นายธาริต กล่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวจากผู้สื่อข่าวสายอาชญากรรม ว่า ตนจะแถลงข่าวลาออกจากตำแหน่งในช่วงบ่ายวันนี้ (4ส.ค.) ว่า ข่าวลือดังกล่าวไม่มีมูลความจริง ตนไม่มีนัดแถลงข่าวใด ๆ ในวันนี้ และขอยืนยันว่ามีความพร้อมที่จะทำงานร่วมกับรัฐบาลชุดใหม่ ภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย เนื่องจากเป็นข้าราชการประจำมีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามนโยบายของฝ่ายบริหาร
** “ใจ”โผล่เวป ทวงบุญคุณให้เสื้อแดง
ขณะที่ เว็บไซต์ประชาไทได้เผยแพร่บทความในหัวข้อ “ไปให้ (เกือบ) สุดกับ ‘ใจ อึ๊งภากรณ์’ : ‘เสื้อแดงสังคมนิยม’ ขอทวงความยุติธรรมและประชาธิปไตยจากรัฐบาลใหม่ของคุณยิ่งลักษณ์” ของนายใจ ใจลส์ อึ๊งภากรณ์ อดีตอาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ และผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพที่หลบหนีคดีอยู่ในต่างประเทศ โดยกล่าวว่าพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง เพราะคนเสื้อแดงเคลื่อนไหวต่อสู้และเสียสละ มาตลอดช่วงรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ตอนนี้เมื่อเห็น ส.ส. และคณะรัฐมนตรีใหม่แต่งชุดเครื่องแบบสีขาวเดินเข้ารัฐสภาตามธรรมเนียมอำมาตย์ แต่คนเหล่านี้จะไม่มีตำแหน่งดังกล่าว ถ้าไม่มีขบวนการเสื้อแดง ดังนั้นถึงเวลาแล้วที่จะต้องเตือนความจำรัฐบาลใหม่ว่า คนเหล่านี้จะต้องตอบแทนบุญคุณของมวลชนประชาชน
ตนขอทวงความยุติธรรมและประชาธิปไตย คือ ต้องปล่อยนักโทษการเมืองเสื้อแดงทุกคน ไม่ใช่แค่แกนนำ และไม่ใช่แค่การประกันตัว แต่ต้องเลิกคดี เพราะเห็นว่าเป็นข้อหาทางการเมืองทั้งสิ้น และอ้างว่าคนเสื้อแดงไม่ได้ทำความผิด รวมทั้งต้องปล่อยนักโทษกฎหมายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ มาตรา 112 และยกเลิกกฎหมายดังกล่าวพร้อมกับ พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 (พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ) โดยอ้างว่ากฎหมายดังกล่าวรวมถึงกฎหมายหมิ่นศาล เป็นอุปสรรคต่อเสรีภาพในการแสดงออก เสรีภาพทางวิชาการ และความสามารถที่จะตรวจสอบองค์กรของรัฐ เพื่อความโปรงใส และอ้างว่ากฎหมายเหล่านี้ไม่มีในประเทศประชาธิปไตย ซึ่งไม่สามารถสร้างประชาธิปไตยแท้ได้ ถ้ายังมีกฎหมายนี้อยู่ และไม่สามารถร่วมกันกำหนดอนาคตของระบบการปกครองไทยได้อีกด้วย ทั้งนี้ รัฐบาลใหม่ต้องเลิกเซ็นเซอร์สื่ออย่างที่มีตั้งแต่ช่วงรัฐประหาร 19 กันยายน 2549
ต่อมา นายใจเรียกร้องให้สร้างมาตรฐานสิทธิมนุษยชน โดยการนำนักการเมืองและนายพล (ทหาร) ที่มีส่วนในการสลายการชุมนุมที่ผ่านฟ้าและราชประสงค์มาขึ้นศาล อย่างที่ประเทศ อียิปต์ เกาหลีใต้ และประเทศอื่นทำ และต้องนำนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี, นายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี, พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา อดีต ผบ.ทบ. และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.คนปัจจุบันมาขึ้นศาลโดยเร็ว
นายใจกล่าวในตอนท้ายว่า ถ้ารัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เลือกที่จะหักหลังมวลชนเสื้อแดง และหันไปจับมือ “ปรองดอง” กับอำมาตย์ คนเสื้อแดงควรออกมาชุมนุมใหญ่จนกว่าจะได้ความยุติธรรมและประชาธิปไตย ซึ่งคนเสื้อแดงจะมีพลังยิ่งใหญ่ถ้าจับมือกับขบวนการแรงงาน และทหารเกณฑ์ระดับล่างในการต่อสู้ และเห็นว่า วีรชนคนเสื้อแดงต้องไม่ตายเปล่า