xs
xsm
sm
md
lg

KBANKปรับแผนรุกเอสเอ็มอี ล่อใจลูกค้าใหม่-โกยรายได้ค่าฟี

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - กสิกรฯปรับกลยุทธรุกเอสเอ็มอี หันเน้นดึงลูกค้ารายใหม่-หารายได้ค่าธรรมเนียม เปิดบริการ "สินเชื่อเอสเอ็มอี ซูเปอร์เทรด"ให้วงเงินสูงสุด 140 ล้าน ตั้งเป้าปล่อยกู้ 5พันล้าน

นายปกรณ์ พรรธนะแพทย์ รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย (จำกัด)(มหาชน) (KBANK) เปิดเผยว่า แผนธุรกิจของธนาคารในช่วงที่เหลือของปีนี้ ในส่วนของผู้ประกอบการขนาดกลางและย่อม(เอสเอ็มอี)จะเน้นขยายฐานลูกค้ารายใหม่ พร้อมกับหารายได้จากค่าธรรมเนียมเป็นหลัก เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาแม้ว่าสินเชื่อเอสเอ็มอีของธนาคารจะเพิ่มขึ้น แต่จำนวนลูกค้ารายใหม่และรายได้ค่าธรรมเนียมยังเพิ่มขึ้นไม่มากนัก โดยธนาคารตั้งเป้าให้มีลูกค้าใหม่ในสัดส่วน 50%ของลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมจากธุรกิจเอสเอ็มอีเพิ่มขึ้น 18-20% หรือมีสัดส่วนเพิ่มเป็น 25%ของรายได้รวมธุรกิจเอสเอ็มอี จากเดิมที่อยู่ในระดับ 24%

"ช่วงที่ผ่านสินเชื่อเราขยายได้ดี เรามีผลิตภัณฑ์มากมายที่สามารถตอบโจทย์ลูกค้าได้ แต่ถ้าเราจะรักษามาเก็ตแชร์อันดับหนึ่งก็ต้องโตขึ้นแล้วก็มีลูกค้าใหม่เข้ามาด้วย ในปีนี้เราคาดว่าจะเพิ่มมาเก็ตแชร์เป็น 30%จากเดิม 29% พร้อมกันก็เป็นนโยบายของธนาคารที่ต้องการจะเน้นรายได้ค่าฟีด้วย"

ล่าสุด ธนาคารได้ออก สินเชื่อเอสเอ็มอี ซูเปอร์เทรด (SME Super Trade)ให้บริการทางการเงินแก่เอสเอ็มอีที่ทำการค้าระหว่างประเทศทั้งการส่งออกและนำเข้า โดยให้ทั้งวงเงินที่ใช้ผลิตสินค้าก่อนการส่งออก และวงเงินที่ใช้หลังการส่งออก ที่จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับธุรกิจ โดยกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่ทำธุรกิจนำเข้า-ส่งออกมียอดขาย 50-400 ล้านบาทต่อปี วงเงินให้สินเชื่อสูงสุดถึง 140 ล้านบาท ใช้สถานที่ประกอบการเป็นหลักค้ำประกัน และตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อโครงการดังกล่าว 5,000 ล้านบาทในสิ้นปีนี้

"ความคาดหวังสำหรับโครงการนี้นอกจากจะลูกค้ารายใหม่แล้ว ยังน่าจะได้รายได้ค่าธรรมเนียมจะธุรกรรมเทรดไฟแนนซ์ด้วย"

ทั้งนี้ พอร์ตสินเชื่อเทรดไฟแนนซ์ของธนาคารปัจจุบันคิดเป็น 5%ของพอร์ตรวมสินเชื่อเอสเอ็มอี มีมูลค่ารวม 160,000 ล้านบาท เติบโต 30% เป็นส่วนของธุรกิจส่งออก 70,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% ธุรกิจนำเข้า 93,000 ล้านบาท เติบโต 34%

ส่วนผลผระทบจากการการปรับอันดับเครดิตของสหรัฐฯนั้น ธนาคารมองผลกระทบ 2 ด้านได้แก่ ด้านการส่งออก ที่อาจจะทำให้อัตราการเติบโตการส่งออกลดลงเหลือ 12-17% จากเดิมที่คาดไว้ในระดับ 17-22% โดยกลุ่มที่ได้รับกระทบมากจะเป็นส่วนของสินค้าประเภท เครื่องนุ่งห่ม รองเท้า เฟอร์นิเจอร์ และด้านอัตราแลกเปลี่ยน ที่คาดการณ์ว่าแนวโน้มเงินบาทจะแข็งค่าขึ้นต่อเนื่องเฉลี่ยทั้งปีจะอยู่ที่ระดับ 29-30 บาทต่อดอลลาร์

นายปกรณ์กล่าวอีกว่า โดยรวมแล้วกรณีการถูกลดอันดับเครดิตของสหรัฐไม่กระทบกับลูกค้าธนาคารมากนัก เนื่องจากผู้ส่งออกได้พยายามหาตลาดส่งออกใหม่ๆ โดยเฉพาะประเทศในอาเซียน และส่วนหนึ่งผู้ประกอบการก็ได้ซื้อประกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยนไว้ด้วย ซึ่งธนาคารก็แนะนำให้ผู้ประกอบการซื้อไว้ เพื่อเป็นการล็อคต้นทุน
กำลังโหลดความคิดเห็น