xs
xsm
sm
md
lg

KTAMมั่นใจUAEไม่มีจราจล ชี้รายได้ต่อหัวสูง-คอร์รัปชั่นต่ำ

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ฝ่ายวิจัยบลจ.กรุงไทย ประเมินสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และกาตาร์ จะไม่เกิดปัญหาจราจลตาม บาห์เรน เหตุรายได้ต่อหัวสูงและมีคอร์รัปชั่นในอัตราที่ต่ำ มั่นใจกองทุนของกรุงไทยที่ไปลงทุนจะไม่ได้รับผลกระทบ

รายงานข่าวจากฝ่ายวิจัยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย จำกัด (มหาชน) ระบุถึงปัญหาการชุมนุมประท้วงในประเทศแถบเเอฟริกาเหนือและตะวันออกกลางว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยังมีการพัฒนาต่อเนื่อง จึงยังจำเป็นต้องติดตามอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะผลกระทบต่อการผลิตน้ำมันในภูมิภาค ซึ่งผู้ผลิตที่สำคัญได้แก่ ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ คูเวต อิรัค และแอจีเรีย ดังนั้นแล้วกรณีของลิเบียจึงมีความสำคัญเป็นพิเศษ เนื่องจากลิเบียมีการผลิตน้ำมันประมาณ 1.6 ล้านบาร์เรลต่อวัน คิดเป็นประมาณ 2% ของการผลิตในโลก และด้วยความรุนแรงที่เกิดขึ้น ทำให้บริษัทน้ำมันได้มีการอพยพพนักงานออกจากประเทศแล้ว และทำให้กำลังการผลิตน้ำมันในลิเบียลดลง

สำหรับสถานการณ์ในบาห์เรน แม้ว่าจะไม่กระทบต่อการผลิตน้ำมัน เนื่องจากบาห์เรนไม่ได้เป็นผู้ผลิตน้ำมันที่สำคัญ แต่ก็มีความกังวลว่าการชุมนุมประท้วงจะลามไปยังประเทศอื่นๆในกลุ่ม GCC (Gulf Cooperation Council ประกอบด้วย ซาอุดิอาระเบีย โอมาน สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ กาตาร์ บาห์เรน และคูเวต) ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันที่สำคัญ ทั้งนี้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในบาห์เรนส่วนหนึ่งจะเกี่ยวข้องกับความแตกต่างของศาสนาอิสลามนิกายสุหนี่และนิกายชีอะห์ด้วย กษิตริย์ที่ปกครองบาห์เรนนับถือศาสนาอิสลามนิกายสุหนี่ แต่ปีะชากรอสิลามในประเทศประมาณ 65-75% นับถือนิกายซีอะห์ ซึ่งเป็นปมขัดแย้งในบาห์เรนอยู่แล้ว แต่ประเทศอื่นๆในกลุ่ม GCC จะมีความแตกต่างน้อยกว่าประชากรส่วนใหญ่จะนับถืออสิลามนิกายสุหนี่เช่นเดียวกับผู้ครองประเทศ เท่าที่ผ่านมาจึงเห็นการชุมนุมเพียงกลุ่มเล็กๆเท่านั้น

อย่างไรก็ตามการชุมนุมประท้วงที่เกิดขึ้นในเเอฟริกาเหนือและตะวันออกกลางทำให้นักลงทุนมีความกังวลเกี่ยวกับอุปทานการผลิตน้ำมันและความเสี่ยงโดยรวมของเศรษฐกิจโลก ซึ่งส่งผลดีต่อราคาน้ำมันและทองคำ โดยราคาน้ำมันดิบดูไบล่าสุดอยู่ที่ 103.9 USD/bbl ปรับเพิ่มขึ้นมา 15% ตั้งแต่เริ่มมีการชุมนุมในตูนิเซีย ขณะที่ราคาทองคำถูกกดดันจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ชัดเจนขึ้นด้วย แต่ได้ปรับขึ้น 7.8% จากจุดต่ำสุดในรอบที่ผ่านมาเมื่อปลายเดือนก่อน

ส่วนผลกระทบต่อการส่งออกของไทยค่อนข้างน้อย โดยทั้งปี 2553 ที่ผ่านมาประเทศไทยมีการส่งออกไปยังประเทศเหล่านี้ประมาณประเทศละ 0.1% ของการส่งออกทั้งหมด ยกเว้นเพียงสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และซาอุดิอาระเบียเท่านั้นที่มีการส่งออกไปมากกว่าประเทศอื่นเล็กน้อย แต่คิดเป็นสัดส่วน 1.5% และ 1.1% ของการส่งออกของไทยโดยรวม

ฝ่ายวิจัยบลจ.กรุงไทยยัง ระบุอีกว่า ที่ผ่านมากองทุนรวมของบลจ.กรุงไทย มีการลงทุนใประเทษสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และประเทศกาตาร์ซึ่ง 2 ประเทศนี้ไม่มีรายงานว่าเกิดการชุมนุมประท้วงเกิดขึ้น ซึ่ง Index of Unrest ของนิตยสาร The Economist ก็แสดงให้เห็นว่าโอกาสเกิดการชุมนุมใน 2 ประเทศนี้ค่อนข้างต่ำ เนื่องจากรายได้ต่อหัวที่สูงและมีการคอร์รัปชั่นที่ต่ำ อีกทั้งอันดับความน่าเชื่อถือของทั้ง 2 ประเทศนี้ยังอยู่ในระดับสูงที่ "Aa2" โดย Moodys' และสูงกว่าประเทศอื่นๆที่มีปัญหาเกิดขึ้นดังนั้นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในแอฟริกาเหนือและตะวันออกกลางจึงไม่น่าจะส่งผลกระทบต่อการลงทุนของกองทุน

ทั้งนี้ปัจจุบันบลจ.กรุงไทยอยู่ระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนเปิดกรุงไทย เพิ่มค่า (KTP) เสนอขายถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ โดยกองทุนดังกล่าวมีอายุโครงการประมาณ 6 เดือน โดยกองทุนจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐและภาคเอกชนในประเทศ ในสัดส่วน 56% เงินฝากธนาคาร Barclays (UAE) และธนาคาร HSBC Middle East Ltd. 44% ซึ่ง 2 ธนาคารนี้ตั้งอยู่ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
กำลังโหลดความคิดเห็น