บอร์ด “ทรีซิกตี้ไฟว์” ล้มแผนซื้อ “ปิคนิค”จากกลุ่มพิมล ศรีวิกรม์ อ้างมีปัญหาและอุปสรรคหลายด้าน ทั้งขาดความร่วมมือในการตรวจสอบ และเรื่องการขอขยายเวลาในการจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนตามแผน ข่าวลือสะพัด มีอินไซด์หาประโยชน์ใส่ตัว จากราคาที่เปลี่ยนแปลงก่อนและหลังล่มดีล
บริษัท ทรีซิกตี้ไฟว์ จำกัด (มหาชน) (TSF) แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 4/2554 เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2554 ได้มีมติให้ยกเลิกการเจรจาเข้าทำการซื้อหุ้นของ บมจ. ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น (PICNI) จากกลุ่มนักลงทุนของ นายพิมล ศรีวิกรม์ เนื่องจากบริษัทประสบปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการหลายประการ เช่น บริษัทไม่ได้รับความร่วมมือในการตรวจสอบสถานะของ PICNI (Due Diligence) ความไม่เชื่อมั่นในการลงทุนของนักลงทุนรายย่อยและ/หรือนักลงทุนเฉพาะเจาะจง
อีกทั้ง เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2554 บริษัทได้รับแจ้งเป็นหนังสือจากนายพิมล ถึงเงื่อนไขการลงทุนในเรื่องการขอขยายระยะเวลาการเข้าจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนตามแผนฟื้นฟูกิจการของ PICNI จากคณะกรรมการเจ้าหนี้ เจ้าหนี้ทั้งหลายและผู้บริหารแผนว่าไม่สามารถดำเนินการขอขยายระยะเวลาตามกำหนดเดิมคือ ภายใน 120 วันนับจากวันที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการ ซึ่งจะครบกำหนดภายในวันที่ 1 กันยายน 2554 ไปเป็นวันที่ 31 ตุลาคม 2554ได้ จึงทำให้บริษัทไม่สามารถดำเนินการแล้วเสร็จภายในระยะเวลาดังกล่าวได้
ดังนั้นที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทจึงมีมติให้ยกเลิกการเจรจาเข้าทำการซื้อหุ้นของ PICNI จากกลุ่มนักลงทุนของนายพิมล ศรีวิกรม์ และขอยกเลิกการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2554 และกำหนดการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มทุนตามที่ได้แจ้งในแบบรายงานการเพิ่มทุน เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2554
อนึ่งที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 3/2554 เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2554 ได้อนุมัติให้เข้าทำการเจรจาและลงนามในบันทึกข้อตกลง MOU การเข้าทำการซื้อหุ้นของ PICNI จากกลุ่มนักลงทุนของ นายพิมล ในจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 51 ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดด้วยเงินลงทุนในจำนวนไม่น้อยกว่า 1,632 ล้านบาท
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายอรัญ อภิจารี เข้าเป็นกรรมการและประธานกรรมการแทนตำแหน่งที่ว่าง โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคม 2554 เป็นต้นไป
ที่ผ่านมา มีรายงาน นายพิมล ศรีวิกรม์ และพรรคพวกที่เป็นแกนนำในการใส่เงินเพิ่มทุนให้กับ PICNI ตามแผนฟื้นฟูกิจการ จำนวน 1.7 พันล้านบาท ได้เสนอรายชื่อบุคคลที่จะใส่เงินเพิ่มทุนให้กับทางกลุ่มเจ้าหนี้เรียบร้อยแล้ว โดยไม่มีชื่อของ TSF ร่วมด้วย
โดยนายพิมล กล่าวว่า จากการเจรจากับTSF พบว่าTSF ไม่สามารถหาเงินมาลงทุนได้ทันระยะเวลาที่เหลือเพียง 30 วัน จึงทำให้ต้องยกเลิกแผนการใส่เงินเพิ่มทุนไป แต่ได้มีการเตรียมแผนรองรับการหาผู้ร่วมลงทุนกลุ่มอื่นแล้ว โดยจะมีบริษัทเพลินจิต แคปปิตอล เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน จะหากลุ่มผู้ร่วมลงทุนรายใหม่ประมาณ 4-5 กลุ่มในการร่วมกันใส่เงินเพิ่มทุนในPICNI แทน ซึ่งกลุ่มใหม่จะเป็นนักธุรกิจอุตสาหกรรมน้ำมันและอดีตผู้บริหารของธนาคาร
แหล่งข่าวรายหนึ่งกล่าวว่า ดีลที่ล้มลงไปหากมองในแง่ธุรกิจก็เป็นเรื่องปกติ แต่เรื่องที่ราคาหุ้นTSF ปรับตัวขึ้นอย่างผิดปกติมาก่อนหน้านี้จะชี้แจงกับนักลงทุนอย่างไร เพราะเมื่อเริ่มมีกระแสว่าจากการทำดีลดังกล่าว ก็มีผลทำให้ราคาหุ้น TSF มีความเปลี่ยนแปลงไปมาก รวมถึงอาจมีการใช้ข้อมูลอินไซด์เข้าหาประโยชน์ ซึ่งควรที่จะมีผู้เข้ามาตรวจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตั้งแต่ช่วงก่อนประกาศแผนจะซื้อหุ้นเพิ่มทุนPICNI และช่วงที่เริ่มมีข่าวว่าดีลไม่ประสบผลสำเร็จ จนราคาปรับตัวลงมา
วานนี้(1ส.ค.) หุ้น TSF ปิดที่ 0.91 บาท เพิ่มขึ้น 0.03บาท หรือ 3.41% มูลค่าการซื้อขาย 17.954 ล้านบาท
บริษัท ทรีซิกตี้ไฟว์ จำกัด (มหาชน) (TSF) แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 4/2554 เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2554 ได้มีมติให้ยกเลิกการเจรจาเข้าทำการซื้อหุ้นของ บมจ. ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น (PICNI) จากกลุ่มนักลงทุนของ นายพิมล ศรีวิกรม์ เนื่องจากบริษัทประสบปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินการหลายประการ เช่น บริษัทไม่ได้รับความร่วมมือในการตรวจสอบสถานะของ PICNI (Due Diligence) ความไม่เชื่อมั่นในการลงทุนของนักลงทุนรายย่อยและ/หรือนักลงทุนเฉพาะเจาะจง
อีกทั้ง เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2554 บริษัทได้รับแจ้งเป็นหนังสือจากนายพิมล ถึงเงื่อนไขการลงทุนในเรื่องการขอขยายระยะเวลาการเข้าจองซื้อหุ้นเพิ่มทุนตามแผนฟื้นฟูกิจการของ PICNI จากคณะกรรมการเจ้าหนี้ เจ้าหนี้ทั้งหลายและผู้บริหารแผนว่าไม่สามารถดำเนินการขอขยายระยะเวลาตามกำหนดเดิมคือ ภายใน 120 วันนับจากวันที่ศาลมีคำสั่งเห็นชอบด้วยแผนฟื้นฟูกิจการ ซึ่งจะครบกำหนดภายในวันที่ 1 กันยายน 2554 ไปเป็นวันที่ 31 ตุลาคม 2554ได้ จึงทำให้บริษัทไม่สามารถดำเนินการแล้วเสร็จภายในระยะเวลาดังกล่าวได้
ดังนั้นที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทจึงมีมติให้ยกเลิกการเจรจาเข้าทำการซื้อหุ้นของ PICNI จากกลุ่มนักลงทุนของนายพิมล ศรีวิกรม์ และขอยกเลิกการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2554 และกำหนดการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการเพิ่มทุนตามที่ได้แจ้งในแบบรายงานการเพิ่มทุน เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2554
อนึ่งที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 3/2554 เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2554 ได้อนุมัติให้เข้าทำการเจรจาและลงนามในบันทึกข้อตกลง MOU การเข้าทำการซื้อหุ้นของ PICNI จากกลุ่มนักลงทุนของ นายพิมล ในจำนวนไม่น้อยกว่าร้อยละ 51 ของหุ้นที่ออกและจำหน่ายแล้วทั้งหมดด้วยเงินลงทุนในจำนวนไม่น้อยกว่า 1,632 ล้านบาท
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติแต่งตั้งนายอรัญ อภิจารี เข้าเป็นกรรมการและประธานกรรมการแทนตำแหน่งที่ว่าง โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคม 2554 เป็นต้นไป
ที่ผ่านมา มีรายงาน นายพิมล ศรีวิกรม์ และพรรคพวกที่เป็นแกนนำในการใส่เงินเพิ่มทุนให้กับ PICNI ตามแผนฟื้นฟูกิจการ จำนวน 1.7 พันล้านบาท ได้เสนอรายชื่อบุคคลที่จะใส่เงินเพิ่มทุนให้กับทางกลุ่มเจ้าหนี้เรียบร้อยแล้ว โดยไม่มีชื่อของ TSF ร่วมด้วย
โดยนายพิมล กล่าวว่า จากการเจรจากับTSF พบว่าTSF ไม่สามารถหาเงินมาลงทุนได้ทันระยะเวลาที่เหลือเพียง 30 วัน จึงทำให้ต้องยกเลิกแผนการใส่เงินเพิ่มทุนไป แต่ได้มีการเตรียมแผนรองรับการหาผู้ร่วมลงทุนกลุ่มอื่นแล้ว โดยจะมีบริษัทเพลินจิต แคปปิตอล เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน จะหากลุ่มผู้ร่วมลงทุนรายใหม่ประมาณ 4-5 กลุ่มในการร่วมกันใส่เงินเพิ่มทุนในPICNI แทน ซึ่งกลุ่มใหม่จะเป็นนักธุรกิจอุตสาหกรรมน้ำมันและอดีตผู้บริหารของธนาคาร
แหล่งข่าวรายหนึ่งกล่าวว่า ดีลที่ล้มลงไปหากมองในแง่ธุรกิจก็เป็นเรื่องปกติ แต่เรื่องที่ราคาหุ้นTSF ปรับตัวขึ้นอย่างผิดปกติมาก่อนหน้านี้จะชี้แจงกับนักลงทุนอย่างไร เพราะเมื่อเริ่มมีกระแสว่าจากการทำดีลดังกล่าว ก็มีผลทำให้ราคาหุ้น TSF มีความเปลี่ยนแปลงไปมาก รวมถึงอาจมีการใช้ข้อมูลอินไซด์เข้าหาประโยชน์ ซึ่งควรที่จะมีผู้เข้ามาตรวจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตั้งแต่ช่วงก่อนประกาศแผนจะซื้อหุ้นเพิ่มทุนPICNI และช่วงที่เริ่มมีข่าวว่าดีลไม่ประสบผลสำเร็จ จนราคาปรับตัวลงมา
วานนี้(1ส.ค.) หุ้น TSF ปิดที่ 0.91 บาท เพิ่มขึ้น 0.03บาท หรือ 3.41% มูลค่าการซื้อขาย 17.954 ล้านบาท
