ASTVผู้จัดการสุดสัปดาห์ - ตลอดสัปดาห์ มีชื่อ “คนนอก” “คนดัง”หลายๆวงการโผล่เข้ามาเป็นแคนดิเดตใน ครม. “ยิ่งลักษณ์ 1” เป็นระยะๆ ทราบจากคนใน “พรรคเพื่อไทย” ว่ามีการทาบทามคนนอกมากกว่า 60 คน กระจายไปยังกระทรวงหลัก เน้นด้านเศรษฐกิจเป็นสำคัญ ตามที่ “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี พี่ชาย “น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” ว่าที่นายกรัฐมนตรี
ประกาศว่า “ครม.ยิ่งลักษณ์ 1” จะต้องดูดี ไม่ยี้ มากกว่า“4-5คน”
รัฐมนตรีคนนอกมีความสำคัญอย่าง ในอดีตอาจจะดูว่าเป็นคนมีความรอบรู้ ความสามารถในกระทรวงนั้นจริง ๆแต่เวลาผ่านไป คนนอกแม้จะมีความรูความสามารถบ้าง กลับกลายเป็นเพียงกลุ่มคนที่เข้ามารักษาผลประโยชน์ของตัวเอง พูดง่ายๆก็คือ “นายทุน”นั้นเอง แต่กับพรรคเพื่อไทยบางคนก็ไม่ถึงกับขี้ริ้วขี้เหล่
ตามประวัติศาสตร์การเมืองไทย ตั้งแต่มีรัฐธรรมนูญปี 2540 และปี 2550 ไม่นับ ครม.ชุดที่ 56 ที่มี “พลเอก สุรยุทธ์ จุลานนท์”เป็นนายกรัฐมนตรี หากนับคณะรัฐมนตรีที่เรียกว่า “นายทุน” ก็น่าจะเริ่มตั้งแต่ ครม.ชุดที่ 54 “ทักษิณรอบแรก” รับตำแหน่งเมื่อวันที่ 17 ก.พ.2544 มีครม.คนนอก2คน โดยพ.ตท.ทักษิณ เป็นผู้ทาบทาม นายเกษม วัฒนชัย (ปัจจุบันเป็นองคมนตรี) เข้ามาเป็น “รมว.ศึกษาธิการ” แต่ก็ต้องลาออกเมื่อวันที่ 11 มิ.ย.2544 จากปัญหาการเข้ามาล้วงลูกนโยบายการศึกษา และนายนที ขลิบทอง อดีตรองปลัดกระทรวงเกษตรฯ คนใกล้ชิด “นายเนวิน ชิดชอบ” ขณะนั้น เข้ามาเป็นรมช.เกษตรและสหกรณ์ ตามโควต้า “พรรคไทยรักไทย”
ปีเดียวกันมีปรับครม.ให้คนนอกอย่าง นางสิริกร มณีรินทร์ มาเป็นรมช.ศึกษาธิการ โควต้าไทยรักไทย จนถึง3 ต.ค.2545 ดึงนายวิษณุ เครืองาม เป็นรองนายกรัฐมนตรีด้านกฎหมาย โควต้าไทยรักไทย นายประพัฒน์ ปัญญาชาติรักษ์ เป็นรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโควต้าพรรคชาติไทย นายประมวล รุจนเสรี เป็นรมช.มหาดไทยและนางอุไรวรรณ เทียนทอง เป็นรมว.วัฒนธรรมโควต้าไทยรักไทย(กลุ่มวังน้ำเย็น) และพล.ต.อ.ประชา พรหมนอก เป็นรมช.สาธารณสุข โควต้าไทยรักไทยเช่นกัน
มีนายอนุทิน ชาญวีรกุล โควต้าไทยรักไทย (กลุ่มวังน้ำยม)มาเป็นรมช.สาธารณสุข ก่อนที่จะโยกนายอนุทิน มาเป็นรมช.พาณิชย์ เมื่อวันที่ 6 ต.ค.2547 รวมถึงพล.อ.สัมพันธ์ บุญญานันต์ มาเป็นรมว.กลาโหม นายอารีย์ วงศ์อารยะ เป็นรมช.ศึกษาธิการ และนายสุชัย เจริญรัตนกุล มาเป็นรมช.สาธารณสุข เป็นคนสุดท้ายยุค “ทักษิณ”ในรัฐบาลครั้งแรก โดยทั้งหมดเป็นโคว้าไทยรักไทยทั้งสิ้น
ขึ้น “ทักษิณรอบสอง” ครม.ชุดที่ 55 รับตำแหน่งวันที่ 11 มี.ค.2548 ที่มีฉายา“ครม.พวกพ้อง-ครม.เครือญาติ” เริ่มดึง “คนนอกด้านเศรษฐกิจ” อย่างนายทนง พิทยะ มาเป็นรมว.คลัง พล.อ.ชัยนันท์ เจริญศิริ มาเป็นรมช.คมนาคม เพื่อดูแลการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิ พล.อ.อ.คงศักดิ์ วันทนา มาเป็นรมว.มหาดไทย นายประวิช รัตนเพียร เป็นรมว.วิทยาศาสตร์ และคนสุดท้ายของ “ครม.ทักษิณ2” คือนายรุ่ง แก้วแดง ที่เข้ามาเป็น รมว.ศึกษาธิการ ก็เป็นโควต้าไทยรักไทยทั้งสิ้น
ส่วน ครม.ชุดที่ 57 มีนายสมัคร สุนทรเวช “พรรคพลังประชาชน” นอมินี ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี เริ่มงานวันที่ 29 ม.ค.2551มีนายสหัส บัณฑิตกุล อดีตรองผู้ว่าคนใกล้ชิดนายสมัคร มาเป็นรองนายกรัฐมนตรีด้านสังคม โควต้าพลังประชาชน มีร้อยตรีหญิง ระนองรักษ์ สุวรรณฉวี มาเป็นรมว.ไอซีที โควต้าเพื่อแผ่นดิน (พรรครว่มรัฐบาลช่วงนั้น) และดึงนายเตช บุนนาคและนายสาโรจน์ ชวนะวิรัช มาเป็นรมว.การต่างประเทศ เพื่อแก้ปัญหา “ปราสาทเขาพระวิหาร” แทน “นายนพดล ปัทมะ”ที่ต้องลาออก โดยนั่งคนละช่วงเวลาแต่ก็เป็นโควต้าพลังประชาชนเช่นกัน ขณะที่พลโทหญิง พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ (ภรรยานายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ) ถูกดึงมาเป็นรมว.พลังงาน โควต้ารวมใจไทยชาติพัฒนา เป้นคนสุดท้ายในรัฐบาลนี้
เข้าสู่ ครม.ชุดที่58 พรรคพลังประชาชน ที่มี “นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์” น้องเขยพ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนายกรัฐมนตรี ได้ดึงพล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ ที่ลาออกจากพรรคกลับมาเป็นรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง “ฐานะคนนอกที่รู้ใจ” รวมถึงนายโอฬาร ไชยประวัติ คนใกล้ชิด “บ้านจันทร์ส่องล่า”มาเป็นรองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ โควต้าพลังประชาชนและก็ถูกยุบพรรคในเวลาต่อมา
ส่วน ครม.ชุดที่ 59 ที่กำลังจะพ้นหน้าที่ มี “นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ” เป็นนายกรัฐมนตรี เริ่มเข้ารับตำแหน่งเมื่อวันที่ 17 ธ.ค. 2551และคาดว่าจะหมดวาระในสัปดาห์ที่จะถึงนี้ประมาณวันที่ 10 ส.ค. มีนายวีระชัย วีระเมธีกุล มาเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก่อนไปดำรงตำแหน่ง รมว.วิทยาศาสตร์ฯ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นรมว.กลาโหม นายกษิต ภิรมย์ เป็นรมว.ต่างประเทศ ทั้งหมดเป็น“คนนอก”โควต้าประชาธิปัตย์
ส่วนนายธีระ วงศ์สมุทร ที่มาเป็น รมว.เกษตรและสหกรณ์ เป็นโควต้าพรรคชาติไทยพัฒนา น.ส.นริศรา ชวาลตันพิพัทธ์ เป็นรมช.ศึกษาธิการ โควต้าพรรคเพื่อแผ่นดิน และครม.คนนอกคนสุดท้าย คือ นางพรรณสิริ กุลนาถศิริเข้ามาเป็น รมช.สาธารณสุข โควต้าภูมิใจไทย
กลับมาที่ “ครม.ยิ่งลักษณ์ 1”ก่อนหน้านั้นมีกระแส “คนนอก”ถูกทาบทามหลายๆกระทรวงออกมาเป็นระยะๆนับตั่งแต่ “พล.ต.อ.โกวิท วัฒนะ” อดีต ผบ.ตร. มีข่าวเป็นรองนายกฯ “เหมือนกับ “พล.อ.สำเภา ชูศรี” อดีต ผบ.สส. “พล.อ.สมทัต อัตตะนันทน์” ฯลฯ มีชื่อมานั่ง รมว.กลาโหม เช่นเดียวกับพี่เมีย “พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์” รอง ผบ.ตร.”ที่ยังเหลืออายุราชการแค่ปีเดียว ก็ยังมีชื่ออันดับต้น ๆ ติดโผ “ปู 1”เข้ามาด้วย ในตำแหน่ง “รองนายกรัฐมนตรีคนที่ 2” ที่ดูแลงาน “สังคมและตำรวจ”
ขณะที่โผรายชื่อผู้ที่คาดว่าจะได้มาเป็น “รัฐมนตรีคนนอก” รัฐบาลยิ่งลักษณ์ 1”มากกว่า 80% ประกอบด้วย
“นายวิชิต สุรพงษ์ชัย” ประธานกรรมการบริหาร ( ซีอีโอ ) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) จะมาเป็น “รมว.คลัง”
“นายวิกรม คุ้มไพโรจน์” อดีตรองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ จะมานั่ง “รมว.ต่างประเทศ”
“นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง” อดีตกรรมการผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ (ตลท.) และปัจจุบันยังเป็น “อธิการบดีมหาวิทยาลัยชินวัตร” จะมาเป็น “รมว.พาณิชย์ หรือ รมช.พาณิชย์”
“นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์” ประธาน และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด ( มหาชน ) จะมาเป็น “รมว.พลังงาน” คาดว่าจะเข้ามาในโควต้าของ “เพื่อไทย”และยังมีสานสัมพันธ์กับ “นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภา” แกนนำพรรคชาติพัฒนาเพื่อแผ่นดิน โอากสจึงน่าจะได้เป็น รัฐมนตรีแบบวิน-วิน
ขณะที่ล่าสุดมีชื่อ “นายอิสระ ว่องกุศลกิจ” ประธานกรรมการและผู้บริหารบริษัท น้ำตาลมิตรผล ซึ่งเป็นถือหุ้นใหญ่ใน บมจ.บ้านปู จ่อนั่งเก้าอี้ “รมว.พาณิชย์” ซึ่งฟอร์บเคยจัดให้เขาติดมหาเศรษฐีไทยลำดับที่ 10 ด้วยมูลค่าสินทรัพย์ 1,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
แต่ทั้งนี้ อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงได้อีกตลอดเวลาเพราะ เวลานี้มีกระแสข่าวว่า ผู้ที่พิจารณารายชื่อตำแหน่งรัฐมนตรีต่างๆ มีเพียง 3 คน คือ “พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร คุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์ และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์” เท่านั้น
ใครจะไปรู้ ว่าสัดส่วน “รัฐมนตรีแกนนำเสื้อแดง”อาจจะเพิ่มขึ้น ครม.ที่เป็นคนนอกอาจจะมีสัดส่วนน้อยลง แล้วหันมาใช้คนในพรรคมากขึ้นตามไปด้วย
แต่ที่แน่ๆ “ ว่าที่นายกฯ ยิ่งลักษณ์” เปรยกับคนใกล้ชิดว่า “6 ส.ค.” รายชื่อรัฐมนตรี 35 คนจะต้องคลอดแน่ๆ.
