ASTVผู้จัดการรายวัน- กกต.รับรองส.ส.เพิ่มอีก 12 คน "ปู-มาร์ค" รอดพร้อมส.ส.เขตอีก 10 คน ส่วน"แก๊งเสื้อแดง"ยังถูกแขวนต่อ "ปูแดง" เผ่นหนีสื่อหลังรู้ผล ด้าน"ลุงจำลอง" ยื่นหลักฐานเพิ่ม ในคดีขอให้เพิกถอนการเลือกตั้งต่อศาลฎีกาฯ
ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง เมื่อเวลา 18.00 น.วานนี้ (19 ก.ค.) นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง แถลงผลการประชุมพิจารณาประกาศรับรองผลการเลือกตั้งการเป็นส.ส.จำนวน 12 ราย โดยเป็นส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ 2 คน คือนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่หนึ่ง พรรคประชาธิปัตย์ และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับที่หนึ่งของพรรคเพื่อไทย ซึ่งทั้ง 2 คนนี้ กกต.มีมติเป็นเอกฉันท์
ดังนั้นเมื่อรวมส.ส.บัญชีรายชื่อที่กกต.ประกาศไปแล้วจำนวนทั้งสิ้น 111 คน ยังคงเหลืออีก 14 คน ซึ่งในจำนวนนี้ ส่วนใหญ่เป็นแกนนำนปช. ที่คณะอนุกรรมการยังดำเนินการพิจารณาไม่แล้วเสร็จ โดยจะเสนอมาอีกครั้งในวันที่ 21 ก.ค.นี้
ส่วนส.ส.เขต กกต.ประกาศรับรองผลการเป็นส.ส.เพิ่มอีก 10 คน ประกอบด้วย 1.นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เขต 2 จ.สุราษฏร์ธานี พรรคประชาธิปัตย์ 2. น.ส.ตรีนุช เทียนทอง เขต 2 จ.สระแก้ว พรรคเพื่อไทย 3. นายองอาจ วชิรพงศ์ เขต 5 จ.พระนครศรีอยุธยา 4. นายบุญแก้ว สมวงศ์ เขต 2 จ.ยโสธร พรรคเพื่อไทย 5. นายวินัย ภัทรประสิทธิ์ เขต 1 จ.พิจิตร พรรคชาติไทยพัฒนา 6. นายธานินทร์ ใจสมุทร เขต 1 จ.สตูล พรรคชาติไทยพัฒนา
7. นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย เขต 3 จ.อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย 8.นายสุทธิชัย จรูญเนตร เขต 5 จ.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย 9. น.ส.ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ เขต 3 จ.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย 10. นายศรัณย์วุฒิ ศรัณย์เกตุ เขต 2 จ. อุตรดิตถ์ พรรคเพื่อไทย
อย่างไรก็ตามในวันที่ 21 ก.ค.นั้น กกต.จะมีการพิจารณาอีกครั้ง เพื่อประกาศผลการรับรองผลการเลือกตั้งการเป็นส.ส.ครั้งที่ 3
สำหรับการประกาศผลรับรองการเป็นส.ส.รวมทั้ง 2 ครั้ง มีจำนวนทั้งสิ้น 370 คน โดยเป็นส.ส.เขตจำนวน 259 คน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อจำนวน 111 คน ยังคงเหลือที่ยังไม่ได้รับรองอีก 130 คน โดยแยกเป็นส.ส.เขตที่ยังไม่ประกาศจำนวน 116 คน ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อที่ยังไม่ประกาศอีกจำนวน 14 คน
ซึ่งในการประชุมในครั้งที่ 3 นี้ การประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง จะสามารถทำให้เปิดประชุมสภาได้หรือไม่ ก็ต้องรอดูผลการเสนอของคณะอนุกรรมการก่อน ทั้งนี้ หากจะให้เปิดประชุมสภาได้ กกต.ต้องประกาศรับรองผลให้ได้ครบจำนวน 475 คน หรือ 95 % ตามที่กฎหมายกำหนด
** "ยิ่งลักษณ์" เผ่นหนีสื่อหลังรู้ผล
ผู้สื่อข่าวรายงานจากพรรคเพื่อไทยว่า ภายหลังจากที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รับทราบผลที่ กกต.ได้ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งของตนเองแล้ว ก็รีบเดินทางออกจากที่ทำการพรรคเพื่อไทยทันที โดยหลบออกทางด้านหลังพรรค และไม่ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชน
อย่างไรก็ตาม เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ได้เดินทางมาถึงที่ทำการพรรคในช่วงเวลาประมาณ 09.00 น. หลังจากเก็บตัวเงียบ ไม่ให้สัมภาษณ์ใดๆ แก่ผู้สื่อข่าวเป็นระยะเวลา 3 วัน
เมื่อมาถึงพรรค น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม และแซวผู้สื่อข่าวว่า อั้นมานานหรือซึ่งน.ส.ยิ่งลักษณ์ได้กล่าวมั่นใจว่า จะได้รับความยุติธรรมจาก กกต.
สำหรับบรรยากาศที่พรรคเพื่อไทย ตั้งแต่ช่วงบ่ายได้มีกลุ่มคนเสื้อแดงเดินทางมารอแสดงความยินดีกับน.ส.ยิ่งลักษณ์ และส่วนหนึ่งได้เดินทางไปที่สำนักงานกกต. แต่นาย เจ๋ง ดอกจิก หนึ่งในแกนนำนปช.ได้ไปขอร้องให้เดินทางกลับบ้าน หรือไปรอที่ที่ทำการพรรคเพื่อไทยแทน เนื่องจากเกรงว่าจะถูกมองว่าเป็นการกดดันการทำงานของ กกต.
** "จำลอง"ยื่นหลักฐานโละเลือกตั้งเพิ่ม
เวลา14.20 น. วานนี้ (19 ก.ค.) พล.ต.จำลอง ศรีเมือง แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมด้วย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โฆษกพันธมิตรฯ ได้ไปยื่นคำร้องเพิ่มเติมต่อศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง กรณีพิพาทเกี่ยวกับการเลือกตั้ง เพื่อขอศาลฎีกาเพิกถอนการเลือกตั้งส.ส. เมื่อวันที่ 3 ก.ค.54 ที่ผ่านมาและให้จัดการเลือกตั้งใหม่
พล.ต.จำลอง กล่าวว่าตนมายื่นคำร้องเพิ่มเติมต่อศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง ซึ่งเป็นเรื่องที่เคยมายื่นคำร้องไว้แล้วเพื่อขอให้ศาลเพิกถอนการเลือกตั้ง เนื่องจากเป็นการจัดการเลือกตั้งที่ไม่สุจริต และไม่เที่ยงธรรม ซึ่งได้เพิ่มเติมรายละเอียดอีกหลายอย่าง เพื่อประกอบการวินิจฉัยให้ศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง
ด้านนายปานเทพ กล่าวว่า เราพบหลักฐานบางประการเพิ่มเติม ที่เห็นว่าน่าจะเป็นประโยชน์ต่อศาลฎีกาฯ ที่จะพิจารณาว่าจะประทับรับฟ้องหรือไม่ ในวันนี้(20 ก.ค.) เวลา 16.00 น. เราจึงมายื่นก่อน
ทั้งนี้ มีเหตุปัจจัยหลายสาเหตุ อาทิ พบแบบฟอร์มในการใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้า แต่ละครั้ง จะต้องมีการกรอกแบบฟอร์ม ซึ่งจะต้องชี้แจงเหตุผลของแต่ละบุคคล ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ ที่เหตุผลของแต่ละคนจะเหมือนกันตลอดระยะเวลา 4 ปี หรือตลอดจนสมัยการที่มีสภาผู้แทนราษฎร เมื่อยุบสภาแล้วมีเลือกตั้งใหม่ ไม่จำเป็นที่เหตุผลจะต้องเป็นเหตุผลเดิมได้ ย่อมแสดงให้เห็นว่า แบบฟอร์มในการที่จะใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้านั้น มีเจตนาอย่างชัดเจน ต้องการให้เป็นการใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้าเป็นคราวๆไป ในแต่ละครั้งไป ด้วยเหตุผลที่มีความแตกต่างกัน
ประการต่อมา ปกติการใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้า จะต้องแจ้งก่อนที่จะมีการเลือกตั้งอย่างน้อย 30 วัน หมายความว่า พล.ต.จำลอง จะต้องไปชี้แจงว่าขอเพิกถอนเปลี่ยนแปลงจากสิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้า มาเป็นเขตในปัจจุบันตามกฎเกณฑ์ของ กกต. ต้องอยู่ระหว่างก่อนวันที่ 2 มิ.ย. 54 แต่พอมาดูในเนื้อหา ประชาชนทั่วไปมีสิทธิ์ตรวจสอบบัญชีรายชื่อของตัวเองว่าชื่ออยู่ที่ไหนล่วงหน้าเพียงแค่ 10 วันเท่านั้นก่อนวันเลือกตั้ง จึงเป็นไปไม่ได้ที่พล.ต.จำลองจะไปค้นพบรายชื่อตัวเองเสียก่อน ว่ายังคงค้างอยู่ในบัญชีการเลือกตั้งล่วงหน้า ถึงรู้ก็จะสายไปแล้ว ในการที่จะเปลี่ยนแปลงสิทธิ์อะไรก็ตาม รวมถึงการเลือกตั้งนอกเขต และในเขตมีความลักลั่นกันว่า บางคนอยู่ในพื้นที่ 30 วัน แล้วสามารถไปสู่สภาพเดิมได้ ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแม้แต่การใช้สิทธิ์เลือกตั้งล่วงหน้า ก็มีหลายมาตรฐาน ไม่มีความชัดเจน เอาแน่เอานอนไม่ได้ ซึ่งจริงๆ แล้วยังมีอีกหลายกรณี แต่ขออนุญาตไม่ลงรายละเอียด
พล.ต.จำลอง กล่าวเสริมว่า คราวที่แล้วตนในฐานะหนึ่งในผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งจำนวนกว่า 2 ล้านคน ที่พบเคยไปเลือกตั้งนอกเขตเลือกตั้ง เมื่อ 4 ปีที่แล้ว คำว่า ในเขตเลือกตั้งหมายถึงว่าเลือกตั้งในเขตที่ตัวเองมีทะเบียนบ้านอยู่ เช่น ตนมีทะเบียนบ้านอยู่ที่เขตดุสิต ไปเลือกตั้งที่เขตดุสิต ถือว่าในเขตเลือกตั้ง บางครั้งประชาชนมีความจำเป็นที่จะต้องไปธุระที่อื่นในวันเลือกตั้ง ไม่สามารถจะเลือกตั้งได้ ก็ต้องไปขอลงทะเบียนเลือกตั้งนอกเขต เช่น 4 ปีที่แล้วที่มีการเลือกตั้งที่ จ.กาญจนบุรี และตอนนั้น ตนอยู่ที่นั่นด้วย จึงขอลงทะเบียนเลือกตั้ง ทั้งนี้เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน ต้องพิจารณาเป็นคราวๆไป ไม่ใช่พิจารณาตลอดกาล คราวนี้ตนหรือใครๆ ก็นึกไม่ออกว่า คราวนี้มีการเลือกตั้งนอกเขตที่ไหนบ้าง เมื่อนึกไม่ได้ ก็ไม่ได้ไปถอน และการประชาสัมพันธ์จาก กกต.ที่ขอให้ประชาชนลงคะแนนนอกเขตเลือกตั้งแล้วต้องไปแจ้งถอนชื่อก็ไม่มี ซึ่งการยื่นคำร้องเพิ่มเติมครั้งนี้ ได้เพิ่มเติมอีกหลายประการที่แสดงให้เห็นว่า การเลือกตั้งคราวที่แล้วที่มีเรื่องนี้เป็นสาเหตุใหญ่เรื่องหนึ่ง เป็นการเลือกตั้งที่ไม่บริสุทธิ์เที่ยงธรรม
ผู้สื่อข่าวถามว่า คาดหวังอะไรจากการยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาในครั้งนี้ พล.ต.จำลองกล่าวว่า การที่ตนมาร้องต่อศาลนั้นเนื่องจากมีเหตุผล มีความจำเป็นที่จะต้องรักษาสิทธิ์ไว้ เพราะตามรัฐธรรมนูญ เรามีสิทธิ์ที่จะลงคะแนนเลือกตั้ง และฝ่ายที่เกี่ยวข้องนั้นต้องอำนวยความสะดวกให้การเลือกตั้งเป็นไปได้โดยง่าย มีอยู่ในรัฐธรรมนูญ และกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญ เมื่อเราเสียสิทธิ์ไปเราก็ต้องร้อง และเราหวังว่าองค์กรต่างๆ ที่เกี่ยวข้องก็คงจะให้ความยุติธรรมกับเรา
นอกจากนี้ยังได้เคยร้องเรียนมาแล้วที่ กกต. และในวันนี้ (20 ก.ค.) ช่วงบ่ายจะไปที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ซึ่งตนจะพยายามร้องเรียนทุกหน่วย ทุกองค์กรที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการเลือกตั้งคราวที่แล้ว ที่มีสิทธิ์จะวินิจฉัยได้ว่าถูกต้องหรือมันผิด ซึ่งแล้วแต่ศาลจะมีคำสั่ง
** "สดศรี" ครวญตกเป็นจำเลยสังคม
นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมือง เปิดเผยความคืบหน้าการรับรอง ส.ส.ว่า การทำงานของ กกต.พิจารณาตามกรอบเวลาที่กำหนด ทุกอย่างเป็นไปตามกฎหมาย ไม่ใช่กฎหมู่
นางสดศรีกล่าวว่า หาก กกต.รับรองไม่ครบร้อยละ 95 จะถูกมองว่าทำงานช้า หากรับรองก่อนจะถูกมองว่าทำงานไม่ละเอียด เหมือนตอนนี้ กกต.ตกเป็นจำเลยสังคม
" กกต.ทำงานตามกรอบเวลาที่กำหนด คือ การประกาศรับรอง ส.ส.ภายใน 7 วันนับตั้งแต่วันเลือกตั้ง เมื่อมีกรณีร้องเรียนต้องดำเนินการสอบสวนภายใน 30 วัน ส่วนกรณีจะรับรอง นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ไปก่อนนั้น นางสดศรีกล่าวว่า ต้องรอดูความชัดเจนของสำนวนอีกครั้ง" นางสดศรี กล่าว
** ส.ส.รายงานตัววันที่ 6 เพิ่ม 32 ราย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (19 ก.ค.) ซึ่งเป็นวันที่ 6 ของการเปิดให้แสดงตน ส.ส. โดย มี ส.ส.ที่ได้การรับรองจากกกต. เข้าแสดงตนเพิ่มอีก 32 ราย ตลอดทั้งวัน โดยมีบุคคลที่น่าสนใจ อาทิ นายบัญญัติ บรรทัดฐาน นายกรณ์ จาติกวณิช นายเทอดพงษ์ ไชยนันทน์ นายนิพนธ์ บุญญามณี ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน พรรคเพื่อไทย นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครักประเทศไทย เป็นต้น ทำให้จนถึงขณะนี้มี ส.ส.เข้ารายงานตัวทั้งสิ้น 287 คน จากที่ กกต.ให้การรับรอง 358 คน ยังเหลือผู้ไม่มารายงานตัวอีก 69 คน โดยคาดว่าในวันนี้ ( 20 ก.ค.) บรรยากาศจะคึกคักขึ้น เนื่องจาก กกต.ได้พิจารณารับรอง ส.ส.เพิ่มเติมอีก 12 ราย รวมไปถึง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ