ASTVผู้จัดการรายวัน - “พาณิชย์”ขอความร่วมมือตำรวจ จับจริงเริ่ม 10 ส.ค.นี้ ขายหมูเนื้อแดงส่วนไหลและสะโพกเกินราคาควบคุม ปรับ 5 แสน คุก 1 ปี พร้อมไล่บี้ห้าง ร้านสะดวกซื้อ ขายตามราคาควบคุม ส่วนที่ตลาดหาดใหญ่เปิดขายตามปกติแล้ว หลังรวมตัวกันหยุดกว่า 200 เขียง โดยวันแรกราคาจำหน่ายต่ำกว่าที่กกร.เข้ามาควบคุม 2 บาท/ก.ก. ขณะที่ แม่ค้าในตลาดสดเมืองมหาสารคาม ลั่นไม่ลดราคาลงตามที่รัฐมีการควบคุมราคา อ้างต้นทุนสูง วอนรัฐบาลชุดใหม่เร่งหามาตรการช่วยเหลือ
นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ประสานไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้แจ้งไปยังสถานีตำรวจทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ดำเนินการจับกุมผู้ที่จำหน่ายเนื้อหมูเกินราคาควบคุมสูงสุดที่กำหนดไว้ โดยจะเริ่มจับกุมจริงตั้งแต่วันที่ 10 ส.ค.นี้ เป็นต้นไป โดยมีโทษปรับไม่เกิน 5 แสนบาท จำคุก 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ หลังจากที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ได้อนุมัติให้ใช้มาตรการตามกฎหมายกำหนดราคาเพดานสูงสุดหมูทั้งระบบ ตั้งแต่วันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา และหลังจากนั้น ได้ให้ระยะเวลาผู้ประกอบการในการปรับตัวพอสมควรแล้ว
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบสถานการณ์จำหน่ายหมูจนถึงขณะนี้ พบว่า พื้นที่มีการขายเกินราคาควบคุมส่วนใหญ่อยู่ในต่างจังหวัด ซึ่งเจ้าหน้าที่กรมฯ ได้ตักเตือนไปแล้ว ส่วนพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ราคาหมูอยู่ในเกณฑ์ที่กรมฯ กำหนด
สำหรับราคาหมูที่ควบคุมนั้น จะควบคุมเฉพาะเนื้อแดงในส่วนของไหล่และสะโพก โดยพื้นที่กรุงเทพฯ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก ราคาอยู่ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 152 บาท ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กก.ละ 157 บาท และภาคใต้ กก.ละ 162 บาท ส่วนเนื้อส่วนอื่นๆ ไม่ได้คุมราคาสูงสุด โดยเฉพาะเนื้อสันในที่จะมีราคาสูงกว่าเนื้อไหล่และสะโพกอยู่แล้ว เนื่องจากหมู 1 ตัว มีเนื้อสันในเพียง 2 กก.เท่านั้น จึงไม่ได้ควบคุมราคา ถือเป็นเนื้อหมูชนิดพิเศษ แต่ผู้ประกอบการจะต้องติดป้ายแสดงราคาให้ชัดเจน เพื่อให้ผู้บริโภคได้เข้าใจ
**เชื่อต้นทุนอาหารสัตว์ยังไม่สูงขึ้น
นางวัชรีกล่าวว่า ราคาเนื้อหมูที่ปรับตัวสูงขึ้นนั้น เป็นผลมาจากโรคระบาดทำให้ผลผลิตหมูสูญเสียมากขึ้น โดยปริมาณผลผลิตหมูเป็นลดลงกว่า 26% จากปกติที่ต้องออกสู่ตลาดวันละ 40,000 ตัว ลดเหลือวันละ 32,000 ตัว และยิ่งอากาศผันผวน ทั้งฝนตก อากาศร้อน ก็ยิ่งมีผลกระทบทำให้หมูโตช้าอีก ซึ่งปัญหาหมูมีราคาแพง อาจจะทรงตัวไปอีกระยะหนึ่ง จนกว่าหมูเล็กที่เลี้ยงใหม่จะเข้าสู่ระบบ ส่วนราคาอาหารสัตว์ยังไม่ใช่ปัจจัยที่ทำให้ต้นทุนการเลี้ยงปศุสัตว์สูงขึ้น เพราะขณะนี้ราคาอาหารสัตว์ทรงตัว และมีแนวโน้มลดลงเล็กน้อย
ส่วนกรณีที่ประชาชนได้ร้องเรียนว่าเนื้อหมูแพ็คถาดตามห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อ เช่น ซีพี เฟรท มาร์ท, ท็อป เดลี่ มีการจำหน่ายเนื้อหมูสะโพก และหัวไหล่ สูงกว่าราคาควบคุมของกรมฯ นั้น ต่อไปจะให้ทุกร้านติดป้ายราคาแยกแยะเนื้อหมูอย่างชัดเจนว่าเป็นต้นทุนค่าแพ็คเก็จ ค่าถาด ค่าบริหารจัดการเท่าไร และต้นทุนเนื้อหมูเท่าไร แต่ราคาเนื้อหมูต้องไม่เกินราคาที่ภาครัฐกำหนดไว้กก.ละ 152 บาท เพื่อให้ผู้บริโภคแยกแยะและตัดสินใจได้ ตัวอย่างหากขายหมูแพ็ค 70 บาท ต้องระบุไปให้ชัดต้นทุนหมู 50 บาท และแพ็คเกจ 20 บาท เพื่อให้ผู้บริโภครู้ว่าสมควรจะซื้อเนื้อหมูมาจากร้านสะดวกซื้อมาบริโภคหรือไม่
สำหรับการดูแลราคาสินค้าในช่วงสารทจีน กรมฯ จะเข้าไปดูแลราคาสินค้าให้ประชาชนได้รับความเป็นธรรม เพราะในช่วงนี้ของเซ่นไหว์อาจมีราคาสูงขึ้นกว่าเทศกาลสารทจีนปีที่ผ่านมา ซึ่งกรมฯ มีข้อเสนอแนะให้ประชาชนควรเลือกใช้โปรตีนประเภทอื่นในการเซ่นไหว้ เพื่อบรรเทาผลกระทบ ส่วนราคาผักและผลไม้มีทั้งราคาเพิ่มขึ้นและลดลงจากปีที่ผ่าน โดยกรมฯ จะเข้าไปดูแลการเชื่อมโยงแหล่งผลิตไปยังตลาดให้ถึงมือประชาชน เพื่อไม่ให้เกิดภาวะขาดแคลน หลังจากที่เกิดสถานการณ์น้ำท่วมหลายพื้นที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับราคาขายปลีกเนื้อหมูประเทศในแถบอาเซียน พบว่า ราคาเนื้อหมูของไทยยังต่ำกว่าหลายประเทศ เช่น สิงคโปร์ จำหน่ายกก.ละ 294 บาท มาเลเซีย 175-180 บาท พม่า 200 บาท ลาว 170 บาท กัมพูชา 160 บาท บรูไน 288 บาท และจีน 220 บาท เป็นต้น
**เขียงหมูหาดใหญ่เปิดขายแล้ว
วานนี้(8 ส.ค.)พ่อค้า-แม่ค้าเขียงหมูหาดใหญ่ตลาดสดใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 4 แห่งได้แก่ กิมหยง ตลาดสด คลองเรียน และหาดใหญ่ในได้เปิดขายเนื้อหมูสดตามปกติแล้ว หลังจากที่รวมตัวกันกว่า 200 เขียงหยุดจำหน่ายเนื้อหมูตั้งระหว่างวันที่ 3-7 ส.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากประสบปัญหาราคาหมูหน้าฟาร์มปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องกว่า 20 บาท ในรอบ 2 เดือน ขณะเดียวกันร้านอาหารที่ต้องใช้หมูเป็นวัตถุดิบหลักในการปรุง ซึ่งได้หยุดจำหน่ายอาหารชั่วคราวในห้วงเวลาดังกล่าว เช่น ร้านข้าวหมูแดง, ก๋วยเตี๋ยว เป็นต้น ก็ได้เปิดให้บริการตามปกติ
ทั้งนี้ ระหว่างที่มีผู้ประกอบการเขียงหมูได้หยุดจำหน่ายชั่วคราวนั้น ได้มีการหารือว่าจะทำการหยุดต่อจากเดิมหรือไม่ตามที่ผู้ประกอบการหลายคนเสนอ แต่ท้ายที่สุดก็ตัดสินใจไม่หยุดเพิ่มเป็น 15 วันตามที่มีกระแสข่าวก่อนหน้านี้ และทดลองตามแนวทางการแก้ไขของคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ หรือ กกร. ที่กำหนดให้ภาคใต้จำหน่ายหมูเป็นหน้าฟาร์มไม่เกิน ก.ก.ละ 87 บาท ส่วนเนื้อหมูไม่เกิน ก.ก.ละ 162 บาท และในวันนี้ราคาจำหน่ายหมูเนื้อแดงของตลาดพลาซ่าหาดใหญ่อยู่ที่กิโลกรัมละ 160 บาท
จากการลงพื้นที่ตลาดสดพลาซา 3 เทศบาลนครหาดใหญ่ จากการสอบถามแม่ค้าขายหมูรายหนึ่ง กล่าวว่า การหยุดขายเนื้อหมูที่ผ่านมาไม่ได้ทำให้หมูมีราคาถูกลงเลย กลับกันตอนนี้ราคาเนื้อหมูบางประเภทกลับมีราคาเพิ่มขึ้นอีก 10 บาทต่อกิโลกรัม
การหยุดขายที่ผ่านมา เหมือนกับพวกพ่อค้าแม่ค้าได้ปรับตัวและให้ลูกค้าได้ปรับตัวในเรื่องของราคาหมูที่เพิ่มขึ้น ซึ่งตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาราคาหมูปรับขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่กิโลกรัมละ 120 บาท จนถึงขณะนี้ กิโลกรัมละ 160 บาท และยังมีแนวโน้มว่าจะขึ้นสูงถึงกิโลกรัมละ 200 บาท
“หากเป็นอย่างนี้ต่อไปก็ไม่รู้จะอยู่อย่างไร อยากเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเร่งแก้ไขเรื่องราคาหมูให้ลดลงอย่างเร็วที่สุด เพราะตอนนี้ยอดขายลดลงครึ่งต่อครึ่ง หากเป็นอย่างนี้ต่อไปพ่อค้าแม่ค้าหมูก็จะอยู่ไม่ได้ จะเปลี่ยนไปขายอย่างอื่นก็ไม่ได้เพราะขายเนื้อหมูมาหลายสิบปีแล้ว รวมถึงผู้บริโภคเองก็มีผลกระทบด้วย” เจ้าของเขียงหมูกล่าว
**เขียงหมูในมหาสารคามลั่นไม่ลดราคา
ด้านนางรัตนาภรณ์ มังกร แม่ค้าเขียงหมูในตลาดสดเทศบาลเมืองมหาสารคาม จ.มหาสารคาม กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลกำหนดควบบคุมราคาเนื้อหมูให้ขายไม่เกินกิโลกรัมละ 152 บาท ซึ่งทางร้านไม่สามารถปรับลดราคาลงได้ เนื่องจากต้นทุนสูงและต้องมีค่าใช้จ่ายอย่างอื่น เช่น ค่าน้ำแข็ง ค่าแผงที่ต้องเช่า ซึ่งต้นทุนราคาเนื้อหมูมาส่งอยู่ที่กิโลกรัมละ 150 บาท ราคาจำหน่ายอยู่ที่กิโลกรัมละ 160 บาท
โดยราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มอยู่ที่กิโลกรัมละ 82 บาท ทำให้ต้นทุนเนื้อหมูขยับขึ้นตาม ซึ่งทางฟาร์มหมูอ้างว่า หมูขาดตลาด โตไม่ทัน ทำให้มีราคาสูงขึ้น ซึ่งเมื่อก่อนเคยขายหมูได้วันละกว่า 100 กิโลกรัม แต่ตั้งแต่ตอนที่หมูแพง ขายได้เพียงวันละไม่ถึง 50 กิโลกรัม
"อยากให้รัฐบาลชุดใหม่ที่กำลังจะเข้ามาบริหารประเทศ เร่งช่วยทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ ออกมาตรการควบคุมราคาอาหารสัตว์ ไม่ให้มีราคาแพงเกิน ต้นทุนจะได้ลดลง เพราะว่าตอนนี้ ราคาสินค้าทุกอย่างปรับขึ้น เพื่อไปรอค่าแรงวันละ 300 บาทที่รัฐบาลใหม่เคยประกาศเอาไว้ตอนหาสียงแล้ว"
นางวัชรี วิมุกตายน อธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า กรมฯ ได้ประสานไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อให้แจ้งไปยังสถานีตำรวจทุกพื้นที่ทั่วประเทศ ดำเนินการจับกุมผู้ที่จำหน่ายเนื้อหมูเกินราคาควบคุมสูงสุดที่กำหนดไว้ โดยจะเริ่มจับกุมจริงตั้งแต่วันที่ 10 ส.ค.นี้ เป็นต้นไป โดยมีโทษปรับไม่เกิน 5 แสนบาท จำคุก 1 ปี หรือทั้งจำทั้งปรับ หลังจากที่คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) ได้อนุมัติให้ใช้มาตรการตามกฎหมายกำหนดราคาเพดานสูงสุดหมูทั้งระบบ ตั้งแต่วันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา และหลังจากนั้น ได้ให้ระยะเวลาผู้ประกอบการในการปรับตัวพอสมควรแล้ว
ทั้งนี้ จากการตรวจสอบสถานการณ์จำหน่ายหมูจนถึงขณะนี้ พบว่า พื้นที่มีการขายเกินราคาควบคุมส่วนใหญ่อยู่ในต่างจังหวัด ซึ่งเจ้าหน้าที่กรมฯ ได้ตักเตือนไปแล้ว ส่วนพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล ราคาหมูอยู่ในเกณฑ์ที่กรมฯ กำหนด
สำหรับราคาหมูที่ควบคุมนั้น จะควบคุมเฉพาะเนื้อแดงในส่วนของไหล่และสะโพก โดยพื้นที่กรุงเทพฯ ภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคตะวันตก ราคาอยู่ที่กิโลกรัม (กก.) ละ 152 บาท ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กก.ละ 157 บาท และภาคใต้ กก.ละ 162 บาท ส่วนเนื้อส่วนอื่นๆ ไม่ได้คุมราคาสูงสุด โดยเฉพาะเนื้อสันในที่จะมีราคาสูงกว่าเนื้อไหล่และสะโพกอยู่แล้ว เนื่องจากหมู 1 ตัว มีเนื้อสันในเพียง 2 กก.เท่านั้น จึงไม่ได้ควบคุมราคา ถือเป็นเนื้อหมูชนิดพิเศษ แต่ผู้ประกอบการจะต้องติดป้ายแสดงราคาให้ชัดเจน เพื่อให้ผู้บริโภคได้เข้าใจ
**เชื่อต้นทุนอาหารสัตว์ยังไม่สูงขึ้น
นางวัชรีกล่าวว่า ราคาเนื้อหมูที่ปรับตัวสูงขึ้นนั้น เป็นผลมาจากโรคระบาดทำให้ผลผลิตหมูสูญเสียมากขึ้น โดยปริมาณผลผลิตหมูเป็นลดลงกว่า 26% จากปกติที่ต้องออกสู่ตลาดวันละ 40,000 ตัว ลดเหลือวันละ 32,000 ตัว และยิ่งอากาศผันผวน ทั้งฝนตก อากาศร้อน ก็ยิ่งมีผลกระทบทำให้หมูโตช้าอีก ซึ่งปัญหาหมูมีราคาแพง อาจจะทรงตัวไปอีกระยะหนึ่ง จนกว่าหมูเล็กที่เลี้ยงใหม่จะเข้าสู่ระบบ ส่วนราคาอาหารสัตว์ยังไม่ใช่ปัจจัยที่ทำให้ต้นทุนการเลี้ยงปศุสัตว์สูงขึ้น เพราะขณะนี้ราคาอาหารสัตว์ทรงตัว และมีแนวโน้มลดลงเล็กน้อย
ส่วนกรณีที่ประชาชนได้ร้องเรียนว่าเนื้อหมูแพ็คถาดตามห้างสรรพสินค้าและร้านสะดวกซื้อ เช่น ซีพี เฟรท มาร์ท, ท็อป เดลี่ มีการจำหน่ายเนื้อหมูสะโพก และหัวไหล่ สูงกว่าราคาควบคุมของกรมฯ นั้น ต่อไปจะให้ทุกร้านติดป้ายราคาแยกแยะเนื้อหมูอย่างชัดเจนว่าเป็นต้นทุนค่าแพ็คเก็จ ค่าถาด ค่าบริหารจัดการเท่าไร และต้นทุนเนื้อหมูเท่าไร แต่ราคาเนื้อหมูต้องไม่เกินราคาที่ภาครัฐกำหนดไว้กก.ละ 152 บาท เพื่อให้ผู้บริโภคแยกแยะและตัดสินใจได้ ตัวอย่างหากขายหมูแพ็ค 70 บาท ต้องระบุไปให้ชัดต้นทุนหมู 50 บาท และแพ็คเกจ 20 บาท เพื่อให้ผู้บริโภครู้ว่าสมควรจะซื้อเนื้อหมูมาจากร้านสะดวกซื้อมาบริโภคหรือไม่
สำหรับการดูแลราคาสินค้าในช่วงสารทจีน กรมฯ จะเข้าไปดูแลราคาสินค้าให้ประชาชนได้รับความเป็นธรรม เพราะในช่วงนี้ของเซ่นไหว์อาจมีราคาสูงขึ้นกว่าเทศกาลสารทจีนปีที่ผ่านมา ซึ่งกรมฯ มีข้อเสนอแนะให้ประชาชนควรเลือกใช้โปรตีนประเภทอื่นในการเซ่นไหว้ เพื่อบรรเทาผลกระทบ ส่วนราคาผักและผลไม้มีทั้งราคาเพิ่มขึ้นและลดลงจากปีที่ผ่าน โดยกรมฯ จะเข้าไปดูแลการเชื่อมโยงแหล่งผลิตไปยังตลาดให้ถึงมือประชาชน เพื่อไม่ให้เกิดภาวะขาดแคลน หลังจากที่เกิดสถานการณ์น้ำท่วมหลายพื้นที่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับราคาขายปลีกเนื้อหมูประเทศในแถบอาเซียน พบว่า ราคาเนื้อหมูของไทยยังต่ำกว่าหลายประเทศ เช่น สิงคโปร์ จำหน่ายกก.ละ 294 บาท มาเลเซีย 175-180 บาท พม่า 200 บาท ลาว 170 บาท กัมพูชา 160 บาท บรูไน 288 บาท และจีน 220 บาท เป็นต้น
**เขียงหมูหาดใหญ่เปิดขายแล้ว
วานนี้(8 ส.ค.)พ่อค้า-แม่ค้าเขียงหมูหาดใหญ่ตลาดสดใน อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา 4 แห่งได้แก่ กิมหยง ตลาดสด คลองเรียน และหาดใหญ่ในได้เปิดขายเนื้อหมูสดตามปกติแล้ว หลังจากที่รวมตัวกันกว่า 200 เขียงหยุดจำหน่ายเนื้อหมูตั้งระหว่างวันที่ 3-7 ส.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากประสบปัญหาราคาหมูหน้าฟาร์มปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องกว่า 20 บาท ในรอบ 2 เดือน ขณะเดียวกันร้านอาหารที่ต้องใช้หมูเป็นวัตถุดิบหลักในการปรุง ซึ่งได้หยุดจำหน่ายอาหารชั่วคราวในห้วงเวลาดังกล่าว เช่น ร้านข้าวหมูแดง, ก๋วยเตี๋ยว เป็นต้น ก็ได้เปิดให้บริการตามปกติ
ทั้งนี้ ระหว่างที่มีผู้ประกอบการเขียงหมูได้หยุดจำหน่ายชั่วคราวนั้น ได้มีการหารือว่าจะทำการหยุดต่อจากเดิมหรือไม่ตามที่ผู้ประกอบการหลายคนเสนอ แต่ท้ายที่สุดก็ตัดสินใจไม่หยุดเพิ่มเป็น 15 วันตามที่มีกระแสข่าวก่อนหน้านี้ และทดลองตามแนวทางการแก้ไขของคณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ หรือ กกร. ที่กำหนดให้ภาคใต้จำหน่ายหมูเป็นหน้าฟาร์มไม่เกิน ก.ก.ละ 87 บาท ส่วนเนื้อหมูไม่เกิน ก.ก.ละ 162 บาท และในวันนี้ราคาจำหน่ายหมูเนื้อแดงของตลาดพลาซ่าหาดใหญ่อยู่ที่กิโลกรัมละ 160 บาท
จากการลงพื้นที่ตลาดสดพลาซา 3 เทศบาลนครหาดใหญ่ จากการสอบถามแม่ค้าขายหมูรายหนึ่ง กล่าวว่า การหยุดขายเนื้อหมูที่ผ่านมาไม่ได้ทำให้หมูมีราคาถูกลงเลย กลับกันตอนนี้ราคาเนื้อหมูบางประเภทกลับมีราคาเพิ่มขึ้นอีก 10 บาทต่อกิโลกรัม
การหยุดขายที่ผ่านมา เหมือนกับพวกพ่อค้าแม่ค้าได้ปรับตัวและให้ลูกค้าได้ปรับตัวในเรื่องของราคาหมูที่เพิ่มขึ้น ซึ่งตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาราคาหมูปรับขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่กิโลกรัมละ 120 บาท จนถึงขณะนี้ กิโลกรัมละ 160 บาท และยังมีแนวโน้มว่าจะขึ้นสูงถึงกิโลกรัมละ 200 บาท
“หากเป็นอย่างนี้ต่อไปก็ไม่รู้จะอยู่อย่างไร อยากเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยเร่งแก้ไขเรื่องราคาหมูให้ลดลงอย่างเร็วที่สุด เพราะตอนนี้ยอดขายลดลงครึ่งต่อครึ่ง หากเป็นอย่างนี้ต่อไปพ่อค้าแม่ค้าหมูก็จะอยู่ไม่ได้ จะเปลี่ยนไปขายอย่างอื่นก็ไม่ได้เพราะขายเนื้อหมูมาหลายสิบปีแล้ว รวมถึงผู้บริโภคเองก็มีผลกระทบด้วย” เจ้าของเขียงหมูกล่าว
**เขียงหมูในมหาสารคามลั่นไม่ลดราคา
ด้านนางรัตนาภรณ์ มังกร แม่ค้าเขียงหมูในตลาดสดเทศบาลเมืองมหาสารคาม จ.มหาสารคาม กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลกำหนดควบบคุมราคาเนื้อหมูให้ขายไม่เกินกิโลกรัมละ 152 บาท ซึ่งทางร้านไม่สามารถปรับลดราคาลงได้ เนื่องจากต้นทุนสูงและต้องมีค่าใช้จ่ายอย่างอื่น เช่น ค่าน้ำแข็ง ค่าแผงที่ต้องเช่า ซึ่งต้นทุนราคาเนื้อหมูมาส่งอยู่ที่กิโลกรัมละ 150 บาท ราคาจำหน่ายอยู่ที่กิโลกรัมละ 160 บาท
โดยราคาหมูเป็นหน้าฟาร์มอยู่ที่กิโลกรัมละ 82 บาท ทำให้ต้นทุนเนื้อหมูขยับขึ้นตาม ซึ่งทางฟาร์มหมูอ้างว่า หมูขาดตลาด โตไม่ทัน ทำให้มีราคาสูงขึ้น ซึ่งเมื่อก่อนเคยขายหมูได้วันละกว่า 100 กิโลกรัม แต่ตั้งแต่ตอนที่หมูแพง ขายได้เพียงวันละไม่ถึง 50 กิโลกรัม
"อยากให้รัฐบาลชุดใหม่ที่กำลังจะเข้ามาบริหารประเทศ เร่งช่วยทั้งผู้ขายและผู้ซื้อ ออกมาตรการควบคุมราคาอาหารสัตว์ ไม่ให้มีราคาแพงเกิน ต้นทุนจะได้ลดลง เพราะว่าตอนนี้ ราคาสินค้าทุกอย่างปรับขึ้น เพื่อไปรอค่าแรงวันละ 300 บาทที่รัฐบาลใหม่เคยประกาศเอาไว้ตอนหาสียงแล้ว"
