ASTVผู้จัดการรายวัน - "โรมานอฟ" ถอนตัวประธานสภาผู้แทนราษฎร ส่อเปิดทางแกนนำเสื้อแดงนั่ง รมต. “ยิ่งลักษณ์” ยันเคาะชื่อแน่วันนี้ คาด “ขุนค้อน” แบเบอร์ "สดศรี" ข้องใจโทรทัศน์ตั้งคำถามข่มขู่ สอดคล้องมือมืดโทรฯ บังคับให้ปล่อยไอ้ตู่ โยงประธาน นปช.ให้สัมภาษณ์ เตรียมแจ้งความ เชื่อเป็นขบวนการเดียวกัน ปชป.ขู่ฟ้อง กกต.หากวันนี้รับรองไอ้ตู่
วานนี้ (31 ก.ค) พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.สัดส่วน พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวที่ว่าในวันนี้ (1ส.ค.) พรรคเพื่อไทยจะมีการคัดเลือกบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่า ตนเคยผูกพันกับตำแหน่งรองประธานสภามา 4 ปี โดยตลอดระยะเวลาการทำงานก็ทำด้วยความยุติธรรมมาตลอด แต่ก็ยังมีกลุ่มคนบางส่วน เช่น ประชาชน และ ส.ส.บางคน มีความเห็นว่า ไม่สบายใจหากตนจะเข้ามาดำรงตำแหน่ง
“ผมจึงตัดสินใจที่จะถอนตัวออกจากรายชื่อแคนดิเดตตำแหน่งดังกล่าว เพื่อให้เกิดความปรองดองในชาติ”พ.อ.อภิวันท์ กล่าวและว่าขอขอบคุณประชาชนที่ให้กำลังใจ และสนับสนุนตนมาโดยตลอดและตนก็ขอให้สนับสนุนบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งนี้ด้วย
ผู้สื่อข่าวมถามว่า ส.ส.ที่ไม่พอใจนั้น หมายถึงคนในพรรคเพื่อไทยหรือไม่ พ.อ.อภิวันท์ กล่าวว่า เป็น ส.ส.ต่างพรรค เนื่องจากในพรรคไม่ว่าจะเป็นใครมาดำรงตำแหน่งประธานสภาฯ ก็พร้อมที่จะรับมติของพรรค ไม่มีปัญหาใดๆ แต่ตนอยากจะให้บรรยากาศเป็นไปด้วยความรัก ความสามัคคีและปรองดอง
ส่วนหากได้เป็นรองประธานจะรับหรือไม่ พ.อ.อภิวันท์ กล่าวว่า คงจะเป็นไปตามลักษณะเดียวกัน ตนคงจะไม่รับตำแหน่งทางนิติบัญญัติ ซึ่งได้แจ้งไปทางนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรี และนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ หัวหน้าพรรคเพื่อไทยแล้ว และขอยืนยันว่า เรื่องนี้ตนตัดสินใจเอง ไม่มีกลุ่มคนใดมากดดันการตัดสินใจอย่างแน่นอน
ทั้งนี้ ตนคิดว่า ไม่ว่าจะเป็นนายสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ หรือ นายวิทยา บุรณศิริ ตนก็มั่นใจว่าทั้งสองคนจะทำหน้าที่ในตำแหน่งนี้ได้ และเชื่อมั่นว่าจะทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนตัวก็พร้อมรับตำแหน่ง ตามที่พรรคเพื่อไทยอยากจะให้เห็น หรือถ้าจะให้เป็น ส.ส.ธรรมดาก็พร้อมที่จะเป็น
**ลือ!ถอนปธ.สภาเปิดทางแดงนั่งรมต.
รายงานจากพรรคเพื่อไทย แจ้งว่า ประเด็น ที่พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ประกาศถอนตัวจากตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร เชื่อว่าจะเป็นการเปิดทางให้แกนนำคนเสื้อ ต่อรองเพื่อก้าวมาสู่ตำแหน่งรัฐมนตรี โดยพ.อ.อภิวันท์ ถือเป็นแนวร่วมคนเสื้อแดงคนหนึ่ง และคนเสื้อแดงก็หนุนให้เป็นประธานมาโดยตลอด ขณะเดียวกันยังมีกระแสว่า พ.อ.อภิวันท์ ยังมีชื่อติดโผในตำแหน่งรัฐมนตรีด้วย
**ยิ่งลักษณ์เคาะชื่อปธ.สภาวันนี้
น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวถึงกระแสข่าวที่ส.ส. บางกลุ่มภายในพรรค เรียกร้องให้ นายยงยุทธ ดำรงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่า ตนขอรับฟังข้อคิดเห็น แต่คงต้องไปหารือในวันจันทร์ที่ 1 ส.ค. อีกครั้ง เพราะว่าคุณสมบัติของผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งประธานสภาฯที่เราอยากได้นั้น ต้องเป็นผู้ที่เข้าใจงานสภา อีกทั้งต้องเข้าใจในกฎระเบียบข้อบังคับของสภาฯด้วย
ส่วนวันที่ 1 ส.ค.นี้จะได้ชื่อประธานสภาเลยหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า “ได้ชื่อเลยค่ะ” เพราะต้องนำรายชื่อมาแจ้งให้ที่ประชุม ส.ส. ได้รับทราบ
ทั้งนี้มั่นใจแค่ไหนหากรายชื่อประธานสภาฯที่ปรากฏออกมาแล้ว จะไม่เกิดเสียคัดค้านจากคนเสื้อแดง และส.ส. บางกลุ่ม น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า เราจะใช้หลักเกณฑ์ในการพิจารณาอย่างรอบคอบให้คลอบคลุมมากที่สุด ตนเชื่อว่า ด้วยเหตุผลต่างๆนั้น ผู้สมัคร ส.ส.และประชาชน จะเข้าใจ
ส่วนรมว.มหาดไทยก็ต้องเป็นผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจ และมีความประนีประนอม เพราะการพิจารณาผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่ง ต้องยึดหลักความเข้าใจพื้นฐานด้วย เนื่องจากจะต้องทำงานกับหน่วยงานราชการ จะต้องมีพื้นฐานความเข้าใจบ้างหรือว่าเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติที่ตรงกับความรู้ความสามารถในแต่ละกระทรวง ซึ่งกระทรวงมหาดไทยถือว่าเป็นกระทรวงใหญ่และมีผู้เกี่ยวข้องจำนวนมาก ดังนั้นคงจะต้องเป็นบุคคลที่มีความสามารถคุยกับผู้อื่นได้ดี เป็นผู้ที่มีความเป็นกลาง เป็นผู้ที่ผู้ใหญ่ให้การนับถือ ส่วนในเรื่องกระบวนการต่างๆนั้น หากจะให้พี่น้องประชนชนมั่นใจ คงไม่ได้อยู่แค่บุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีเท่านั้น ต้องร่วมถึงกระบวนการภายในด้วย ที่เราต้องเข้าไปหารือในรายละเอียด เพื่อให้เกิดความชัดเจนและโปร่งใส ซึ่งเรื่องนี้เป็นหลักสำคัญ
ส่วนบุคคลที่จะมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรี ส่วนใหญ่จะเป็นคนนอกเพื่อไม่ให้เกิด “ครม.ยี้” ใช่หรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ยังไม่ถึงขั้นนั้น ยืนยันว่าคนนอกมีแน่นอน เราจะนำคนนอกที่มีคุณสมบัติเหมาะสมมาพิจารณาร่วมกับคนใน ทั้งนี้เราก็คงต้องดูคนในด้วยเช่นกัน เพราะมีหลายคนที่มีความรู้ ตรงกับงาน ขณะนี้คนนอกที่ได้ทาบทามมีกี่คน น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ยังไม่ถึงตรงนั้นแค่มองคร่าวๆ เพราะเรายังไม่ได้หารือในรายละเอียดทั้งหมด กับกรรมการบริหารพรรค
**ภาคกทม. ปัดดัน"ยงยุทธ"
นายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย แถลงปฏิเสธกระแสข่าวภาคกทม.ร่วมสนับสนุนนายยงยุทธ เป็นประธานสภาฯว่า ภาคกทม.มีมติในการแถลงข่าวใดๆ จะให้ตนและ น.อ.อนุดิษฐ นาครทรรพ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย เป็นผู้แถลงเท่านั้น กระแสข่าวที่เกิดขึ้นเราไม่สบายใจอย่างมาก เพราะเรื่องการตัดสินใจต่างๆ พรรคเพื่อไทยมีมติให้ผู้ใหญ่ในพรรคและกรรมการบริหารพรรค เป็นผู้ดูแลอยู่แล้ว การออกข่าวเช่นนี้ทำให้เกิดความสับสน เกิดคำถามมากมาย มติต่างๆของภาคกทม.ที่ออกมา ยืนยันว่าเรื่องทุกเรื่อง เป็นหน้าที่กรรมการบริหารพรรคเท่านั้น โดยที่ภาคกทม.ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆทั้งสิ้น
นอ.อนุดิษฐ์ กล่าวว่า ตนขอปฎิเสธในนามของภาค กทม.เนื่องจากทั้งตนและนายวิชาญ ซึ่งจะเป็นผู้ที่แถลงข่าวทั้งสองคน โดยตนไม่เคยให้สัมภาษณ์ หรือแถลงข่าวในกรณีนี้เลย
**"ยงยุทธ"ปัดแคนดิเดตปธ.สภา
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวปฎิเสธถึงกระแสข่าวว่าเป็นหนึ่งในแคนดิเดตประธานสภาผู้แทนราษฎร ว่า ไม่ทราบเรื่องดังกล่าว จะให้ตนเป็นอะไรหรือไม่ให้เป็นอะไรก็ได้ทั้งนั้น
**ไม่รู้"วิทยา" ก็เมินเก้าอี้ปธ.สภาฯ
นายยงยุทธ กล่าวว่า หลักเกณฑ์ในการพิจารณาเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร ยังคงใช้เกณฑ์ความรู้ความสามารถและการทำงานในสภาผู้แทนราษฎรได้ โดยมีความสัมพันธ์ที่ดี ทำงานร่วมกับทุกพรรคการเมืองได้ ส่วนที่มีข่าวออกมาก่อนหน้านี้ว่า นายวิทยา บุรณศิริ อดีตวิปฝ่ายค้าน ไม่ขอรับตำแหน่งนี้นั้น ยังไม่เคยได้ยิน และคงไม่มีอะไรชัดเจน จนกว่าจะได้มีการหารือกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ และได้ข้อสรุปออกมาเป็นที่ชัดเจนก่อน
ส่วนข่าวที่ระบุว่า โควตารองประธานสภาฯ อาจมีพรรคร่วมรัฐบาลเข้ามาทำหน้าที่นั้น นายยงยุทธ กล่าวว่า คงไม่มี
** ให้พรรคกำหนดตัวปธ.สภา
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวว่าคนเสื้อแดงสนับสนุน พ.อ.อภิวันท์ ว่า ทุกตำแหน่งทางการเมืองที่จะเกิดขึ้น จุดยืนของพวกเราคือ การเคารพดุลพินิจของคณะกรรมการบริหารพรรค การจะแสดงออกเพื่อสนับสนุนบุคคลใดก็สามารถทำได้ด้วยความบริสุทธิ์ใจ แต่จะต้องไม่มีท่าทีไปกดดันคณะกรรมการบริหารพรรค ซึ่งขณะนี้ถือว่าเป็นบรรยากาศที่ดี เพราะสามารถสนับสนุนเอาใจช่วยกันได้ ไม่ใช่เรื่องแปลก แต่สุดท้ายแล้วเมื่อกรรมการบริหารพรรคมีดุลยพินิจอย่างไร ทุกฝ่ายต้องเคารพตามนั้น แล้วเดินหน้าทำงานตามหน้าที่น่าจะเป็นภาพที่ประชาชนต้องการ
ส่วนที่คนเสื้อแดงเรียกร้องอยากให้ พ.อ.อภิวันท์ เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎร นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า อย่างที่เรียนว่า หลายคนมีหลายฝ่ายเอาใจช่วยไม่ว่าจะ พ.อ.อภิวันท์ นายสมศักดิ์ นายวิทยา และล่าสุด มีชื่อ นายยงยุทธ เป็นประธานสภาหลายฝ่ายก็เอาใจช่วย แต่ข้อสรุปสุดท้ายอยู่ที่คณะกรรมการบริหารพรรค
**ยันวันนี้ ประชุมเลือกประธาน
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในวันที่ 1ส.ค.เวลา 9.30น. พรรคเพื่อไทยจะประชุมเพื่อเลือกประธานสภาฯ และแจ้งให้ส.ส.ทราบ เพื่อที่จะนำรายชื่อไปโหวตในวันเปิดประชุมสภาฯ 2 ส.ค ส่วนตัวขอชื่นชม พ.อ.อภิวันท์ ที่ได้แสดงสปิริต ถอนตัวจากแคนดิเดตประธานสภาฯ แม้จะมีหลายฝ่ายสนับสนุนการทำหน้าที่ดังกล่าว ขณะที่อีกฝ่ายก็วิพากษ์วิจารณ์ แต่พ.อ.อภิวันท์ เลยแสดงสปิริตถอนตัว ถือเป็นสุภาพบุรุษทางการเมือง มองให้เห็นว่าพรรคเพื่อไทยมีบุคลากรที่มีคุณค่า ไม่ยึดติดกับตำแหน่งใดๆ
**"เทพไท" บอกเสียดาย "อภิวันท์"
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า แม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นเรื่องภายในพรรคเพื่อไทย แต่ตำแหน่งประธานสภามีผลกระทบต่อการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ ในฐานะที่ตนเป็นสมาชิกรัฐสภาคนหนึ่งก็รู้สึกเสียดายที่พ.อ.อภิวันท์ถอนตัวไป โดยส่วนตัวได้อยู่ในสภามาและเห็นการทำหน้าที่การเป็นประธานสภาของพ.อ.อภิวันท์ ซึ่งทำหน้าที่ได้ดีไม่ด้อยไปกว่าคนอื่น แม้แนวความคิดทางการเมืองอาจจะแตกต่างกันและเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ของสังคมก็ตาม แต่ต้องแยกระหว่างแนวความคิดส่วนตัวและการทำหน้าที่ประธานสภาออกจากกัน และมั่นใจว่า ถ้าพ.อ.อภิวันท์ ได้เป็นประธานสภาก็สามารถทำหน้าที่ได้ดี
ส่วนที่มีชื่อนายยงยุทธ์ ขึ้นมาเป็นแคนดิเดต แทนนั้น โดยส่วนตัวรู้จักมักคุ้นเป็นอย่างดีแต่เห็นว่านายยงยุทธน่าจะมีความเหมาะสมกับตำแหน่งรมว.มหาดไทยมากกว่าเพราะเป็นผู้มีประสบการณ์และมีอดีตเป็นปลัดกระทรวงมหาดไทย และมีบุคคลิกประนีประนอมประสานงานได้กับทุกฝ่าย การทำหน้าที่ประธานสภาฯต้องเป็นผู้มีประสบการณ์เป็นส.ส.หลายสมัย เป็นที่เคารพนับถือของสมาชิกรัฐสภา รู้ระเบียบข้อบังคับและวัฒนธรรมทางการเมืองในการประชุมสภา นายยงยุทธเป็นเพียงส.ส.สมัยแรก การมานั่งในตำแหน่งนี้ก็อาจเป็นอุปสรรคในการทำงานเหมือนกับในอดีตที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้ผลักดันนายโภคิน พลกุล ซึ่งเป็นส.ส.สมัยแรก เข้านั่งตำแหน่งประธานสภา ทำให้การทำหน้าที่ประธานสภาขณะนั้นชุลมุนวุ่นวาย ไม่ประสบความสำเร็จ ถือว่าเป็นความล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง เพียงเพราะพ.ต.ท.ทักษิณต้องการให้คนที่ตัวเองไว้ใจมาเป็น และ ครั้งนี้ก็เช่นกัน ไม่อยากให้ความคิดเหล่านั้นกลับมาใช้กับผู้ดำรงแหน่งประธานภสาคนใหม่ ที่จะเป็นประมุขของฝ่ายนิติบัญญัติ
**กกต.เตรียมแจ้งความโทรขู่ฆ่า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่นางสดศรี เปิดเผยว่า ที่ต้องปิดมือถือเพราะมีโทรศัพท์ที่ขึ้นต้นด้วย02 และลงท้าย 89 โทรไปหาตนในช่วงเวลาประมาณ 22 .00 น.เมื่อคืนวันที่ 29 ก.ค.ที่ผ่านมาเมื่อรับสายก็ ก็แนะนำตัวเองว่าอยู่สถานีโทรทัศท์ช่องหนึ่ง แต่ไม่ระบุชื่อว่าเป็นใคร แต่เขาไม่ได้ขอโฟนอิน และได้ถามตนว่า “กลัวไหมเสาร์-อาทิตย์นี้จะมีคนเสื้อแดงเข้ามา” ตนก็บอกไปว่าไม่กลัวและพูดคุยอยู่ประมาณ 3 นาทีตนก็วางโทรศัพท์ หากเป็นผู้สื่อข่าวจริงๆทำอย่างนี้มันไม่น่าจะถูกต้อง จากนั้นตนก็ได้โทรหารือกับนายธนพิช มูลพฤกษ์ อธิบดีอัยการฝ่ายคดีพิเศษได้ทราบ และขอให้ช่วยประสานเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลกกต.หรือช่วยเช็คข่าวให้ด้วยว่าคนที่โทรมาเป็นใคร เพราะตนไม่รู้จักกับตำรวจเป็นการส่วนตัว แต่รู้จักนายธนพิชญ์ ที่พอจะรู้จักกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเยอะพอที่จะน่าช่วยเหลือเราได้
“หากว่าดิฉัน หรือกกต.คนอื่นๆเป็นอะไรไปในช่วงเวลานี้ ก็น่าจะมาจากคนที่โทรศัพท์เข้ามาในตอนนั้นแน่ ซึ่งคุณธนพิชญ์ จะเป็นพยานได้ อีกทั้งดิฉันเองก็ได้บันทึกเบอร์โทรศัพท์ในช่วงเวลานั้นเอาไว้แล้วด้วย อย่างไรก็ตามในช่วงเช้าก็ได้โทรไปเช็คซึ่งก็เป็นเบอร์ของสถานีโทรทัศน์ช่องหนึ่งจริง และหากใครจะฟ้องว่าทำให้เกิดความเสียหายก็ฟ้องได้เลย เพราะดิฉันก็จะไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันเอาไว้เช่นกันในวันนี้ เพราะเห็นว่าการกระทำเช่นนั้นไม่ได้เป็นการหวังดีกับเรา ” นางสดศรี กล่าวและว่า ตนไม่ได้กล่าวหาคนเสื้อแดง แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมานางธิดา ถาวรเศรษฐ รักษาการณ์ประธานนปช.ก็พูดขู่ตลอดเวลา ว่าถ้าไม่ประกาศภายใน 30 วันจะเอาเรื่อง ซึ่งโดยวิญญูชนโดยปกติก็สามารถทำให้คิดได้ว่าเป็นการข่มขู่
**ปูด “ทีวีสปริงนิวส์” ตัวเสี้ยม
นางสดศรี กล่าวอีกว่า อย่างไรก็ตามตนก็ไม่พอใจสถานีโทรทัศน์สปริงนิวส์ ซึ่งก็โทรในช่วงเช้าของวันที่ 30 ก.ค.การสัมภาษณ์ก็เหมือนลักษณะคำถามที่คล้ายๆ คนที่โทรมาหาตนในคืนวันที่ 29 ก.ค.ซึ่งการตั้คำถามมีลักษณะไม่เป็นกลาง และตนก็โทรไปบอกกับผู้บริหารว่าการทำงานขอให้เตือนคนของสถานีด้วยอย่ามาตั้งคำถามแบบแบ่งแยก เช่น “กกต.จะถ่วงเวลาไว้ทำไม” “ถ่วงเวลาไว้เดี๋ยวเสื้อแดงก็มาหา” อะไรทำนองนี้ ทั้งที่กกต.ไม่ได้ถ่วงเวลาและตนก็ไม่พอใจกับคำถามในเชิงลักษณะเป็นเหมือนการข่มขู่กัน ตอนนี้ก็คิดว่าจะปิดมือไปเลยจะดีกว่า
**"ไอ้เต้น"ไล่ "เจ๊สด"ไปแจ้งความ
อีกด้าน นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่า นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ระบุว่า มีคนขู่ลอบทำร้าย และอาจบานปลายจนถึงการยึดอำนาจ ว่า ตนยืนยันมาโดยตลอดว่าประชาชนโดยเฉพาะคนเสื้อแดง ไม่มีความคิดหรือการเคลื่อนไหวข่มขู่คุกคามใดๆ ต่อการปฏิบัติหน้าที่ของกกต. และที่ผ่านมาจนถึงขณะนี้ ก็เป็นรูปธรรมชัดแจ้งว่าไม่มีการกระทำดังกล่าวแต่อย่างใด ดังนั้นหากมีการข่มขู่คุมคาม ก็จะไม่ใช่ประชาชนแล้ว จะเป็นฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดหรือไม่ ก็เป็นเรื่องที่ผู้ถูกคุกคามน่าจะได้แจ้งต่อเจ้าหน้าที่ให้ดำเนินการตามกฎหมาย
ส่วนการปฏิวัติยึดอำนาจ ตนคิดว่าจนถึงวันนี้ไม่มีใครในประเทศไทยอยากให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นมาอีก และเชื่อมั่นว่า สถานการณ์หลังการเลือกตั้งบ้านเมืองเดินไปตามกลไกประชาธิปไตย รัฐบาลชุดใหม่กำลังขับเคลื่อนนโยบายไปถึงประชาชน ก็ไม่น่าจะมีเหตุปัจจัยใดๆ ที่จะทำให้เกิดเรื่องดังกล่าว
“ขอให้ทุกฝ่ายได้สบายใจว่า พวกผมเคารพกระบวนการทำงานของกกต. เคารพในอำนาจหน้าที่ ระยะเวลาที่ท่านมีตามกฎหมายก็ดำเนินการไป พร้อมทั้งเรียกร้องให้ฝ่ายต่างๆไม่ว่ามือที่สาม มือที่สี่ ถ้าจะมีการปั่นป่วนสถานการณ์ข่มขู่คุมคาม กกต.ก็ขอให้หยุดเสีย ไม่อยากได้ยินเรื่องพวกนี้อีก และขอเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ ถ้าหากมีกกต.ไปแจ้งความก็ต้องดำเนินการโดยเด็ดขาด รวดเร็วเพื่อให้บรรยากาศดีๆ เกิดขึ้น ก่อนที่รัฐบาลจะทำหน้าที่” นายณัฐวุฒิ กล่าว
** ลั่นกกต.ไม่มีสิทธิแขวน"ไอ้ตู่"
เมื่อถามว่า หากกกต.มีการประชุมแล้วมีมติไม่รับรองนายจตุพร ในวันที่ 1 ส.ค.นี้ คนเสื้อแดงจะเคลื่อนไหวหรือไม่ นายณัฐวุฒิ กล่าวว่า เราคงต้องรอให้ครบกระบวนการ ครบกรอบระยะเวลา เพราะถ้าครบกรอบแล้ว ฝ่ายกฎหมายของเราเคยปรึกษาหารือกันแล้ว ยืนยันว่า กกต.ไม่มีอำนาจที่จะแขวนค้างเอาไว้ ดังนั้นก็ต้องดำเนินการตามกระบวนการของกฎหมายต่อไปซึ่งไม่ใช่เป็นเรื่องของการกดดัน หรือข่มขู่คุกคาม ตรงกันข้าม ขณะนี้พรรคประชาธิปัตย์กลับข่มขู่คุกคาม กกต.ทุกวัน บอกว่าจะฟ้องไม่รับรอง แต่พวกตนไม่ทำอย่างนั้น เพียงแต่กระทำตามสิทธิของกฎหมายที่พึงจะกระทำได้
ทั้งนี้ จะไม่มีการเคลื่อนไหวไปกดดันต่อกกต.ในวันที่ 1 ส.ค.นี้ แต่อย่างใด ซึ่งเรายืนยันว่าโดยตลอดที่ผ่านมา คนเสื้อแดงก็ไม่ได้ไปกดดัน หรือเรียกร้องอะไร แต่ที่ไปคือ การไปให้กำลังใจนายจตุพร ที่เรือนจำเป็นปกติ
** เพื่อไทยเชื่อกกต.รับรองตู่วันนี้
นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า พรรคขอยืนยันในคุณสมบัติของนายจตุพร และได้ส่งข้อมูลเอกสารไปให้กกต.พิจารณาอย่างครบถ้วนแล้ว ดังนั้นการประชุมกกต.วันที่ 1ส.ค. เชื่อว่ากกต.จะให้ความเป็นธรรม รับรองนายจตุพร เป็นส.ส.แน่นอน เรื่องที่จะแขวนนั้นไม่น่าจะเป็นไปได้ ขอให้คนเสื้อแดงที่สอบถามมาใจเย็นๆขอให้กกต.ทำหน้าที่ ไปก่อน ยังเชื่อว่ากกต.จะทำหน้าที่อย่างดีที่สุดแล้ว ทำให้สังคมปราศจากข้อสงสัยใดๆ
**"เทพไท"หนุนกกต.กล้าฟัน "ตู่"
นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ทุกฝ่ายไม่ควรเร่งรัด หรือกดดันการทำหน้าที่ของกกต. เพราะควรให้กกต.พิจารณาเรื่องนี้ด้วยความรอบคอบอย่างอิสระ มิฉะนั้นแล้วจะเกิดปัญหาการรีบเร่งพิจารณา กลายเป็นโยนเผือกร้อนไปให้กับประธานสภาผู้แทนราษฏร์ดำเนินการตามมาตรา 91 ของรัฐธรรมนูญอีก อีกทั้งการยังไม่รับรองนายจตุพรในขณะนี้ไม่ได้มีผลต่อการประชุมสภาแต่อย่างใด ดังนั้นกกต.ควรมีความกล้าหาญโดยไม่ต้องสนใจคำขู่ หรือกดดันของฝ่ายใดๆ ถ้าเชื่อว่าตนเองทำหน้าที่ถูกต้องแล้วก็ไม่ต้องเกรงกลัวกับการถูกดำเนินคดีมาตรา 157
ส่วนกรณีที่แกนนำนปช.ออกมาการันตีความเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงว่าจะไม่มีการมากดดันกกต.อีกนั้น นายเทพไท กล่าวว่า ถือว่าเป็นคำพูดที่ขาดความน่าเชื่อถือ
**ปชป. เล็งฟ้องกกต.หากรับรองตู่
นายวิรัตน์ กัลยาศิริ ส.ส.สงขลา พรรคประชาธิปัตย์ คณะทำงานฝ่ายกฎหมาย กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวว่า กกต. บางคน ระบุว่าได้รับรองสถานภาพ ส.ส.ของนายจตุพรว่า ตน จะติดตามฟังผลการพิจารณาในวัน 1ส.ค. ก่อน และจะรอดูเจตนาของ กกต. ว่าจงใจประพฤติมิชอบในการปฏิบัตหน้าที่ในการดำเนินการเกี่ยวกับการเลือกตั้ง มาตรา 29 ของ พ.ร.บ.กกต.หรือไม่ แล้วจึงจะตัดสินใจว่าทีมกฎหมายของพรรคจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ทั้งนี้ยืนยันว่า การติดตามและชี้แจงของพรรคตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่ได้เป็นการกดดันการทำงานของ กกต. เพียงแต่ จำเป็นต้องทำไปตามหลักของกฎหมาย ที่ได้บัญญัติไว้ชัดเจนเป็นลายลักษณ์อักษรที่ทุกคนต้องปฏิบัติตาม และไม่ได้เกี่ยวข้องว่า จะต้องเป็นใคร หรือฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง แต่หากมีพฤติการร์ตรงตามข้อห้ามของกฏหมาย กกต.ก็ต้องปฏิบัติตาม และขอยืนยันแนวทางที่ถูกต้องที่กฏหมายกำหนดไว้ คือ
1. การเพิกพอนสิทธิเลือกตั้งของนายจตุพร เพราะขาดสมาชิกภาพการเป็น ส.ส.จากการถูกคุมขังโดยคำสั่งของศาล จึงถือว่าฝ่าฝืนมาตรา 34 ประกอบมาตรา 139 ของกฎหมายเลือกตั้ง และ 2. หรือจะวินิจฉัยว่า นายจตุพรไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติการเป็นสมาชิกพรรคการเมือง ตามมาตรา 20 พ.ร.บ.พรรคการเมือง ประกอบมาตรา 100(3) ของรัฐธรรมนูญ และให้งดการประกาศผลการเลือกตั้งของนายจตุพร ตามาตรา 236 (7) ของรัฐธรรมนูญ 3.กรณีของนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ทราบดีว่านายจตุพร ไม่มีสิทธิลงสมัคร แต่จงใจฝ่าฝืน อันถือว่าผิด พ.ร.บ.เลือกตั้ง มีโทษจำคุก 1-10 ปี หรือปรับ 2 หมื่น-2 แสนบาท และเพิกถอนสิทธิเลือกตั้ง 10 ปี และอาจถึงขั้นยุบพรรคเพื่อไทย
**สภานัดสส.ทุกพรรคถ่ายรูปหมู่
ผู้สื่อข่าวรายงานจากรัฐสภา ว่า ในวันที่ 1 ส.ค.ก่อนเปิดประชุมรัฐสภา สมัยสามัญทั่วไป ณ พระที่นั่งอนันตสมาคม พระราชวังดุสิต ในเวลา 17.00 น.ในเวลา 14.00 น. ทางสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้นัดสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ถ่ายภาพหมู่ทุกพรรคการเมือง ที่บริเวณหน้าลานศาลพระสยามเทวาธิราช และ ลานหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเจ้าหน้าที่ของรัฐสภา ได้เตรียมสถานที่ถ่ายรูป ด้วยการสร้างอัฒจันทร์ชั่วคราว สูง 8 ชั้น เป็นรูปครึ่งวงกลม เบื้องต้นเพื่อรองรับส.ส.ทั้งหมด 500 คน
วันเดียวกันเวลา 09.00 น. ที่บริเวณชั้น 5 สำนักบริหารการเลือกตั้ง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ผู้ นายณัฐวุฒิ และนพ.เหวง โตจิราการ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ ส.ส.สุรินทร์ เขต 6 พรรคเพื่อไทย ได้เดินทางมารับหนังสือรับรองการได้รับเลือกตั้งเป็น ส.ส. เพื่อนำไปรายงานตัวต่อสภาผู้แทนราษฎร โดยยอดรวม ส.ส. ที่เข้ารับหนังสือรับรองแล้ว รวมทั้งสิ้น 491 ราย แบ่งเป็น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ 123 คน และส.ส.แบบแบ่งเขต 368 คน จากจำนวน ส.ส.ที่ กกต. รับรองผลการเลือกตั้งแล้ว 496 คน
ทำให้คงเหลือ ส.ส.ที่ยังไม่ได้มาแสดงตน 5 คน แบ่งเป็นส.ส.บัญชีรายชื่อ 1 คน คือ นายอัสนี เชิดชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และ ส.ส.แบ่งเขตเลือกตั้ง จำนวน 4 คน ประกอบด้วย น.ส.วิสาระดี เตชะธีราวัฒน์ ส.ส.เชียงราย เขต 3 พรรคเพื่อไทย นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่ เขต 6 พรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ ชัยกิจเด่นนภาลัย ส.ส.สมุทรปราการ เขต 2 พรรคเพื่อไทย และนายวรงค์ เดชกิจวิกรม ส.ส.พิษณุโลก เขต 1 พรรคประชาธิปัตย์.