xs
xsm
sm
md
lg

ผู้จัดการสุดสัปดาห์

x

ปฏิบัติการ"วังน้ำเขียว" แค่ไฟไหม้ฟางหรือใบสั่งการเมือง

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

บ้านกุลละวณิชย์
ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ดินแดนที่นักท่องเที่ยวรับรู้ว่าเป็น “สวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย” อย่างอุทยานแห่งชาติวังน้ำเขียว กลายเป็นประเด็นร้อนแรงขึ้นมาอีกครั้ง จากการที่กรมป่าไม้เกิดอาการของขึ้นมาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ยด้วยการตะลุยตรวจสอบการรุกล้ำพื้นที่ของบรรดารีสอร์ตน้อยใหญ่ที่โผล่ขึ้นมาราวกับดอกเห็ด จนทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงอาการของขึ้นดังกล่าวว่ามีเบื้องหน้าเบื้องหลังอะไรหรือไม่

เพราะความจริงรีสอร์ตเหล่านี้ก็เกิดขึ้นมาเป็นระยะเวลานานพอสมควร และในระหว่างที่มีการก่อสร้าง ก็เชื่อเป็นอย่างยิ่งว่า ทางกรมป่าไม้ ทางอุทยานแห่งชาติฯ ย่อมต้องรู้และเห็น โดยเฉพาะอย่างยิ่งบรรดารีสอร์ตขนาดใหญ่ที่มีอยู่จำนวนไม่น้อย

และนั่นจึงทำให้ไม่แปลกใจว่า อาการของขึ้นอย่างกะทันหันดังกล่าวทำให้เกิดคำถามตามมาว่า เป็นปฏิบัติการตามใบสั่งทางการเมืองเพื่อขับไล่นายทุนเก่าและเปิดทางให้นายทุนใหม่เข้ามาครอบครองพื้นที่แทนในช่วงเปลี่ยนผ่านทางการเมืองหรือไม่.....

สำหรับความเป็นมาของที่ดินวังน้ำเขียวนั้น ต้องบอกว่า เดิมเป็นป่าสงวนเสื่อมโทรมที่ ส.ป.ก.ได้รับจากกรมป่าไม้ตั้งแต่ปี 2551 จำนวน 2.4 แสนไร่ จนปัจจุบัน ส.ป.ก.จัดที่ดินมอบเอกสารสิทธิ ส.ป.ก.4-01 ไปแล้ว 1.3 แสนไร่ให้กับเกษตรกรจำนวน 6,400ราย

ทั้งนี้ พื้นที่ส.ป.ก.วังน้ำเขียว ตกเป็นข่าวใหญ่โตในปี 2546 เมื่อพบการบุกรุกโดยนักการเมืองระดับชาติหลายคน ซึ่งส.ป.ก.ยุคนั้นก็ได้เข้าไปดำเนินการเรียกที่คืน เพื่อจัดสรรให้กับเกษตรตามวัตถุประสงค์หลักที่ตั้งไว้ แต่ถึงกระนั้นก็ดูเหมือนว่าการบุกรุกไม่ได้น้อยลงไปแต่อย่างใด ขณะเดียวกันการโหมกระหน่ำแคมเปญส่งเสริมการท่องเที่ยวของรัฐ ก็มีผลต่อการปั่นราคาให้ที่ดินเหล่านั้นแพงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่ขบวนการทั้งหลายก็ทราบเต็มอกว่าเป็นที่ดิน ส.ป.ก ห้ามทำการซื้อขาย ถึงขนาดว่าพื้นที่วังน้ำเขียวถูกนำไปโฆษณาขายกันในหน้าเว็บไซต์และในสื่อสิ่งพิมพ์อย่างไม่เกรงกลัวต่อกฎหมายด้วยซ้ำ

กระทั่งกลายเป็นประเด็นร้อนแรงในห้วงเวลานี้อีกครั้ง เมื่อเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทับลาน ได้มีหนังสือไปติดประกาศหน้ารีสอร์ตที่บุกรุกป่าทั้ง 8 แห่งใน ต.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา และให้เจ้าของรีสอร์ตทำลาย รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างหรือสิ่งอื่นใดที่ผิดไปจากสภาพความเป็นป่าออกไปให้พ้นเขตอุทยานแห่งชาติทับลาน หรือทำสิ่งนั้น ๆ กลับคืนสู่สภาพเดิม โดยมีกำหนดดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในวันที่ 30 ตุลาคมนี้ พร้อมทั้งอนุญาตให้เจ้าของสามารถยื่นอุทธรณ์ภายใน 15 วัน นับตั้งแต่ได้รับหนังสือ ซึ่งหากเจ้าของรีสอร์ตไม่ดำเนินการ เจ้าหน้าที่ก็จะมารื้อ และเจ้าของรีสอร์ตต้องเป็นคนออกค่าใช้จ่ายให้

รวมทั้งล่าสุดที่กรมป่าไม้ที่กระโดดออกมาบอกเช่นกันว่าได้ตรวจสอบพิกัด และภาพถ่ายทางอากาศบ้านพัก และรีสอร์ตจำนวน 22 แปลงที่มีหลักฐานว่าบุกรุกเขตป่าเขาภูหลวงอย่างชัดเจน

ทั้งนี้ นายสุวิทย์ รัตนมณี อธิบดีกรมป่าไม้ เปิดเผยว่า ได้เตรียมขออนุมัติศาลสั่งรื้อรีสอร์ตในพื้นที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ทั้งหมด โดยเตรียมดำเนินการตั้งแต่วันที่ 13 สิงหาคมนี้ และจะให้แล้วเสร็จภายใน 45 วัน

"กรมป่าไม้ตั้งทีมเฉพาะกิจรวม 6 ชุด ชุดละ 30 นาย เป็นทีมปฏิบัติการ 5 ชุด และทีมสนับสนุน 1 ชุด ร่วมกับทหาร ตำรวจ เพื่อเข้าไปยังรีสอร์ตและบ้านพัก เป้าหมายตั้งแต่วันที่ 13 สิงหาคมนี้ นอกจากนี้ยังตรวจสอบการบุกรุกเพิ่มเติมในเขตป่าโซนซี บริเวณเขตพื้นที่วังน้ำเขียว และ อ.ปากช่อง รวม 17 ราย ซึ่งเร่งตรวจสอบพิกัดให้เสร็จเร็วๆ นี้ และ ยังยืนยันว่าจะใช้วังน้ำเขียวเป็นโมเดล หรือต้นแบบ ในการจัดการปัญหาการรุกป่าให้เป็นตัวอย่างกับพื้นที่อื่นๆ อย่างถึงที่สุด" " อธิบดีกรมป่าไม้ ระบุ

ขณะที่ นายเทวินทร์ มีทรัพย์ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติทับลาน ก็ได้รับลูกต่อทันที โดยสั่งให้เจ้าหน้าที่จัดเตรียมเอกสารและทำหนังสือแจ้งไปยังผู้บุกรุก หลังลงสำรวจพื้นที่เพื่อเก็บหลักฐานต่างๆ เพิ่มเติมแล้ว ซึ่งได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่จะลงไปติดป้ายประกาศอุทยานฯ สั่งให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างตามอำนาจในมาตรา 22 แห่ง พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2504 เพิ่มเติมอีกประมาณ 20 แห่ง

“หากยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ภายในวันที่ 30 ตุลาคมนี้ ผู้บุกรุกทั้ง 105 ราย ต้องทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากเขตอุทยานฯ ให้หมด หากไม่รื้อถอนเจ้าหน้าที่จะเข้าไปทำการรื้อถอนเองเพราะให้เวลาค่อนข้างนานแล้ว” นายเทวินทร์ ระบุ

ขณะเดียวกัน ดูเหมือนว่าปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้นจะบานปลาย เพราะการสั่งรื้อถอน ย่อมจะเป็นการเหยียบตาปลาของกลุ่มนายทุน นักการเมือง ที่ได้ลงทุนแอบกว้านซื้อที่ดิน ส.ป.ก.ซึ่งอยู่ในการครอบครองของชาวบ้าน เอาไปทำเป็นรีสอร์ตหรู บ้านที่พักตากอากาศ ที่มีทำเลสวยงาม ตั้งอยู่บนภูเขาสูง ซึ่งทำเงินเข้ากระเป๋าตัวเองได้อย่างมหาศาล จนเกิดกลุ่มชาวบ้านรวมตัวกันออกมาคัดค้าน ถึงคำสั่งที่มีการให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างในพื้นที่ที่ตรวจสอบแล้วว่าเป็นพื้นที่อุทยาน

ทั้งนี้ เนื่องจากชาวบ้านส่วนใหญ่อ้างว่า ทำให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องซึ่งเป็นรายได้หลักของท้องถิ่นได้รับความเสียหายทั้งหมด ไม่ใช่เฉพาะเจ้าของสถานที่พักเพียงอย่างเดียว พืช ผัก ผลไม้ ปลอดสารพิษ ของพี่น้องเกษตรกรก็ขายไม่ได้ ลูกจ้างที่ทำงานในรีสอร์ต ต้องหยุดงานชั่วคราว พร้อมทั้งประกาศชัดเจนว่า หากกรมป่าไม้ยังยึดข้อบังคับของกฎหมายดำเนินการ โดยไม่ยอมฟังเสียงของชาวบ้านที่มาอยู่ก่อนที่จะมีการประกาศเป็นแนวเขตอุทยานฯ ชาวบ้านจะรวมตัวเคลื่อนไหวมากกว่านี้

แน่นอน การเคลื่อนไหวดังกล่าวก็ย่อมไม่พ้นคำถามว่ามีนายทุน นักการเมืองผู้มีอิทธิพลในละแวกนั้นให้การสนับสนุนอยู่หรือไม่ เพราะแน่นอนว่าหากกรมป่าไม้เล่นไม้แข็งอย่างที่ประกาศไว้จริง ผู้ที่เสียผลประโยชน์มากที่สุดย่อมหนีไม่พ้นนายทุนที่ได้นอนนับเงินอย่างเพลินใจมาอย่างยาวนานแล้ว อยู่ดีๆจะมาให้รื้อถอนก็ต้องเห็นออกอาการบ้างมันก็เป็นเรื่องธรรมดา

แต่ที่ต้องขีดเส้นใต้ไว้ก็คือ เหตุใดหน่วยงานเหล่านี้ถึงเพิ่งมาตื่น ล้อมคอก เอาช่วงเวลาที่เป็นข่าวใหญ่โตแบบนี้ ทั้งที่ความเป็นจริงประชาชนทั่วไปก็พอรับรู้ว่าที่ดิน ส.ป.ก.ทั้งหลายในประเทศ ถูกนายทุน นักการเมือง กว้านซื้อจากชาวบ้านไปไม่รู้เท่าไหร่แล้ว ยกตัวอย่างก็มีเช่น รุกสวนป่าแม่สลอง จ.เชียงราย เกาะช้าง จ.ตราด หมู่เกาะอาดังราวี อุทยานแห่งชาติตะรุเตา จ.สตูล เขตป่าสงวนแห่งชาติ อ.สิเกา จ.ตรัง ป่าสงวนแห่งชาติฝั่งซ้ายแม่ป่าสัก อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ ฯ เรียกว่าดาษดื่นไปหมดทั่วทุกภาคของประเทศไทย

และแน่นอนที่สุดว่า วังน้ำเขียวโมเดลครั้งนี้ประชาชนหวังว่าจะเป็นการเริ่มนับหนึ่งในการเอาจริงเอาจังในการปราบกลุ่มนายทุน นักการเมือง ในการบุกรุกป่าสงวน กว้านซื้อที่ดิน ส.ป.ก. นำไปทำผลประโยชน์ให้แก่ตัวเอง เพราะทุกวันนี้สภาพป่าถูกบุกรุกจนกลายเป็นเขาหัวโล้น หากไม่กวาดล้างเอาจริงเสียแต่วันนี้ ทรัพยากรธรรมชาติก็จะหมดไป ภัยพิบัติต่างๆ จะแทรกตัวเข้ามาแทนที่และนับวันยิ่งรุนแรงอย่างที่เห็น

ทั้งนี้ เนื่องจากตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาปัญหาการปล่อยให้บรรดานายทุนรุกป่า กว้านซื้อที่ดิน ส.ป.ก. กลายเป็นเรื่องที่ประชาชนเลิกคาดหวังกับเจ้าหน้าที่รัฐแล้วเช่นกัน เพราะกรณีที่วังนำเขียวมิใช่ปัญหาที่เพิ่งจะเกิดขึ้นมาเพียงวันหรือสองวัน แต่ได้สะสมมาเป็นเวลานับสิบๆปี รวมไปถึงพื้นที่อื่นของประเทศไทยอีกด้วยที่เกิดปัญหากรณีเช่นนี้ไม่ต่างกัน แน่นอนยังมีคำสบประมาทว่าสุดท้ายแล้วจะมีน้ำยา เอาที่หลวงคืนได้สักผืนหรือเปล่า

ขณะเดียวกัน ถ้าดูจากการตอบคำถามของกรมป่าไม้ มีคำพูดที่ฟังแล้วรู้สึกประทับใจมากเหลือเกิน เช่น มีผู้ถามว่า “ทำไมเพิ่งมาทำในตอนนี้” ท่านตอบว่า “ทำในวันนี้ดีกว่าไม่ได้ทำ” หรือท่านพูดว่า “วังน้ำเขียวไม่ใช่สวิตเซอร์แลนด์ แต่เป็นที่อยู่ของกระทิง” ไม่ได้ต่างจากการ การประชาสัมพันธ์ตัวเองเพื่อปกป้องการละเลยการปฏิบัติหน้าที่มาเป็นระยะเวลายาวนาน กล่าวง่ายๆ ก็คือการลอยตัวนั่นเอง

ที่สำคัญการเกิดปัญหาที่วังน้ำเขียวอยู่ขณะนี้ยังได้สะท้อนถึงความอ่อนด้อย พิกลพิการของเจ้าหน้าที่รัฐในแต่ละหน่วยงาน ที่ชอบจะอ้างสารพัดปัญหา แต่สุดท้ายก็จบลงที่ความบกพร่องในหน้าที่ เพราะมัวแต่เกรงกลัวอิทธิพลขาใหญ่ในพื้นที่ เลยไม่กล้าจะทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันปล่อยให้ค้างคาจนมาเป็นข่าวคึกโครมอย่างที่เห็นในปัจจุบัน

ท้ายสุดแล้ว การรุกป่าบริเวณวังน้ำเขียวที่กำลังปรากฏเป็นข่าวใหญ่ นัยสำคัญที่แท้จริงน่าจะไม่ใช่เป็นเพียงการกระทำของคนวังน้ำเขียวหรือกลุ่มทุนที่กำลังตกเป็นจำเลยของสังคมในปัจจุบัน แต่ลึกลงไปแล้วน่าจะเป็นรัฐเองนั่นแหละคือตัวการหัวโจกในการรุกป่าแถบจากความด้อยประสิทธิภาพในการทำงาน ความฉ้อฉลในการใช้กฎหมายและการคอร์รัปชั่น เพราะแน่นอนว่าหากบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด ของเจ้าหน้าที่อย่างเต็มกำลัง ถ้าเป็นจริงเช่นนั้นน่าจะนำไปสู่ทางออกของปัญหาได้อย่างแน่นอน

การออกมาแสดงอาการฮึดฮัดเอาจริงเอาจังของหลายหน่วยงานในขณะนี้ จึงอย่าได้แปลกใจเลยว่าประชาชนทั้งหลายเขาจะพูดกันไปในทำนองว่า ก็แค่ไฟไหม้ฟาง เดี๋ยวข่าวซาเรื่องก็คงเงียบไปเหมือนเดิม เพราะถ้าจะเอาจริงเอาจังคงจะทำไปตั้งนานแล้ว ไม่ต้องรอให้เป็นข่าวคึกโครมบนหน้าหนังสือพิมพ์
รีสอร์ตบ้านไร่กฤษวรรณ
บ้านกลบดิน บ้านพักตาอากาศหรูแบบฝังดินริมหน้าผา เขตอุทยานฯ ม.2 ต.วังน้ำเขียว อ.วังน้ำเขียว เจ้าหน้าที่บุกจับเมื่อเดือนมิ.ย.

กำลังโหลดความคิดเห็น