วานนี้ ( 28 ก.ค.) นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต. กล่าวว่า ที่ประชุมกกต. ยังไม่ได้นำกรณี นายจตุพร พรหมพันธุ์ ว่าที่ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่กกต. ยังไม่ได้ประกาศรับรองการเลือกตั้งเข้าสู่ที่ประชุม โดยต้องไปดูคุณสมบัติจากพรรคเพื่อไทยก่อน
ส่วนที่จะต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความคุณสมบัติหรือไม่ ก็เป็นเพียงความเห็นของนางสดศรี สัตยธรรม กกต. ด้านกิจการพรรคการเมือง เท่านั้น ส่วนตัวและได้มีการพูดคุยกันในที่ประชุมกกต.แล้ว เห็นว่ากรณีนี้ไม่น่าจะเกี่ยวกับศาลรัฐธรรมนูญ
อย่างไรก็ตาม กกต.จะมีการพิจารณากรณีดังกล่าวอีกครั้ง ในวันนี้ ( 29 ก.ค.) หลังจากอนุกรรมการไต่สวนไปสอบในประเด็นที่สั่งให้ไปสอบสวนเพิ่มเติม ซึ่งขออนุญาตไม่เปิดเผยว่าเป็นประเด็นอะไร
ส่วนที่แกนนำนปช.ขู่ว่า จะฟ้องร้องเล่นงานกกต.ตามมาตรา 157 หากไม่ประกาศรับรองนายจตุพรนั้น ก็ไม่ได้รู้สึกหนักใจอะไร หากจะฟ้องร้องก็ทำได้ตามสบาย อย่างไรก็ตามการที่กกต.ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งไปแล้วทั้ง 496 คน ส่วนตัวก็รู้สึกดีใจ แต่ขณะนี้ก็ยังมีอีกหลายคนที่ยังมีเรื่องร้องคัดค้านค้างอยู่ และไม่ใช่ว่าหลังจากนี้กกต.จ้องที่จะสอย หรือตั้งเป้าว่าจะสอยจำนวนเท่าใด แต่จะดูตามข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานเป็นหลัก ถ้าไม่มีการทำผิด กกต.ก็ต้องยกคำร้องไป
รายงานข่าวจากกกต. แจ้งว่าในการประชุมกกต.วานนี้ ( 28 ก.ค.) ที่ประชุมได้มีการหยิบยกกรณีที่นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต.แถลงข่าวเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวเมื่อวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา ขึ้นมาสอบถามเชิงตำหนินายสุทธิพลว่า เหตุใดจึงไปแถลงข่าวว่ากกต.มีมติ 3 ต่อ 2 ยังไม่ประกาศรับรองนายจตุพร เพราะโดยข้อเท็จจริงแล้ว กรณีดังกล่าว กกต.มีมติแตกออกเป็นเสียง 2 ต่อ 1 ต่อ 1 ต่อ 1 คือ นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต. ด้านสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย และนายวิสุทธิ โพธิแท่น กกต.ด้านกิจการการมีส่วนร่วม มีมติให้ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง
ขณะที่นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต. ลงมติประกาศรับรองหรือให้ใบแดง โดยมองว่า การที่นายจตุพร ไม่ไปใช้สิทธิในวันเลือกตั้งทำให้ขาดจากความเป็นสมาชิกภาพของพรรคเพื่อไทยแล้ว และจะต้องเลื่อนผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทยขึ้นมาแทนนายจตุพร
ส่วนนายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารเลือกตั้งนั้น เห็นว่ายังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเป็นสมาชิกพรรคของนายจตุพรอยู่ ควรสอบเพิ่มเติม และ นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง ยังมีข้อขัดกันของกฎหมายระหว่างรัฐธรรมนูญ กับ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2550
ดังนั้นความเห็นของ กกต.จึงยังเป็นคนละทิศทางไม่เป็นที่ยุติอย่างที่นายสุทธิพล ไปแถลงข่าว และมองว่ายังมีเวลาที่ กกต.จะพิจารณากรณีนี้อีกครั้งเพราะยังอยู่ในห้วงเวลา 30 วันที่กฎหมายกำหนด
“ ดังนั้นในที่ประชุมกกต.( 28 ก.ค.) จึงมีการพูดคุยเรื่องนี้กันอีกครั้ง โดยนางสดศรีขอความเห็นจากที่ประชุมว่า เป็นกรณีขัดกันของกฎหมายที่สมควรส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความหรือไม่ แต่กกต.ส่วนใหญ่เห็นว่า ไม่เป็นการขัดกัน และไม่สามารถส่งไปศาลรัฐธรรมนูญได้ นอกจากต้องประกาศเป็นส.ส.แล้วเท่านั้น แต่นายประพันธ์ เห็นว่าควรสอบหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เกี่ยวกับความเป็นสมาชิกพรรคของนายจตุพรเสียก่อน ที่ประชุมจึงให้อนุกรรมการไต่สวน ไปดำเนินการแล้วนำกลับมารายงานต่อกกต.อีกครั้ง ในวันที่ 29 ก.ค. เพื่อที่จะได้มีการลงมติกัน โดยนัดประชุมเวลา 14.00 น. ซึ่งนายสมชัย และนายวิสุทธิ์ ก็ไม่ได้ขัดข้อง ซึ่งก็คงจะมีความชัดเจนว่า นายจตุพร จะได้รับการประกาศเป็น ส.ส.หรือไม่ และถ้าไม่ประกาศรับรองแล้ว กกต.จะต้องประกาศเลื่อนผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลำดับถัดไปขึ้นมาเป็นส.ส.แทนหรือไม่" แหล่งข่าวระบุ
**มั่นใจกกต.ให้ความเป็นธรรม
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ กกต. จะพิจารณารับรองนายจตุพร หรือไม่ ว่า ฝ่ายกฎหมายได้ยื่นเอกสารทั้งหมดไปแล้ว ก็คงต้องรอ กกต.พิจารณาตัดสิน
เมื่อถามว่าการที่ กกต.ยังไม่รับรองนายจตุพร ก็เพื่อต้องการให้ศาลรัฐธรรมนูญ เป็นผู้ตีความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า คงไม่ใช่ น่าจะเป็นเรื่องของระยะเวลามากกว่า ว่าจะรับรองก่อนแล้วยื่นไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ เชื่อว่ากกต. จะพิจารณาอย่างดีและให้ความยุติธรรมกับทุกคนอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า คนเสื้อแดงเตรียมที่จะเคลื่อนไหว จะส่งผลให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวายอีกหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ทั้งหมดถ้าเราทำภายใต้กติกา แล้วยึดหลักให้ความยุติธรรมกับทุกคน เชื่อว่าทุกคนก็จะรับทราบแล้วก็ยอมรับในผล เชื่อว่าคนเสื้อแดงคงไม่ออกมาสร้างความวุ่นวายอีก เนื่องจากคนเสื้อแดงมีเหตุผล เคารพกติกา และกระบวนการยุติธรรม เพียงแค่อยากจะฟังมากกว่า
**"ไอ้เต้น"ขู่ใช้ม.157 จัดการกกต.
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กกต.ไม่มีอำจาจแขวนนายจตุพร หากอ้างว่าติดเรื่องคุณสมบัติ ก็ต้องมีการต้องรับรองไปก่อน จากนั้นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ขอยืนยันคนเสื้อแดงเคารพ กกต.ในการทำทำหน้าที่ แต่เมื่อกกต.ยังระบุกรอบเวลา ก็ขอให้กกต.ดำเนินการต่อไป
อย่างไรก็ตาม ถ้ามีการเปิดประชุมสภา แต่ กกต.ยังไม่มีการรับรองการเป็นส.ส.ให้นายจตุพร ตนจะไปยื่นเรื่องฟ้องศาลอาญา มาตรา 157 ฐานละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
** ปชป.เชื่อ"ไอ้ตู่" คุกยาว
นายวิรัตน์ กัลยาศิริ คณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง ขู่ฟ้องกกต.ที่ยังไม่ยอมรับรองการเป็นส.ส.ของนายจตุพร ว่า รู้สึกเห็นใจ กกต.เพราะการกดดันดังกล่าวเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เป็นการแทรกแซงองค์กรอิสระ เหมือนกับที่พรรคไทยรักไทย เคยทำมาในอดีต ตนจึงอยากให้กำลังใจ กกต.ทุกคนอย่าหวั่นไหวในคำขู่ และการที่กกต.ไม่ประกาศรับรองการเป็นส.ส.ของนายจตุพร ตนในฐานะคณะทำงานฝ่ายกฎหมายเห็นว่า กกต.มีอำนาจ และทำถูกต้องแล้ว เพราะนายจตุพร ในขณะที่สมัครส.ส. ได้รู้อยู่แล้วว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ เพราะขาดสมาชิภาพ เนื่องจากถูกคุมขังโดยหมายศาล เมื่อถึงตอนนี้ก็ไม่มีสิทธิ์เป็นส.ส.ได้ และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย คือ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ก็รู้เช่นกัน
ดังนั้น ทั้งสองจึงต้องร่วมกันรับผิด เพราะเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืน มาตรา 43 และ139 พ.ร.บ.เลือกตั้งส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว.ปี 51 ถือว่ารับรองเป็นเท็จ มีโทษอาญาถึงขั้นติดคุก
นายวิรัตน์ กล่าวอีกว่า ขอให้กกต.สบายใจ ในการวินิจฉัยกรณีดังกล่าว เพราะที่ผ่านมาเคยมีคำวินิจฉัยเป็นบรรทัดฐานแล้ว ทั้งคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ที่ 5/43 ลงวันที่ 14 ก.พ. 43 , คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนญที่ 13/43 ลงวันที่ 17 มี.ค.43 , คำวินิจฉัยของกกต.ที่ 37/2543 ลงวันที่ 5 เม.ย. 43 , คำวินิจฉัยกกต.ที่ 40/2543 วันที่ 5 เม.ย.43 และคำวินิจฉัยจของกกต.ที่ 489/48 โดยสั่งให้เลือกตั้งใหม่ กรณีนายปราเมศ โพธารมกุล ผู้สมัคร ส.ส.กาญจนบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็นสมาชิก 2 พรรคการเมืองในเวลาเดียวกัน จึงถือว่าขาดคุณสมบัติการเป็นสมาชิกพรรค และศาลก็สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ แต่ในกรณีนี้ นายจตุพร เป็นส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ หาก กกต.เห็นว่าหมดสมาชิกภาพ ก็ต้องเลื่อนผู้สมัครส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อคนต่อไปขึ้นมาเป็นส.ส.แทน
**"เจ๊วา"ไม่ห่วงกกต.ตามสอย
เวลา 09.30 น.วานนี้ ( 28 ก.ค.) บรรดาส.ส.ที่ กกต.ประกาศรับรองผลเพิ่มเติมได้ทยอยเดินทางเข้ารับหนังสือรับรองจาก กกต. โดยนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้นำ ส.ส.ส่วนหนึ่งของพรรคเข้ารับหนังสือรับรอง โดยกล่าวว่า พรรคจะทำหน้าที่ของฝ่ายค้านให้เต็มที่อย่างดีที่สุด สมกับที่ประชาชนเลือกให้เข้ามาทำหน้าที่อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาที่ผ่านมาแกนนำของพรรคทุกระดับไม่ได้รับการติดต่อจากแกนนำพรรคเพื่อไทยให้เข้าร่วมรัฐบาลใหม่แต่อย่างใด อีกทั้งมองว่ารัฐบาลใหม่จำนวนเสียงเพียงพอแล้ว
ขณะที่นางพรทิวา นาคาศัย ส.ส.เขต 1 ชัยนาท พรรคภูมิใจไทย ก็ไม่ได้แสดงความหนักใจ ที่แม้กกต.จะประกาศรับรองผลการเลือกตั้งแล้วแต่ยังมีเรื่องร้องคัดค้านค้างการพิจารณาของกกต.อยู่ โดยมองว่า เป็นธรรมชาติของการเลือกตั้ง ที่ต้องมีการร้องเรียน ไม่ใช่การกลั่นแกล้งอะไร หากมีการสอบสวนเพิ่มเติมก็พร้อมจะชี้แจงตามข้อเท็จจริง
สำหรับการเลือกตั้งใหม่ ที่ เขต 3 จ.สุโขทัย ทางพรรคก็ยังเชื่อว่า นายจักรวาล ชัยวิรัตนุกูล ผู้สมัครของพรรคจะชนะการเลือกตั้ง โดยได้กำชับให้นายจักรวาล ขยันลงพื้นที่หาเสียง และมองว่านายจักรวาล มีความจริงใจที่จะทำงาน เพราะยอมรับกับกกต.เองว่าได้จ่ายเงินให้กับผู้ที่เข้ามาช่วยงานหาเสียง แต่เมื่อกกต.เห็นว่าทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริต พรรคก็ต้องยอมรับ และสั่งให้นายจักรวาล ระมัดระวังพฤติกรรมที่สุ่มเสี่ยงต่อการถูกร้องเรียนได้
ด้านนายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า เรื่องร้องคัดค้านที่ ส.ส.ของพรรคถูกร้องนั้นมีหลายเรื่อง แต่เนื้อหาสาระส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีอะไรมาก โดยพรรคได้ชี้แจงไปแล้วทุกเรื่อง และมองว่าเป็นความพยายามที่จะกล่าวหาใส่ร้ายพรรค จึงไม่ได้รู้สึกกังวลอะไร
เมื่อถามถึงกระแสข่าวเจ้าหน้าที่กกต.ขายสำนวน นายศุภชัย เชื่อว่าเป็นแค่ข่าว และยังมั่นใจการทำงานของ กกต.ว่ามีการกลั่นกรอง และตรวจสอบบุคคลที่จะมาเป็นเจ้าหน้าที่กกต. เป็นอย่างดี เพราะเจ้าหน้าที่เหล่านี้ทำงานเกี่ยวกับการให้คุณให้โทษนักการเมือง จึงไม่เชื่อว่าข่าวดังกล่าวจะเป็นจริง น่าจะเป็นการปล่อยข่าวมากกว่า
** จับตาภท.โหวตหนุน"ยิ่งลักษณ์"
นายโสภณ ซารัมย์ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า พรรคภูมิใจไทย ยอมรับการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ส่วนจะสนับสนุนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับมติพรรค ว่าจะให้ดำเนินการอย่างไร หากมติพรรคให้สนับสนุน ตนก็พร้อมจะยกมือให้ ทั้งนี้ กรณีข่าว ส.ส.กลุ่มมัชฌิมา ของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน จะย้ายพรรคนั้น เชื่อว่าคงไม่ไปไหนแน่นอน ในส่วนของผลการเลือกตั้งที่แพ้อย่างราบคาบไม่ได้ตามเป้าหมาย ไม่อยากพูดถึง เพราะมันจบไปแล้ว
** "พัชรินทร์" ขอช่วยงานการศึกษาฯ
ส่วนน.ส.พัชรินทร์ มั่นปาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปไตยใหม่ กล่าวขอบคุณ กกต.ที่ประกาศรับรองให้เป็นส.ส. และขอบคุณประชาชน ที่เลือกให้เข้ามาทำหน้าที่ในสภา ยืนยันว่า จะปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุดโดยจะนำความรู้ประสบการณ์ด้านการศึกษาจากที่ได้เป็นครูมา มายกระดับการศึกษาและคุณภาพเยาวชนและสตรีไทยให้พัฒนายิ่งขึ้นไป
ด้านนายวารินทร์ อัฐนาค โฆษกพรรคประชาธิปไตยใหม่ กล่าวว่า พรรคได้รับการประสานงานเป็นการภายใน จากพรรคเพื่อไทยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรี จะนัดหารือ ถึงแนวทางการทำงานของพรรคในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งนี้พรรคมีสิ่งที่จะเสนอต่อพรรคเพื่อไทยพิจารณา คือ การขอให้เข้าไปดูแลงานด้านการศึกษา และสตรีในกรรมาธิการ รวมถึงการร่วมเสนอนโยบายแก้ไขปัญหาปากท้องให้กับประชาชน ส่วนตำแหน่งรัฐมนตรี จะไม่ต่อรอง เนื่องจากพรรคมีเพียงเสียงเดียวเท่านั้น
**ส.ส.แสดงตนแล้ว 409 คน
ส่วนบรรยากาศที่อาคารรัฐสภา เป็นไปอย่างคึกคักพอสมควร โดยตลอดทั้งวันมี ส.ส.ที่ได้การรับรองจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เข้าแสดงตนเพิ่มเติมจำนวน 36 ราย แบ่งเป็น พรรคเพื่อไทย 11 คน พรรคประชาธิปไตยใหม่ 1 คน พรรคประชาธิปัตย์ 12 คน พรรคภูมิใจไทย 10 คน พรรคชาติไทยพัฒนา 2 คน มีบุคคลที่น่าสนใจ อาทิ นายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย นายวิลาศ จันทรพิทักษ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ นายโสภณ ซารัมย์ ส.ส.บุรีรัมย์ นางพรทิวา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท พรรคภูมิใจไทย นางพัชรินทร์ มั่นปาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปไตยใหม่ เป็นต้น ทำให้จนถึงขณะนี้มี ส.ส.เข้ารายงานตัวทั้งสิ้น 409 คน จากที่ กกต.ให้การรับรอง 496 คน ยังเหลือผู้ไม่มารายงานตัวอีก 87 คน
ส่วนที่จะต้องส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความคุณสมบัติหรือไม่ ก็เป็นเพียงความเห็นของนางสดศรี สัตยธรรม กกต. ด้านกิจการพรรคการเมือง เท่านั้น ส่วนตัวและได้มีการพูดคุยกันในที่ประชุมกกต.แล้ว เห็นว่ากรณีนี้ไม่น่าจะเกี่ยวกับศาลรัฐธรรมนูญ
อย่างไรก็ตาม กกต.จะมีการพิจารณากรณีดังกล่าวอีกครั้ง ในวันนี้ ( 29 ก.ค.) หลังจากอนุกรรมการไต่สวนไปสอบในประเด็นที่สั่งให้ไปสอบสวนเพิ่มเติม ซึ่งขออนุญาตไม่เปิดเผยว่าเป็นประเด็นอะไร
ส่วนที่แกนนำนปช.ขู่ว่า จะฟ้องร้องเล่นงานกกต.ตามมาตรา 157 หากไม่ประกาศรับรองนายจตุพรนั้น ก็ไม่ได้รู้สึกหนักใจอะไร หากจะฟ้องร้องก็ทำได้ตามสบาย อย่างไรก็ตามการที่กกต.ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งไปแล้วทั้ง 496 คน ส่วนตัวก็รู้สึกดีใจ แต่ขณะนี้ก็ยังมีอีกหลายคนที่ยังมีเรื่องร้องคัดค้านค้างอยู่ และไม่ใช่ว่าหลังจากนี้กกต.จ้องที่จะสอย หรือตั้งเป้าว่าจะสอยจำนวนเท่าใด แต่จะดูตามข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานเป็นหลัก ถ้าไม่มีการทำผิด กกต.ก็ต้องยกคำร้องไป
รายงานข่าวจากกกต. แจ้งว่าในการประชุมกกต.วานนี้ ( 28 ก.ค.) ที่ประชุมได้มีการหยิบยกกรณีที่นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต.แถลงข่าวเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวเมื่อวันที่ 27 ก.ค.ที่ผ่านมา ขึ้นมาสอบถามเชิงตำหนินายสุทธิพลว่า เหตุใดจึงไปแถลงข่าวว่ากกต.มีมติ 3 ต่อ 2 ยังไม่ประกาศรับรองนายจตุพร เพราะโดยข้อเท็จจริงแล้ว กรณีดังกล่าว กกต.มีมติแตกออกเป็นเสียง 2 ต่อ 1 ต่อ 1 ต่อ 1 คือ นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต. ด้านสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย และนายวิสุทธิ โพธิแท่น กกต.ด้านกิจการการมีส่วนร่วม มีมติให้ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง
ขณะที่นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต. ลงมติประกาศรับรองหรือให้ใบแดง โดยมองว่า การที่นายจตุพร ไม่ไปใช้สิทธิในวันเลือกตั้งทำให้ขาดจากความเป็นสมาชิกภาพของพรรคเพื่อไทยแล้ว และจะต้องเลื่อนผู้สมัคร ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทยขึ้นมาแทนนายจตุพร
ส่วนนายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารเลือกตั้งนั้น เห็นว่ายังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการเป็นสมาชิกพรรคของนายจตุพรอยู่ ควรสอบเพิ่มเติม และ นางสดศรี สัตยธรรม กกต.ด้านกิจการพรรคการเมือง ยังมีข้อขัดกันของกฎหมายระหว่างรัฐธรรมนูญ กับ พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2550
ดังนั้นความเห็นของ กกต.จึงยังเป็นคนละทิศทางไม่เป็นที่ยุติอย่างที่นายสุทธิพล ไปแถลงข่าว และมองว่ายังมีเวลาที่ กกต.จะพิจารณากรณีนี้อีกครั้งเพราะยังอยู่ในห้วงเวลา 30 วันที่กฎหมายกำหนด
“ ดังนั้นในที่ประชุมกกต.( 28 ก.ค.) จึงมีการพูดคุยเรื่องนี้กันอีกครั้ง โดยนางสดศรีขอความเห็นจากที่ประชุมว่า เป็นกรณีขัดกันของกฎหมายที่สมควรส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความหรือไม่ แต่กกต.ส่วนใหญ่เห็นว่า ไม่เป็นการขัดกัน และไม่สามารถส่งไปศาลรัฐธรรมนูญได้ นอกจากต้องประกาศเป็นส.ส.แล้วเท่านั้น แต่นายประพันธ์ เห็นว่าควรสอบหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เกี่ยวกับความเป็นสมาชิกพรรคของนายจตุพรเสียก่อน ที่ประชุมจึงให้อนุกรรมการไต่สวน ไปดำเนินการแล้วนำกลับมารายงานต่อกกต.อีกครั้ง ในวันที่ 29 ก.ค. เพื่อที่จะได้มีการลงมติกัน โดยนัดประชุมเวลา 14.00 น. ซึ่งนายสมชัย และนายวิสุทธิ์ ก็ไม่ได้ขัดข้อง ซึ่งก็คงจะมีความชัดเจนว่า นายจตุพร จะได้รับการประกาศเป็น ส.ส.หรือไม่ และถ้าไม่ประกาศรับรองแล้ว กกต.จะต้องประกาศเลื่อนผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ลำดับถัดไปขึ้นมาเป็นส.ส.แทนหรือไม่" แหล่งข่าวระบุ
**มั่นใจกกต.ให้ความเป็นธรรม
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ กกต. จะพิจารณารับรองนายจตุพร หรือไม่ ว่า ฝ่ายกฎหมายได้ยื่นเอกสารทั้งหมดไปแล้ว ก็คงต้องรอ กกต.พิจารณาตัดสิน
เมื่อถามว่าการที่ กกต.ยังไม่รับรองนายจตุพร ก็เพื่อต้องการให้ศาลรัฐธรรมนูญ เป็นผู้ตีความ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า คงไม่ใช่ น่าจะเป็นเรื่องของระยะเวลามากกว่า ว่าจะรับรองก่อนแล้วยื่นไปที่ศาลรัฐธรรมนูญ เชื่อว่ากกต. จะพิจารณาอย่างดีและให้ความยุติธรรมกับทุกคนอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า คนเสื้อแดงเตรียมที่จะเคลื่อนไหว จะส่งผลให้บ้านเมืองเกิดความวุ่นวายอีกหรือไม่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า ทั้งหมดถ้าเราทำภายใต้กติกา แล้วยึดหลักให้ความยุติธรรมกับทุกคน เชื่อว่าทุกคนก็จะรับทราบแล้วก็ยอมรับในผล เชื่อว่าคนเสื้อแดงคงไม่ออกมาสร้างความวุ่นวายอีก เนื่องจากคนเสื้อแดงมีเหตุผล เคารพกติกา และกระบวนการยุติธรรม เพียงแค่อยากจะฟังมากกว่า
**"ไอ้เต้น"ขู่ใช้ม.157 จัดการกกต.
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ส.ส.พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กกต.ไม่มีอำจาจแขวนนายจตุพร หากอ้างว่าติดเรื่องคุณสมบัติ ก็ต้องมีการต้องรับรองไปก่อน จากนั้นให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความ ขอยืนยันคนเสื้อแดงเคารพ กกต.ในการทำทำหน้าที่ แต่เมื่อกกต.ยังระบุกรอบเวลา ก็ขอให้กกต.ดำเนินการต่อไป
อย่างไรก็ตาม ถ้ามีการเปิดประชุมสภา แต่ กกต.ยังไม่มีการรับรองการเป็นส.ส.ให้นายจตุพร ตนจะไปยื่นเรื่องฟ้องศาลอาญา มาตรา 157 ฐานละเว้นหรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ
** ปชป.เชื่อ"ไอ้ตู่" คุกยาว
นายวิรัตน์ กัลยาศิริ คณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย และแกนนำคนเสื้อแดง ขู่ฟ้องกกต.ที่ยังไม่ยอมรับรองการเป็นส.ส.ของนายจตุพร ว่า รู้สึกเห็นใจ กกต.เพราะการกดดันดังกล่าวเป็นเรื่องไม่ถูกต้อง เป็นการแทรกแซงองค์กรอิสระ เหมือนกับที่พรรคไทยรักไทย เคยทำมาในอดีต ตนจึงอยากให้กำลังใจ กกต.ทุกคนอย่าหวั่นไหวในคำขู่ และการที่กกต.ไม่ประกาศรับรองการเป็นส.ส.ของนายจตุพร ตนในฐานะคณะทำงานฝ่ายกฎหมายเห็นว่า กกต.มีอำนาจ และทำถูกต้องแล้ว เพราะนายจตุพร ในขณะที่สมัครส.ส. ได้รู้อยู่แล้วว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์ เพราะขาดสมาชิภาพ เนื่องจากถูกคุมขังโดยหมายศาล เมื่อถึงตอนนี้ก็ไม่มีสิทธิ์เป็นส.ส.ได้ และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย คือ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ก็รู้เช่นกัน
ดังนั้น ทั้งสองจึงต้องร่วมกันรับผิด เพราะเป็นการกระทำที่ฝ่าฝืน มาตรา 43 และ139 พ.ร.บ.เลือกตั้งส.ส.และการได้มาซึ่งส.ว.ปี 51 ถือว่ารับรองเป็นเท็จ มีโทษอาญาถึงขั้นติดคุก
นายวิรัตน์ กล่าวอีกว่า ขอให้กกต.สบายใจ ในการวินิจฉัยกรณีดังกล่าว เพราะที่ผ่านมาเคยมีคำวินิจฉัยเป็นบรรทัดฐานแล้ว ทั้งคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ ที่ 5/43 ลงวันที่ 14 ก.พ. 43 , คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนญที่ 13/43 ลงวันที่ 17 มี.ค.43 , คำวินิจฉัยของกกต.ที่ 37/2543 ลงวันที่ 5 เม.ย. 43 , คำวินิจฉัยกกต.ที่ 40/2543 วันที่ 5 เม.ย.43 และคำวินิจฉัยจของกกต.ที่ 489/48 โดยสั่งให้เลือกตั้งใหม่ กรณีนายปราเมศ โพธารมกุล ผู้สมัคร ส.ส.กาญจนบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ที่เป็นสมาชิก 2 พรรคการเมืองในเวลาเดียวกัน จึงถือว่าขาดคุณสมบัติการเป็นสมาชิกพรรค และศาลก็สั่งให้มีการเลือกตั้งใหม่ แต่ในกรณีนี้ นายจตุพร เป็นส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ หาก กกต.เห็นว่าหมดสมาชิกภาพ ก็ต้องเลื่อนผู้สมัครส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อคนต่อไปขึ้นมาเป็นส.ส.แทน
**"เจ๊วา"ไม่ห่วงกกต.ตามสอย
เวลา 09.30 น.วานนี้ ( 28 ก.ค.) บรรดาส.ส.ที่ กกต.ประกาศรับรองผลเพิ่มเติมได้ทยอยเดินทางเข้ารับหนังสือรับรองจาก กกต. โดยนายชวรัตน์ ชาญวีรกูล ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้นำ ส.ส.ส่วนหนึ่งของพรรคเข้ารับหนังสือรับรอง โดยกล่าวว่า พรรคจะทำหน้าที่ของฝ่ายค้านให้เต็มที่อย่างดีที่สุด สมกับที่ประชาชนเลือกให้เข้ามาทำหน้าที่อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาที่ผ่านมาแกนนำของพรรคทุกระดับไม่ได้รับการติดต่อจากแกนนำพรรคเพื่อไทยให้เข้าร่วมรัฐบาลใหม่แต่อย่างใด อีกทั้งมองว่ารัฐบาลใหม่จำนวนเสียงเพียงพอแล้ว
ขณะที่นางพรทิวา นาคาศัย ส.ส.เขต 1 ชัยนาท พรรคภูมิใจไทย ก็ไม่ได้แสดงความหนักใจ ที่แม้กกต.จะประกาศรับรองผลการเลือกตั้งแล้วแต่ยังมีเรื่องร้องคัดค้านค้างการพิจารณาของกกต.อยู่ โดยมองว่า เป็นธรรมชาติของการเลือกตั้ง ที่ต้องมีการร้องเรียน ไม่ใช่การกลั่นแกล้งอะไร หากมีการสอบสวนเพิ่มเติมก็พร้อมจะชี้แจงตามข้อเท็จจริง
สำหรับการเลือกตั้งใหม่ ที่ เขต 3 จ.สุโขทัย ทางพรรคก็ยังเชื่อว่า นายจักรวาล ชัยวิรัตนุกูล ผู้สมัครของพรรคจะชนะการเลือกตั้ง โดยได้กำชับให้นายจักรวาล ขยันลงพื้นที่หาเสียง และมองว่านายจักรวาล มีความจริงใจที่จะทำงาน เพราะยอมรับกับกกต.เองว่าได้จ่ายเงินให้กับผู้ที่เข้ามาช่วยงานหาเสียง แต่เมื่อกกต.เห็นว่าทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริต พรรคก็ต้องยอมรับ และสั่งให้นายจักรวาล ระมัดระวังพฤติกรรมที่สุ่มเสี่ยงต่อการถูกร้องเรียนได้
ด้านนายศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า เรื่องร้องคัดค้านที่ ส.ส.ของพรรคถูกร้องนั้นมีหลายเรื่อง แต่เนื้อหาสาระส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีอะไรมาก โดยพรรคได้ชี้แจงไปแล้วทุกเรื่อง และมองว่าเป็นความพยายามที่จะกล่าวหาใส่ร้ายพรรค จึงไม่ได้รู้สึกกังวลอะไร
เมื่อถามถึงกระแสข่าวเจ้าหน้าที่กกต.ขายสำนวน นายศุภชัย เชื่อว่าเป็นแค่ข่าว และยังมั่นใจการทำงานของ กกต.ว่ามีการกลั่นกรอง และตรวจสอบบุคคลที่จะมาเป็นเจ้าหน้าที่กกต. เป็นอย่างดี เพราะเจ้าหน้าที่เหล่านี้ทำงานเกี่ยวกับการให้คุณให้โทษนักการเมือง จึงไม่เชื่อว่าข่าวดังกล่าวจะเป็นจริง น่าจะเป็นการปล่อยข่าวมากกว่า
** จับตาภท.โหวตหนุน"ยิ่งลักษณ์"
นายโสภณ ซารัมย์ ส.ส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย เปิดเผยว่า พรรคภูมิใจไทย ยอมรับการทำหน้าที่ฝ่ายค้าน ส่วนจะสนับสนุนน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เป็นายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับมติพรรค ว่าจะให้ดำเนินการอย่างไร หากมติพรรคให้สนับสนุน ตนก็พร้อมจะยกมือให้ ทั้งนี้ กรณีข่าว ส.ส.กลุ่มมัชฌิมา ของนายสมศักดิ์ เทพสุทิน จะย้ายพรรคนั้น เชื่อว่าคงไม่ไปไหนแน่นอน ในส่วนของผลการเลือกตั้งที่แพ้อย่างราบคาบไม่ได้ตามเป้าหมาย ไม่อยากพูดถึง เพราะมันจบไปแล้ว
** "พัชรินทร์" ขอช่วยงานการศึกษาฯ
ส่วนน.ส.พัชรินทร์ มั่นปาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปไตยใหม่ กล่าวขอบคุณ กกต.ที่ประกาศรับรองให้เป็นส.ส. และขอบคุณประชาชน ที่เลือกให้เข้ามาทำหน้าที่ในสภา ยืนยันว่า จะปฏิบัติหน้าที่ให้ดีที่สุดโดยจะนำความรู้ประสบการณ์ด้านการศึกษาจากที่ได้เป็นครูมา มายกระดับการศึกษาและคุณภาพเยาวชนและสตรีไทยให้พัฒนายิ่งขึ้นไป
ด้านนายวารินทร์ อัฐนาค โฆษกพรรคประชาธิปไตยใหม่ กล่าวว่า พรรคได้รับการประสานงานเป็นการภายใน จากพรรคเพื่อไทยว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรี จะนัดหารือ ถึงแนวทางการทำงานของพรรคในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล ทั้งนี้พรรคมีสิ่งที่จะเสนอต่อพรรคเพื่อไทยพิจารณา คือ การขอให้เข้าไปดูแลงานด้านการศึกษา และสตรีในกรรมาธิการ รวมถึงการร่วมเสนอนโยบายแก้ไขปัญหาปากท้องให้กับประชาชน ส่วนตำแหน่งรัฐมนตรี จะไม่ต่อรอง เนื่องจากพรรคมีเพียงเสียงเดียวเท่านั้น
**ส.ส.แสดงตนแล้ว 409 คน
ส่วนบรรยากาศที่อาคารรัฐสภา เป็นไปอย่างคึกคักพอสมควร โดยตลอดทั้งวันมี ส.ส.ที่ได้การรับรองจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เข้าแสดงตนเพิ่มเติมจำนวน 36 ราย แบ่งเป็น พรรคเพื่อไทย 11 คน พรรคประชาธิปไตยใหม่ 1 คน พรรคประชาธิปัตย์ 12 คน พรรคภูมิใจไทย 10 คน พรรคชาติไทยพัฒนา 2 คน มีบุคคลที่น่าสนใจ อาทิ นายสามารถ แก้วมีชัย ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย นายวิลาศ จันทรพิทักษ์ ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ นายโสภณ ซารัมย์ ส.ส.บุรีรัมย์ นางพรทิวา นาคาศัย ส.ส.ชัยนาท พรรคภูมิใจไทย นางพัชรินทร์ มั่นปาน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปไตยใหม่ เป็นต้น ทำให้จนถึงขณะนี้มี ส.ส.เข้ารายงานตัวทั้งสิ้น 409 คน จากที่ กกต.ให้การรับรอง 496 คน ยังเหลือผู้ไม่มารายงานตัวอีก 87 คน
