ASTVผู้จัดการรายวัน-ไทยร่วมอาเซียนถก GCC ปูทางทำความตกลง FTA กับอ่าวอาหรับ ดันก่อสร้าง อาหาร โรงแรม สปา แรงงานบุกยึดตลาด เผยกลุ่มชาติอาหรับเสนอเพิ่มความร่วมมือด้านการเงิน การธนาคาร และสาขาอื่นๆ นัดเอกชนอาเซียนร่วมถกสานต่อความร่วมมือก.พ.ปีหน้า
นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้เดินทางไปประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียน-กลุ่มความร่วมมืออ่าวอาหรับ (GCC) ซึ่งมีสมาชิก 6 ประเทศ ได้แก่ บาห์เรน คูเวต โอมาน กาตาร์ ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ ที่เมืองซาลาล่าห์ รัฐสุลต่านโอมาน โดยเป็นการประชุมกันครั้งแรก
ซึ่งได้มีการหารือในการจัดทำกรอบการดำเนินการด้านเศรษฐกิจและความร่วมมือด้านเทคนิคและการลงทุน รวมไปถึงการพิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่างกัน โดยจะเสนอให้ระดับรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป
“หากมีการจัดทำ FTA กับ GCC กรมฯ เห็นว่าจะเป็นประโยชน์กับไทย โดยเฉพาะในด้านธุรกิจบริการ เช่น การก่อสร้าง ร้านอาหาร โรงแรม สปา รวมทั้งการเคลื่อนย้ายแรงงาน”นางศรีรัตน์กล่าว
นางศรีรัตน์กล่าวว่า ในการหารือครั้ง ทั้งสองฝ่ายเห็นว่า กรอบความร่วมมือในด้านการค้าและการลงทุนที่สามารถจะดำเนินการได้ทันที คือ โครงสร้างพื้นฐาน การคมนาคมขนส่ง และการสื่อสาร การก่อสร้างและภาคบริการสาขาอื่นๆ การบ่มเพาะสนับสนุน SMEs ในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ พาณิชย์อิเลคทรอนิกส์และการท่องเที่ยว
นอกจากนี้ ทาง GCC ได้เสนอให้มีความร่วมมือในด้านการบริการการเงินและธนาคาร โดยอาเซียนรับที่จะแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในด้านการเงินและธนาคารพิจารณาต่อไป
“ทั้งสองฝ่ายได้ย้ำความสำคัญของการสร้างเครือข่ายติดต่อระหว่างสภาหอการค้าของทั้งสองฝ่ายเพื่อประสานความร่วมมือในสาขาต่างๆ ที่จะเป็นประโยชน์ร่วมกัน โดยทางโอมานได้แจ้งว่ามีกำหนดจัดการประชุม GCC-ASEAN Business Forum ประมาณเดือนก.พ.2555 ซึ่งเป็นโอกาสที่ภาคเอกชนไทยและอาเซียนน่าที่จะพิจารณาเข้าร่วมงานครั้งนี้ เพื่อสร้างเครือข่ายและเจาะตลาดในกลุ่มGCC”นางศรีรัตน์กล่าว
สำหรับกลุ่ม GCC อาจจะยังเป็นกลุ่มเศรษฐกิจที่มีการค้ากับประเทศไทยไม่มากนัก โดยในปี 2553 มีมูลค่าการค้าร่วม 25,724 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการส่งออกของไทยไปยัง GCC 6,200 ล้านเหรียญสหรัฐ และการนำเข้า 19,525 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยเป็นฝ่ายขาดดุลการค้าประมาณ 13,325 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากสินค้าที่ไทยนำเข้าจากกลุ่ม GCC เกือบทั้งหมดเป็นสินค้ากลุ่มพลังงาน เช่น น้ำมันดิบน้ำมันสำเร็จรูปและเชื้อเพลิง ในขณะที่ไทยส่งออกสินค้าประเภทยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องปรับอากาศ เคมีภัณฑ์ ตู้เย็นและส่วนประกอบ อัญมณี ข้าว อาหารสำเร็จรูป เป็นต้น
นางศรีรัตน์ รัษฐปานะ อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ได้เดินทางไปประชุมเจ้าหน้าที่อาวุโสอาเซียน-กลุ่มความร่วมมืออ่าวอาหรับ (GCC) ซึ่งมีสมาชิก 6 ประเทศ ได้แก่ บาห์เรน คูเวต โอมาน กาตาร์ ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรสต์ ที่เมืองซาลาล่าห์ รัฐสุลต่านโอมาน โดยเป็นการประชุมกันครั้งแรก
ซึ่งได้มีการหารือในการจัดทำกรอบการดำเนินการด้านเศรษฐกิจและความร่วมมือด้านเทคนิคและการลงทุน รวมไปถึงการพิจารณาความเป็นไปได้ในการจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ระหว่างกัน โดยจะเสนอให้ระดับรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป
“หากมีการจัดทำ FTA กับ GCC กรมฯ เห็นว่าจะเป็นประโยชน์กับไทย โดยเฉพาะในด้านธุรกิจบริการ เช่น การก่อสร้าง ร้านอาหาร โรงแรม สปา รวมทั้งการเคลื่อนย้ายแรงงาน”นางศรีรัตน์กล่าว
นางศรีรัตน์กล่าวว่า ในการหารือครั้ง ทั้งสองฝ่ายเห็นว่า กรอบความร่วมมือในด้านการค้าและการลงทุนที่สามารถจะดำเนินการได้ทันที คือ โครงสร้างพื้นฐาน การคมนาคมขนส่ง และการสื่อสาร การก่อสร้างและภาคบริการสาขาอื่นๆ การบ่มเพาะสนับสนุน SMEs ในด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ พาณิชย์อิเลคทรอนิกส์และการท่องเที่ยว
นอกจากนี้ ทาง GCC ได้เสนอให้มีความร่วมมือในด้านการบริการการเงินและธนาคาร โดยอาเซียนรับที่จะแจ้งให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในด้านการเงินและธนาคารพิจารณาต่อไป
“ทั้งสองฝ่ายได้ย้ำความสำคัญของการสร้างเครือข่ายติดต่อระหว่างสภาหอการค้าของทั้งสองฝ่ายเพื่อประสานความร่วมมือในสาขาต่างๆ ที่จะเป็นประโยชน์ร่วมกัน โดยทางโอมานได้แจ้งว่ามีกำหนดจัดการประชุม GCC-ASEAN Business Forum ประมาณเดือนก.พ.2555 ซึ่งเป็นโอกาสที่ภาคเอกชนไทยและอาเซียนน่าที่จะพิจารณาเข้าร่วมงานครั้งนี้ เพื่อสร้างเครือข่ายและเจาะตลาดในกลุ่มGCC”นางศรีรัตน์กล่าว
สำหรับกลุ่ม GCC อาจจะยังเป็นกลุ่มเศรษฐกิจที่มีการค้ากับประเทศไทยไม่มากนัก โดยในปี 2553 มีมูลค่าการค้าร่วม 25,724 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็นการส่งออกของไทยไปยัง GCC 6,200 ล้านเหรียญสหรัฐ และการนำเข้า 19,525 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยเป็นฝ่ายขาดดุลการค้าประมาณ 13,325 ล้านเหรียญสหรัฐ เนื่องจากสินค้าที่ไทยนำเข้าจากกลุ่ม GCC เกือบทั้งหมดเป็นสินค้ากลุ่มพลังงาน เช่น น้ำมันดิบน้ำมันสำเร็จรูปและเชื้อเพลิง ในขณะที่ไทยส่งออกสินค้าประเภทยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องปรับอากาศ เคมีภัณฑ์ ตู้เย็นและส่วนประกอบ อัญมณี ข้าว อาหารสำเร็จรูป เป็นต้น