xs
xsm
sm
md
lg

ปลุกผี PICNITSF เพิ่มทุนซื้อลือมีอินไซด์ปั่นหุ้น-ตลท.บี้ชี้แจงสาเหตุ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

“ทรีซิกตี้ไฟว์” มาแปลกคิดแตกไลน์ธุรกิจแบบสุดโต่ง ผุดไอเดียจับเสือมือเปล่า เพิ่มทุน 4.91 พันล้านหุ้น ขายแก่ผู้ถือหุ้นเดิม พร้อมแถมวอแรนท์ฟรี และขายพีพีอีก 200 ล้านหุ้น หวังนำเงิน2,100ล้านบาทไปซื้อหุ้น “ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น” อ้างธุรกิจแอลพีจีแนวโน้มเติบโตดี พร้อมตั้ง “สุรเกียรติ เสถียรไทย- ศุภชัย พิศิษฐวานิช”เป็นที่ปรึกษาการลงทุน เพื่อเรียกความเชื่อมั่นสร้างภาพลักษณ์กลับคืนบริษัท คาดเพิ่มทุนเสร็จ.ต.ค.นี้ ส่วนโครงสร้างหลังซื้อกิจการจะชัดเจนหลังประชุมผู้ถือหุ้น 7 ก.ย.ฝั่งตลาดหลักทรัพย์ เป็นงง! จี้ชี้แจงเพิ่มทุน ถึงประโยชน์ที่จะได้รับจากหุ้นในกลุ่มNPG หนำซ้ำก่อนหน้าราคาTSF วิ่งแปลกขึ้นโดยไร้สาเหตุ วงการเชื่อมีการอินไซด์ข้อมูลหาประโยชน์

ม.ล.สิทธิฉันท์ วรวุฒิ กรรมการ บริษัท ทรีซิกตี้ไฟว์ จำกัด (มหาชน) หรือ TSF เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทได้มีมติจะเข้าไปซื้อกิจการบริษัท ปิคนิค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)หรือ PICNI เนื่องจาก มองว่าธุรกิจก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) มีแนวโน้มการเติบโตที่สูงซึ่งในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาโตเฉลี่ย 13% และอนาคตรัฐบาลจะมีการลอยตัวราคา LPG นั้น ยิ่งทำให้ราคามีการปรับตัวเพิ่มขึ้นสูง ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าไปลงทุน แต่การที่จะเข้าไปทำธุรกิจ LPGเองนั้นมีข้อจำกัด ในเรื่องการจัดตั้งคลังก๊าซ และการขออนุญาตเป็นผู้ค้าน้ำมันตามมาตรา7 ทำให้ผู้ประกอบการรายใหม่เข้าไปทำธุรกิจดังกล่าวยาก โดยปัจจุบันมีผู้ประกอบการปัจจุบันอยู่ 4 บริษัท คือ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) บริษัท สยามแก๊ส แอนด์ ปิโตรเคมี คัลส์ จำกัด (มหาชน)และบริษัทเวิลด์แก๊ส (ประเทศไทย)จำกัด และ บมจ.ปิคนิค

ทั้งนี้ จากการที่ศาลล้มละลายกลางมีคำตัดสินให้คลังแก๊ส 2 แห่ง บางจะเกร็ง และลำปาง กลับมาเป็นของปิคนิค ซึ่งจะส่งดีทำให้ภายใน 3 เดือนจากนี้ปิคนิคจะกลับมามีกำไร ทำให้ในไตรมาส4/54 ปิคนิคจะกลับมามีกำไรเป็นไตรมาสแรก จึงเป็นโอกาสที่ดีที่จะเข้าไปซื้อ PICNI โดยบริษัทจะเข้าไปถือหุ้นปิคนิคไม่ต่ำกว่า 51% ของจำนวนหุ้นทั้งหมด หลังจากที่ผลการตรวจสอบสถานะของกิจการ เป็นที่น่าพอใจต่อการลงทุน และได้รับความเห็นชอบจากผู้ถือหุ้นของบริษัท ทรีซิกตี้ไฟว์ ซึ่งจะมีการประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 7 ก.ย.และผู้บริหารแผนและเจ้าหนี้ของ PICNI

สำหรับเงินที่จะเข้าไปซื้อหุ้นปิคนิคนั้นมากจากเงินเพิ่มทุน จาก 127.59 ล้านบาท เป็น 618.76 ล้านบาท โดยออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนใหม่จำนวน 4,911.71 ล้านหุ้น แบ่งเป็น เสนอขายหุ้นแก่ผู้ถือหุ้นเดิม จำนวน 3,533.78 ล้านหุ้น ในอัตรา 1 หุ้นเดิม ต่อ 3 หุ้นใหม่ ในราคา 0.55บาท และอีก 1,777.92 ล้านหุ้น ในการเสนอขายสบคำสัญแสดงสิทธิ (วอแรนท์) ให้กับผู้ถือหุ้นเดิมในอัตรา 1 หุ้น เดิมต่อ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ ที่ราคา 0 บาท โดยมีราคาใช้สิทธิเท่ากับ 0.50 บาทต่อหุ้น ที่เหลืออีก 200 ล้านหุ้นเสนอขายแก่ผู้ลงทุนในวงจำกัด (PP) ราคาหุ้นละ 0.90 บาทต่อหุ้น โดยบริษัทคาดว่าการเพิ่มทุนจะเสร็จประมาณเดือนตุลาคมนี้

“บริษัทจะได้เงินจากการเสนอขายหุ้นเพิ่มทุนประมาณ 2,100 ล้านบาท ซึ่งจะนำเงินประมาณ 1,700 ล้านบาท ไปซื้อหุ้นเพิ่มทุนของ ปิคนิค เพื่อให้ปิคนิคนำเงินดังกล่าวไปชำระให้กับเจ้าหนี้ และเข้าไปซื้อหุ้นในส่วนของการแปลงหนี้เป็นทุนของเจ้าหนี้ปิคนิคอีก 100 ล้านบาท ส่วนที่เหลือใช้เป็นเงินทุนในการคำเสนอซื้อหุ้นทั้งหมดของผู้ถือหุ้นรายย่อยปัจจุบันในปิคนิค และ ใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท โดยโครงสร้างของบริษัทหลังจากเข้าไปซื้อปิคนิคแล้วจะเป็นอย่างไรขณะนี้ยังไม่สามารถตอบได้ คงจะต้องรอให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นก่อนจึงจะมีความชัดเจน”

ทั้งนี้ การที่บริษัทจะเข้าไปลงทุนในบริษัท ปิคนิค นั้น ได้มีการแต่งตั้งพลเอกวิชิต ยาทิตย์ ซึ่งเป็นคณะกรรมการอิสระของบริษัท ให้จัดตั้งคณะที่ปรึกษาและผู้ทรงคุณวุฒิในการเข้าศึกษาไปลงทุนในบมจ.ปิคนิค ซึ่งประกอบด้วย นายสุรเกียรติ์ เสถียรไทย อดีตรองนายกรัฐมนตรี นายศุภชัย พิศิษฐวานิช อดีตปลัดกระทรวงการคลัง และ นายฉัตรภูมิ ขันติวิริยะ เป็นเลขานุการของคณะที่ปรึกษา และการเข้าไปลงทุนครั้งนี้ เป็นไปอย่างถูกต้องตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และทำหน้าที่ในการปรับภาพลักษณ์ของบริษัท

สำหรับในปีนี้ TSF คาดว่า จะมีกำไรสุทธิปรับตัวเพิ่มขึ้น จากปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 2 ล้านบาท เนื่องจาก ในไตรมาส 1/54 บริษัทมีกำไรสุทธิแล้ว 7 ล้านบาท จากงานป้ายโฆษณาของสนามบินสุวรรณภูมิ ป้ายโฆษณาของทางด่วน ฯลฯ

ตลท.สงสัยแผนฮุบปิคนิค-สั่งชี้แจงด่วน

ล่าสุด ตลาดหลักทรัพย์ ได้สั่งให้ บมจ.ทรีซิกตี้ไฟว์ (TSF) ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมกรณีคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้ลงทุนซื้อหุ้นสามัญของ PICNI จากผู้ถือหุ้นของ PICNI ในสัดส่วนไม่ต่ำกว่าร้อยละ 51 ของทุนชำระแล้ว คิดเป็นมูลค่าการลงทุนไม่น้อยกว่า 1,632 ล้านบาท โดยจะมีการเพิ่มทุนเสนอขายผู้ถือหุ้นเดิมและบุคคลเฉพาะเจาะจงเพื่อระดมทุนซื้อ PICNI เนื่องจาก PICNI เป็นบริษัทจดทะเบียนที่ถูกสั่งพักการซื้อขาย เพราะเป็นบริษัทจดทะเบียนที่แก้ไขการดำเนินงานไม่ได้ตามกำหนด (Non-Performing Group หรือ NPG) และอยู่ระหว่างฟื้นฟูกิจการตามกฎหมายล้มละลาย โดยให้ TSF ชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมภายในวันที่ 22 ก.ค.54 ประกอบด้วย เหตุผลที่มาที่ไปของการตัดสินใจเข้าลงทุนซื้อหุ้นสามัญของ PICNI พร้อมประโยชน์ที่ TSF คาดว่า จะได้รับ เนื่องจาก PICNI ยังคงอยู่ระหว่างฟื้นฟูกิจการประกอบกับยังคงมีผลการดำเนินงานขาดทุนมาโดยตลอด และนโยบายการประกอบธุรกิจในอนาคตของ TSF

รวมทั้งราคาซื้อหุ้นสามัญของ PICNI และหลักเกณฑ์ที่ใช้ในการกำหนดราคาซื้อดังกล่าว, ข้อมูลของผู้ถือหุ้น PICNI ที่จะลงนามขายหุ้นให้บริษัท ได้แก่ ชื่อและความสัมพันธ์กับบริษัท จำนวนหุ้นที่จะขายของผู้ถือหุ้นแต่ละคน ในกรณีที่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ขอให้ระบุกำหนดวันที่คาดว่าจะเปิดเผยข้อมูลได้

นอกจากนั้น ยังให้ชี้แจงสาระสำคัญและเงื่อนไขในสัญญาซื้อขายหุ้นดังกล่าว ชื่อที่ปรึกษาทางการเงินและที่ปรึกษาทางการเงินอิสระที่จะเป็นผู้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการทำรายการ และ ความคืบหน้าตรวจสอบสถานะกิจการของ PICNI และกำหนดเวลาที่คาดว่าจะแล้วเสร็จ

ขณะเดียวกัน ตลท.ให้ชี้แจงข้อมูลและเหตุผลเกี่ยวกับการเพิ่มทุนให้บุคคลเฉพาะเจาะจงจำนวน 200 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 0.90 บาท ซึ่งเป็นการเสนอขายหุ้นในราคาต่ำ รวมทั้งหลักเกณฑ์และวิธีการเลือกบุคคลเฉพาะเจาะจง พร้อมระบุประโยชน์ที่จะได้รับจากการเลือกบุคคลเฉพาะเจาะจงดังกล่าว หลักเกณฑ์ในการกำหนดราคาขายต่อหุ้น และเหตุผลที่เลือกเกณฑ์กำหนดราคาดังกล่าว เงื่อนไขหรือข้อตกลงอื่นใด

TSF ส่อเสือมือเปล่า-เล่นแผนเดิมๆ

ทั้งนี้ แม้ดีลดังกล่าวอาจประสพผลสำเร็จ TSF แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ไม่ต่างจากครั้งอดีตที่เคยเกิดกับPICNI นั่นคือสมัยที่กลุ่มนายสุริยา ลาภวิสุทธิสิน เข้ามาฮุบกิจการ เพราะใช้วิธีเดียวกันนั่นคือ การเพิ่มทุน แจกวอร์แรนท์ให้นักลงทุนเพื่อล่อใจ และสร้างเรื่องราวที่มีผลต่อการปรับขึ้นราคา รวมถึงมีการตกแต่งบัญชีให้ดูน่าเชื่อถือ ซึ่งก่อนหน้านี้มีกระแสข่าวว่า นายพิมล ศิวกรม์ ได้เร่ขายหุ้นเพิ่มทุนให้กับนักลงทุนและผู้สนใจหลายกลุ่ม เพื่อหวังจะให้กลุ่มทุนยอมควักเงินซื้อ เพื้อนำไปชำระหนี้ให้เจ้าหนี้สถาบันการเงินมากกว่า 7,000ล้านบาทแลกกับการเข้ามาถือหุ้นเพิ่มทุนทุนปิคนิค ก่อนสุดท้ายจะมาลงเอยที่ TSF

แต่ TSF เองก็ไม่ได้เงินของบริษัทในการทำดีลดังกล่าวเลย เพราะเงินที่จะใช้ซื้อหุ้น มาจากการเพิ่มทุน หรือกล่าวคือ การเอาเงินมาจากผู้ถือหุ้น TSF มาจ่ายแทน ที่สำคัญก่อนที่จะมีการเปิดเผยมติคณะกรรมการบริษัทในครั้งนี้ ราคาหุ้น TSF มีการเคลื่อนไหวมากผิดปกติ ทำให้มีการเชื่อว่า น่าจะมีผู้ล่วงรู้ข้อมูลแผนการเทคโอเวอร์ครั้งนี้ แล้วนำมาหาประโยชน์ โดยซื้อขายอินไซเดอร์ เทรดดิ้ง เอาเปรียบผู้ลงทุนรายอื่น เพราะจากข้อมูลของตลาดหลักทรัพย์พบว่า ราคาหุ้น TSF มีการคึกคักเคลื่อนไหวผิดปกติมาตั้งแต่ปลายสัปดาห์ก่อน จาก 0.80-0.90บาทที่แทบไม่เคยมีการเคลื่อนไหวแต่ในวันที่ 12 ก.ค.ราคาหุ้นกลับทะยานขึ้นมาชนเพดาน(ซิลลิ่ง)ที่ 1.15 บาท บวก 0.26 บาท หรือ 29.21% และปรับขึ้นต่อเนื่องในวันถัดมา โดยราคาปรับขึ้นไปสูงสุดที่ 1.43 บาท ในวันที่ 13 ก.ค.โดยมีวอลุ่มการซื้อขายที่หนาแน่นต่อเนื่องมาจนถึงวันที่ 18 ก.ค.ก่อนที่จะถูกขายทำกำไรวานนี้ (19 ก.ค.) ซึ่งล่าสุดปิดที่ 1.20 บาท ลดลง 0.07 บาท หรือ 5.51% มูลค่าการซื้อขาย 34.631 ล้านบาท
กำลังโหลดความคิดเห็น