ASTVผู้จัดการรายวัน-ศาลชี้พฤติการณ์มีเหตุให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม อนุญาตปล่อยตัวชั่วคราว "จตุพร-นิสิต" วงเงินประกัน คนละ 6 แสนบาท แกนนำเสื้อแดงเริงร่า แห่ต้อนรับหน้าเรือนจำ "จตุพร"ซึ้งขอบคุณ "แม้ว" และกกต. ลั่นจากนี้ไปจะร่วมต่อสู้กับกลุ่มคนเสื้อแดงในอุดมการณ์เดิม "สมชัย"เผยจำเป็นต้องรับรองให้เป็นส.ส. ส่วนจะขาดคุณสมบัติหรือไม่ ต้องตรวจสอบก่อนยื่นศาลรัฐธรรมนูญพิจารณา "เทพไท"จวกยังไม่รู้สึกสำนัก พ้นคุกวันแรกปั่นหัวเสื้อแดงทันที
วานนี้ (2 ส.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และผู้ต้องหาคดีก่อการร้าย ได้เดินทางยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวนายจตุพร พร้อมยื่นหลักทรัพย์ค้ำประกันเป็นเงินสดจำนวน 1 ล้านบาท โดยนายวิญญัติ ได้นำหนังสือรับรองสมาชิกภาพการเป็น ส.ส.ของนายจตุพร ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ประกาศรับรองเมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา มายื่นต่อศาล
นายวิญญัติกล่าวว่า หลักฐานชิ้นนี้ถือเป็นหลักฐานที่สำคัญ เพราะก่อนหน้านี้ศาลได้ระบุถึงดุลพินิจว่า หากนายจตุพร ได้รับการเลือกตั้ง แต่ยังไม่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการก็จะยังไม่ปล่อยตัว และเมื่อมีการรับรองอย่างเป็นทางการแล้ว จึงเชื่อมั่นว่านายจตุพร จะได้รับการปล่อยตัว โดยจะไม่ขอใช้เอกสิทธิ์ ส.ส.คุ้มครอง เพราะเอกสิทธิ์ ส.ส.คุ้มครองดังกล่าว นายจตุพร สามารถใช้ได้เพียง 120 วัน ขณะเปิดสมัยประชุมสภาเท่านั้น หลังจากนั้นนายจตุพร จะถูกคุมขังอีก จึงเห็นว่าการยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราวเป็นเรื่องสำคัญ และจำเป็นกว่าการขอใช้เอกสิทธิ์ ส.ส.คุ้มครอง
พร้อมกันนี้ นายคารม พลทะกลาง ทนายของนายนิสิต สินธุไพร แนวร่วม นปช. ได้เตรียมคำร้องพร้อมหลักทรัพย์จำนวน 1 ล้านบาท ยื่นขอประกันตัวนายนิสิต เช่นเดียวกัน
นายคารมกล่าวว่า อยากให้ผู้ต้องหามีสิทธิในการต่อสู้คดี ประกอบกับนางเอมอร สินธุไพร ภรรยาของนายนิสิต ได้รับเลือกเป็น ส.ส.เขต 5 จ.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทยแล้ว จึงไม่มีเหตุให้นายนิสิต หลบหนี
**ศาลให้ประกัน"จตุพร-นิสิต"**
ต่อมาเวลา 11.30 น. ศาลอาญาพิจารณาคำร้องพร้อมหลักทรัพย์แล้ว เห็นว่า พฤติการณ์มีเหตุให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม จึงอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยทั้งสองระหว่างการพิจารณาคดี โดยตีราคาวงเงินประกัน คนละ 6 แสนบาท พร้อมทั้งระบุเงื่อนไขห้ามมิให้จำเลยทั้ง 2 กระทำการใดๆ อันอาจก่อให้เกิดอันตรายกระทบต่อความสงบเรียบร้อย และห้ามนายนิสิต เดินทางออกนอกราชอาณาจักรก่อนได้รับอนุญาตจากศาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายจตุพร ได้มอบหมายให้ทนายความไปไถ่ชีวิตโค-กระบือ เพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์ในราคา 17,000 บาทมาด้วย
**เสื้อแดง 500 คน รอต้อนรับหน้าเรือนจำ**
ต่อมาเวลา 14.15 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร หลังจากนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และนายนิสิต สินธุไพร ได้รับการปล่อยตัวนั้น ได้มีกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 500 คน มารอรับ โดยมีนายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ์ ผู้ประสานงาน นปช. ได้นำรถเวทีปราศรัยเคลื่อนที่มาจอดบริเวณหน้าประตูเรือนจำชั้นใน และอาศัยอยู่บริเวณหน้าเรือนจำเรียกร้องให้คนเสื้อแดงเดินหน้าต่อสู้ เพื่อขจัดระบบอำมาตย์ให้หมดสิ้นไปจากการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
นอกจากนี้ ยังมีนางพรมภัสสร พรหมพันธุ์ ภรรยา นายจตุพร พร้อมกับแกนนำ นปช. เช่น นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ,นางธิดา ถาวรเศรษฐ ,นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ,นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางมารอต้อนรับ นายจตุพร อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
ขณะเดียวกัน ได้มีพระสงฆ์จากวัดใหม่พิเรนทร์ เขตบางกอกใหญ่ จำนวน 5 รูป เดินทางมาเพื่อจะประพรมน้ำมนต์ และสวดภาวนาให้นายจตุพร ทันทีที่ได้รับการปล่อยตัว โดยกล่าวว่าต้องการปัดเป่าสิ่งไม่ดี และสิ่งไม่เป็นมงคลให้นายจตุพร ก่อนที่จะไปปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. เพื่อประเทศชาติต่อไป
ต่อมานายจตุพร พรหมพันธุ์ และ นายนิสิต สินธุไพร เดินทางออกจากเรือนจำ โดยขณะที่เดินออกมาได้มีพระสงฆ์จำนวน 5 รูป พรมน้ำมนต์ เพื่อปัดเป่าสิ่งไม่ดี และนายวิภูแถลง ได้ให้นายนิสิต ขี่คอ จากนั้นทั้งคู่ได้ขึ้นบนรถเวทีปราศรัยที่จอดอยู่หน้าเรือนจำทันที
**"จตุพร"ขอบคุณ"แม้ว"- กกต
จากนั้น นายจตุพรได้กล่าวขอบคุณกกต. ทั้ง 5 คน และยืนยันว่าที่ผ่านมา ตนเองติดตามข่าวสารมาโดยตลอด และขอบคุณ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขณะเดียวกันนายจตุพร ได้เรียกร้องให้ปล่อยตัวแนวร่วม นปช. อีกกว่า 100 คน ที่ถูกจับกุมจากทั่วประเทศ เพื่อความปรองดอง โดยหลังจากนี้ จะร่วมต่อสู้กับกลุ่มคนเสื้อแดงในอุดมการณ์เดิม เพื่อให้เกิดความยุติธรรมในสังคม และมีความเป็นมาตรฐานเดียวกัน แต่จะเป็นการต่อสู้ผ่านสภา โดยหลังจากปราศรัยประมาณ 1 ชั่วโมง นายจตุพรและแกนนำทั้งหมด ได้เดินทางออกจากเรือนจำเพื่อกลับบ้านพัก
นอกจากนี้ นายจตุพร ยังกล่าวโจมตี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รักษาการรองนายกรัฐมนตรี ที่เคยพูดว่าจะขุดรูอยู่นั้น บัดนี้ได้ทำตามคำพูดหรือไม่
**ทนายตู่ดอดรับหนังสือรับรอง**
วันเดียวกัน ในช่วงเช้าที่กกต.ได้ให้ ส.ส.ที่ กกต.ประกาศรับรองผลรอบสุดท้ายมารับหนังสือรับรอง ปรากฎว่าก็มี ส.ส.เดินทางมารับหนังสือตั้งแต่เช้า คือ นายจักรวาล ชัยวิรัตน์นุกูล ส.ส.เขต 3 สุโขทัย พรรคเพื่อไทย และนายสมคิด บาลไธสง ส.ส.เขต 2 หนองคาย พรรคภูมิใจไทย เหลือเพียงนายอับดุลการิม เด็งระกีนา ส.ส.เขต 2 ยะลา ที่ยังไม่ได้เดินทางมารับหนังสือรับรอง โดยในส่วนของนายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เจ้าหน้าที่แจ้งว่าทางทนายความได้รับไปแล้ว ทำให้สื่อมวลชนที่ไปเฝ้ารอการรับหนังสือรับรองต้องรอเก้อ ซึ่งมีรายงานว่าทนายความของนายจตุพร ที่เดินทางมาติดตามผลการประชุมกกต.และฟังการแถลงข่าววานนี้ ได้ประสานเป็นการภายในและรับหนังสือรับรองไปแล้วเมื่อคืนวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย หลังจากที่ศาลอนุมัติให้ประกันตัว ได้แจ้งกับสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรว่า จะมารายงานตัวในวันที่ 3 ส.ค.เวลา 13.30 น.
**กกต.จำใจรับรองส.ส."ตู่"
นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวน กล่าวว่า กกต.จำเป็นต้องประกาศผลการเลือกตั้งให้ นายจตุพร เป็นส.ส.ตามมาตรา 8 ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และการได้มาซึ่งส.ว. เพราะกรณีของนายจตุพรนั้น มิได้ทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตหรือเที่ยงธรรม แต่ยังมีปัญหาว่า จะขาดความเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยหรือไม่ เนื่องจากนายจตุพรไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 3 ก.ค. ซึ่งการประกาศผลการเลือกตั้งให้นายจตุพร เป็นส.ส.เป็นการทำตามมาตรา 8 และยังสอดคล้องกับมาตรา 92 ของพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และการได้มาซึ่งส.ว.ที่ระบุว่ากรณีการเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมเมื่อมีการคำนวณสัดส่วนส.ส.บัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคการเมืองจะได้รับแล้วให้กกต.ประกาศผลการเลือกตั้งส.ส.บัญชีรายชื่อ
ส่วนที่ต้องตั้งคณะกรรมการตรวจสอบขึ้นมาก่อนส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ก็เพราะกกต.จะส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญทันทีไม่ได้ ต้องให้คณะกรรมการตรวจสอบทำการสืบสวนสอบสวน และทำความเห็นเสนอเรื่องให้นายทะเบียนพรรคการเมือง ให้ความเห็นก่อน หากนายทะเบียนพรรคการเมืองเห็นว่านายจตุพร ขาดความเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย กกต.จะต้องส่งเรื่องไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยของนายจตุพรต่อไป
"กกต.จะต้องประกาศผลการเลือกตั้งแก่นายจตุพร ภายในกรอบเวลา 30วันตามที่กฎหมายกำหนด เพราะเมื่อประชาชนลงประชามติเห็นชอบให้เป็นส.ส.บัญชีรายชื่อแล้ว กกต.ก็ต้องประกาศผลการเลือกตั้งให้แก่นายจตุพร การไม่ประกาศผลเลือกตั้งให้นายจตุพรจะเป็นการทำให้กกต.ถูกฟ้องข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ซึ่งอาจทำให้กกต.ติดคุกได้"นายสมชัยกล่าว
** “เทพไท”จวกยังไม่รู้สำนึก
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธ์ ได้รับการประกันตัวจากศาลว่า เป็นกระบวนการตามกฎหมาย เมื่อกกต.รับรองให้นายจตุพรเป็นส.ส. ก็ต้องเปิดโอกาสให้เขามารายงานตัวต่อสภาฯ และเมื่อได้เป็นส.ส.เต็มตัวแล้ว ก็จะต้องได้รับเอกสิทธิคุ้มครองจากสภาฯ แต่ถ้าดูจากท่าทีของนายจตุพร หลังจากได้รับการปล่อยตัวขึ้นบนหลังคารถปราศรัย ปลุกระดมกับคนเสื้อแดงต่อไปอีกนั้น แสดงให้เห็นว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาที่นายจตุพร ถูกคุมขังในเรือนจำไม่สามารถทำให้นายจตุพร รู้สึกสำนึกในความรับผิดชอบชั่วดีของตนเองต่อสังคม ทั้งๆ ที่ควรจะสงบปากสงบคำมีความสำรวมในการเคลื่อนไหวทางการเมืองมากกว่านี้
ส่วนกรณีที่นายจตุพร ออกมาเยาะเย้ยนายสุเทพว่า ควรไปขุดรูอยู่นั้น ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำตามที่นายจตุพรพูด เพราะคนอย่างนายสุเทพ กล้าพิสูจน์ความจริงในที่แจ้ง ไม่จำเป็น ต้องไปมุดหัวอยู่ในรูที่ไหน ถ้ารัฐบาลชุดนี้จะดำเนินการใดๆ ทางกฎหมาย ก็พร้อมยืดอกต่อสู้ โดยไม่หนีคดีเหมือนนายใหญ่ของนายจตุพร อย่างแน่นอน
วานนี้ (2 ส.ค.) ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความของนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) และผู้ต้องหาคดีก่อการร้าย ได้เดินทางยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวนายจตุพร พร้อมยื่นหลักทรัพย์ค้ำประกันเป็นเงินสดจำนวน 1 ล้านบาท โดยนายวิญญัติ ได้นำหนังสือรับรองสมาชิกภาพการเป็น ส.ส.ของนายจตุพร ที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ประกาศรับรองเมื่อวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา มายื่นต่อศาล
นายวิญญัติกล่าวว่า หลักฐานชิ้นนี้ถือเป็นหลักฐานที่สำคัญ เพราะก่อนหน้านี้ศาลได้ระบุถึงดุลพินิจว่า หากนายจตุพร ได้รับการเลือกตั้ง แต่ยังไม่ได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการก็จะยังไม่ปล่อยตัว และเมื่อมีการรับรองอย่างเป็นทางการแล้ว จึงเชื่อมั่นว่านายจตุพร จะได้รับการปล่อยตัว โดยจะไม่ขอใช้เอกสิทธิ์ ส.ส.คุ้มครอง เพราะเอกสิทธิ์ ส.ส.คุ้มครองดังกล่าว นายจตุพร สามารถใช้ได้เพียง 120 วัน ขณะเปิดสมัยประชุมสภาเท่านั้น หลังจากนั้นนายจตุพร จะถูกคุมขังอีก จึงเห็นว่าการยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราวเป็นเรื่องสำคัญ และจำเป็นกว่าการขอใช้เอกสิทธิ์ ส.ส.คุ้มครอง
พร้อมกันนี้ นายคารม พลทะกลาง ทนายของนายนิสิต สินธุไพร แนวร่วม นปช. ได้เตรียมคำร้องพร้อมหลักทรัพย์จำนวน 1 ล้านบาท ยื่นขอประกันตัวนายนิสิต เช่นเดียวกัน
นายคารมกล่าวว่า อยากให้ผู้ต้องหามีสิทธิในการต่อสู้คดี ประกอบกับนางเอมอร สินธุไพร ภรรยาของนายนิสิต ได้รับเลือกเป็น ส.ส.เขต 5 จ.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทยแล้ว จึงไม่มีเหตุให้นายนิสิต หลบหนี
**ศาลให้ประกัน"จตุพร-นิสิต"**
ต่อมาเวลา 11.30 น. ศาลอาญาพิจารณาคำร้องพร้อมหลักทรัพย์แล้ว เห็นว่า พฤติการณ์มีเหตุให้เปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม จึงอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยทั้งสองระหว่างการพิจารณาคดี โดยตีราคาวงเงินประกัน คนละ 6 แสนบาท พร้อมทั้งระบุเงื่อนไขห้ามมิให้จำเลยทั้ง 2 กระทำการใดๆ อันอาจก่อให้เกิดอันตรายกระทบต่อความสงบเรียบร้อย และห้ามนายนิสิต เดินทางออกนอกราชอาณาจักรก่อนได้รับอนุญาตจากศาล
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้ นายจตุพร ได้มอบหมายให้ทนายความไปไถ่ชีวิตโค-กระบือ เพื่อเป็นการสะเดาะเคราะห์ในราคา 17,000 บาทมาด้วย
**เสื้อแดง 500 คน รอต้อนรับหน้าเรือนจำ**
ต่อมาเวลา 14.15 น. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศที่หน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร หลังจากนายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และนายนิสิต สินธุไพร ได้รับการปล่อยตัวนั้น ได้มีกลุ่มคนเสื้อแดงประมาณ 500 คน มารอรับ โดยมีนายวรวุฒิ วิชัยดิษฐ์ ผู้ประสานงาน นปช. ได้นำรถเวทีปราศรัยเคลื่อนที่มาจอดบริเวณหน้าประตูเรือนจำชั้นใน และอาศัยอยู่บริเวณหน้าเรือนจำเรียกร้องให้คนเสื้อแดงเดินหน้าต่อสู้ เพื่อขจัดระบบอำมาตย์ให้หมดสิ้นไปจากการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
นอกจากนี้ ยังมีนางพรมภัสสร พรหมพันธุ์ ภรรยา นายจตุพร พร้อมกับแกนนำ นปช. เช่น นพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ,นางธิดา ถาวรเศรษฐ ,นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์, นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ,นายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางมารอต้อนรับ นายจตุพร อย่างพร้อมหน้าพร้อมตา
ขณะเดียวกัน ได้มีพระสงฆ์จากวัดใหม่พิเรนทร์ เขตบางกอกใหญ่ จำนวน 5 รูป เดินทางมาเพื่อจะประพรมน้ำมนต์ และสวดภาวนาให้นายจตุพร ทันทีที่ได้รับการปล่อยตัว โดยกล่าวว่าต้องการปัดเป่าสิ่งไม่ดี และสิ่งไม่เป็นมงคลให้นายจตุพร ก่อนที่จะไปปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. เพื่อประเทศชาติต่อไป
ต่อมานายจตุพร พรหมพันธุ์ และ นายนิสิต สินธุไพร เดินทางออกจากเรือนจำ โดยขณะที่เดินออกมาได้มีพระสงฆ์จำนวน 5 รูป พรมน้ำมนต์ เพื่อปัดเป่าสิ่งไม่ดี และนายวิภูแถลง ได้ให้นายนิสิต ขี่คอ จากนั้นทั้งคู่ได้ขึ้นบนรถเวทีปราศรัยที่จอดอยู่หน้าเรือนจำทันที
**"จตุพร"ขอบคุณ"แม้ว"- กกต
จากนั้น นายจตุพรได้กล่าวขอบคุณกกต. ทั้ง 5 คน และยืนยันว่าที่ผ่านมา ตนเองติดตามข่าวสารมาโดยตลอด และขอบคุณ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ขณะเดียวกันนายจตุพร ได้เรียกร้องให้ปล่อยตัวแนวร่วม นปช. อีกกว่า 100 คน ที่ถูกจับกุมจากทั่วประเทศ เพื่อความปรองดอง โดยหลังจากนี้ จะร่วมต่อสู้กับกลุ่มคนเสื้อแดงในอุดมการณ์เดิม เพื่อให้เกิดความยุติธรรมในสังคม และมีความเป็นมาตรฐานเดียวกัน แต่จะเป็นการต่อสู้ผ่านสภา โดยหลังจากปราศรัยประมาณ 1 ชั่วโมง นายจตุพรและแกนนำทั้งหมด ได้เดินทางออกจากเรือนจำเพื่อกลับบ้านพัก
นอกจากนี้ นายจตุพร ยังกล่าวโจมตี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รักษาการรองนายกรัฐมนตรี ที่เคยพูดว่าจะขุดรูอยู่นั้น บัดนี้ได้ทำตามคำพูดหรือไม่
**ทนายตู่ดอดรับหนังสือรับรอง**
วันเดียวกัน ในช่วงเช้าที่กกต.ได้ให้ ส.ส.ที่ กกต.ประกาศรับรองผลรอบสุดท้ายมารับหนังสือรับรอง ปรากฎว่าก็มี ส.ส.เดินทางมารับหนังสือตั้งแต่เช้า คือ นายจักรวาล ชัยวิรัตน์นุกูล ส.ส.เขต 3 สุโขทัย พรรคเพื่อไทย และนายสมคิด บาลไธสง ส.ส.เขต 2 หนองคาย พรรคภูมิใจไทย เหลือเพียงนายอับดุลการิม เด็งระกีนา ส.ส.เขต 2 ยะลา ที่ยังไม่ได้เดินทางมารับหนังสือรับรอง โดยในส่วนของนายจตุพร พรหมพันธ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เจ้าหน้าที่แจ้งว่าทางทนายความได้รับไปแล้ว ทำให้สื่อมวลชนที่ไปเฝ้ารอการรับหนังสือรับรองต้องรอเก้อ ซึ่งมีรายงานว่าทนายความของนายจตุพร ที่เดินทางมาติดตามผลการประชุมกกต.และฟังการแถลงข่าววานนี้ ได้ประสานเป็นการภายในและรับหนังสือรับรองไปแล้วเมื่อคืนวันที่ 1 ส.ค.ที่ผ่านมา
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย หลังจากที่ศาลอนุมัติให้ประกันตัว ได้แจ้งกับสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรว่า จะมารายงานตัวในวันที่ 3 ส.ค.เวลา 13.30 น.
**กกต.จำใจรับรองส.ส."ตู่"
นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต.ด้านสืบสวนสอบสวน กล่าวว่า กกต.จำเป็นต้องประกาศผลการเลือกตั้งให้ นายจตุพร เป็นส.ส.ตามมาตรา 8 ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และการได้มาซึ่งส.ว. เพราะกรณีของนายจตุพรนั้น มิได้ทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตหรือเที่ยงธรรม แต่ยังมีปัญหาว่า จะขาดความเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยหรือไม่ เนื่องจากนายจตุพรไม่ได้ไปใช้สิทธิเลือกตั้งในวันที่ 3 ก.ค. ซึ่งการประกาศผลการเลือกตั้งให้นายจตุพร เป็นส.ส.เป็นการทำตามมาตรา 8 และยังสอดคล้องกับมาตรา 92 ของพ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งส.ส. และการได้มาซึ่งส.ว.ที่ระบุว่ากรณีการเลือกตั้งมิได้เป็นไปโดยสุจริตและเที่ยงธรรมเมื่อมีการคำนวณสัดส่วนส.ส.บัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคการเมืองจะได้รับแล้วให้กกต.ประกาศผลการเลือกตั้งส.ส.บัญชีรายชื่อ
ส่วนที่ต้องตั้งคณะกรรมการตรวจสอบขึ้นมาก่อนส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ก็เพราะกกต.จะส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญทันทีไม่ได้ ต้องให้คณะกรรมการตรวจสอบทำการสืบสวนสอบสวน และทำความเห็นเสนอเรื่องให้นายทะเบียนพรรคการเมือง ให้ความเห็นก่อน หากนายทะเบียนพรรคการเมืองเห็นว่านายจตุพร ขาดความเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย กกต.จะต้องส่งเรื่องไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทยของนายจตุพรต่อไป
"กกต.จะต้องประกาศผลการเลือกตั้งแก่นายจตุพร ภายในกรอบเวลา 30วันตามที่กฎหมายกำหนด เพราะเมื่อประชาชนลงประชามติเห็นชอบให้เป็นส.ส.บัญชีรายชื่อแล้ว กกต.ก็ต้องประกาศผลการเลือกตั้งให้แก่นายจตุพร การไม่ประกาศผลเลือกตั้งให้นายจตุพรจะเป็นการทำให้กกต.ถูกฟ้องข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ซึ่งอาจทำให้กกต.ติดคุกได้"นายสมชัยกล่าว
** “เทพไท”จวกยังไม่รู้สำนึก
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธ์ ได้รับการประกันตัวจากศาลว่า เป็นกระบวนการตามกฎหมาย เมื่อกกต.รับรองให้นายจตุพรเป็นส.ส. ก็ต้องเปิดโอกาสให้เขามารายงานตัวต่อสภาฯ และเมื่อได้เป็นส.ส.เต็มตัวแล้ว ก็จะต้องได้รับเอกสิทธิคุ้มครองจากสภาฯ แต่ถ้าดูจากท่าทีของนายจตุพร หลังจากได้รับการปล่อยตัวขึ้นบนหลังคารถปราศรัย ปลุกระดมกับคนเสื้อแดงต่อไปอีกนั้น แสดงให้เห็นว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาที่นายจตุพร ถูกคุมขังในเรือนจำไม่สามารถทำให้นายจตุพร รู้สึกสำนึกในความรับผิดชอบชั่วดีของตนเองต่อสังคม ทั้งๆ ที่ควรจะสงบปากสงบคำมีความสำรวมในการเคลื่อนไหวทางการเมืองมากกว่านี้
ส่วนกรณีที่นายจตุพร ออกมาเยาะเย้ยนายสุเทพว่า ควรไปขุดรูอยู่นั้น ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำตามที่นายจตุพรพูด เพราะคนอย่างนายสุเทพ กล้าพิสูจน์ความจริงในที่แจ้ง ไม่จำเป็น ต้องไปมุดหัวอยู่ในรูที่ไหน ถ้ารัฐบาลชุดนี้จะดำเนินการใดๆ ทางกฎหมาย ก็พร้อมยืดอกต่อสู้ โดยไม่หนีคดีเหมือนนายใหญ่ของนายจตุพร อย่างแน่นอน
