ASTVผู้จัดการรายวัน - 2 พรรคใหญ่ดิ้น! แก้เกม “มาร์ค-ปู” ถูกแขวน! “ยิ่งลักษณ์” ปัดเเตรียมดัน “ยงยุทธ”นายกฯ สำรองหากเกิดอุบัติเหตุการณ์เมือง ด้านเสื้อแดงขู่รายวัน ไม่รับรองเคลื่อนไหวแน่ รุมจวก “ไอ้เต้น” ถวิลหานานาชาติ อ้าง กกต. 2 มาตรฐาน ปลุกกระแสแดงกดดัน ส่วน “เลขากกต.” คาด รับรองส.ส.ที่ถูกแขวนครบ 95% ได้ภายใน 28 ก.ค.นี้
วานนี้ (14 ก.ค) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นางสดศรี สัตยธรรม คณะกรรมการการเลือกตั้ง ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวว่า กกต.จะสามารถประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.ได้ครบ 95% ได้ภายใน 30 วัน เพื่อให้เปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรและเลือกนายกรัฐมนตรีได้แน่นอน เนื่องจากภาพรวมข้อร้องเรียนที่ได้รับเข้ามาส่วนใหญ่เป็นเรื่องทั่ว ๆ ไป ไม่ใช่กรณีร้ายแรงรุนแรง อย่างไรก็ตาม แม้จะพิจารณายังไม่เสร็จตามกำหนด ก็อาจจะรับรองผลไปก่อนเพื่อให้กระบวนการต่าง ๆ ดำเนินต่อไปได้ แล้วค่อยมาดำเนินการชี้ความผิดในภายหลังหากผลสอบสวนชี้ว่ามีการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง
**คาดสร็จภายใน 28 ก.ค.นี้
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการกกต. กล่าวยืนยันถึงการพิจารณารับรอง ส.ส.ที่เหลืออีก 142 คน ทั้งจากแบบบัญชีรายชื่อ และแบ่งเขต ว่า จะต้องแล้วเสร็จภายในวันที่ 28 กรกฎาคมนี้ โดย กกต.นัดหมายที่จะประชุมพิจารณาในวันอังคารนี้ ด้วยความรอบคอบ ปราศจากการกลั่นแกล้ง
ส่วนความชัดเจนกรณีแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่ยังไม่ได้ประกาศรับรอง เลขาธิการกกต. กล่าวว่า เรื่องนี้มีความชัดเจนและได้แถลงข่าวแล้ว ไม่มีใครไปกลั่นแกล้งใคร โดยกกต.มีเวลาพิจารณา 30 วัน และยืนยัน กกต.ไม่ได้เลือกปฎิบัติ เนื่องจากกระบวนการยังไม่แล้วเสร็จ เรื่องพิจารณาที่ค้างจะรีบเร่งพิจารณาตามระเบียบสืบสวนสอบสวนของกกต. ต่อไป
สำหรับประเด็นที่มีกระแสข่าวพยายามกดดันกกต.ไม่ให้ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งส.ส.นั้น นายสุทธิพล กล่าวว่า ไม่มีการกดดันการทำงานของกกต. เพราะทุกอย่างสามารถอธิบายและชี้แจงได้ โดยสอบสวนเรื่องร้องคัดค้านการเลือกตั้งอยู่ในกรอบของพยานหลักฐาน และกฎหมาย กกต.ทำหน้าที่ตรงไปตรงมา ผู้ที่เกี่ยวข้องก็จะมีความเข้าใจ
**กรณีเทือกเข้าข่ายมาตรา 53 โจมตีใส่ร้าย
นายสุทธิพล กล่าวถึง กรณีของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รักษาการเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีเรื่องร้องคัดค้านเข้ามาว่า เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับมาตรา 53 โจมตีใส่ร้ายจูงใจให้เข้าใจผิด ทั้งนี้ ที่ยังไม่มีการแจ้งให้ว่าที่ ส.ส.ทราบว่าถูกแขวนไว้ด้วยเหตุผลอะไรนั้น เนื่องจากในบางเรื่อง กกต.อาจจะพิจารณาแล้วเห็นว่าให้ยกคำร้องไป ซึ่งไม่จำเป็นต้องแจ้ง
**มาร์คไม่หวั่นถูกแขวนโบ้ย ขรก.ประจำ
เวลา 10.00 น.ที่อาคารศูนย์กีฬา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีถูกร้องเรียนมีส่วนสั่งการเจ้าหน้าที่รัฐจัดงานมหกรรมลดค่าครองชีพ ประชาชน นำราคาสินค้าต่ำเกินจริงไปจำหน่ายในช่วงที่มีการเลือกตั้งล่วงหน้าในจ.สมุทรปราการ ว่า ขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา และยังไม่ทราบรายละเอียดว่าพฤติกรรมของตนผิดกฎหมายอย่างไร กรณีดังกล่าวเป็นการทำงานของหน่วยงานตามปกติ ฝ่ายการเมืองไม่ได้เกี่ยวข้อง เพราะสำหรับการจัดงานนั้นคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติเพียงหลักการ แต่รายละเอียดของการจัดงานหน่วยงานเป็นผู้กำหนด
“มันไม่เกี่ยวหรอกครับ เขาไปขายของ หน่วยงานต่างๆ มีหน้าที่แก้ปัญหาประชาชน ถ้าหน่วยงานไม่ทำอะไรก็มาด่า”นายอภิสิทธิ์ กล่าวและย้ำว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทำตามกฎหมายเลือกตั้งทุกประการ
เมื่อถามว่าการทำงานของ กกต.ในลักษณะเช่นนี้จะทำให้เกิดความวุ่นวายทางการเมืองหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องเคารพกติกาและระบบ กกต.มีหน้าที่ตรวจสอบว่า ที่ได้รับเลือกตั้งนั้นมาด้วยความถูกต้องหรือไม่ ภายในกรอบระยะเวลา 30 วัน ดังนั้นเมื่อยังไม่ทราบผลการวินิจฉัยก็ไม่ควรตั้งธง มิเช่นนั้นก็ไม่ควรมีกกต.และการเอามวลชนมากดดันก็คิดว่าไม่ถูกอย่างยิ่ง จึงอยากจะเห็นพรรคเพื่อไทยแสดงจุดยืนที่ชัดเจนว่าจะหยุดพฤติกรรมเหล่านี้อย่างไรบ้าง
**แขวะ“เต้น”อย่าร้อนตัวปลุกม็อบ
ส่วนกรณีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ว่าที่ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ที่เขียนในเฟสบุ๊คว่าหากกกต.ยังไม่รับรองการเป็นส.ส.จะถูกนานาประเทศกดดันแน่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทำไมไม่ทำตามกฎหมาย ถ้าทุกคนทำตามกฎหมายมันจะไม่มีปัญหา เช่นเดียวกับกรณีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรี ที่กกต.ยังไม่ได้ตัดสิน และถ้าใครไม่ได้ทำผิดกฎหมายกกต.ก็ไม่มีสิทธิ์จะไปให้ใบเหลืองใบแดง
**จี้กกต.ชัดเจนหวั่นถูกโยงนานาชาติ
เมื่อถามว่า มีความคิดเห็นอย่างไรที่ต่างประเทศยังมองสถานการณ์การเมืองของประเทศไทยว่า ยังวุ่นวาย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังมีความพยายามที่จะสร้างข่าวกับต่างประเทศมาตลอด เหมือนกับตอนที่ตนประกาศยุบสภา มันมีการพูดมาตลอดว่าจะมีปฏิวัติ ไม่มีการเลือกตั้ง แต่ทุกอย่างก็เป็นไปตามกฎหมาย มิเช่นนั้นทุกคนจะอ้างกระแส สร้างข่าว ขืนปล่อยเป็นเช่นนี้ เรียก 2 มาตรฐานแน่นอน ทั้งนี้ต่างชาติจะเข้าใจกระบวนการกฎหมายของไทยต่อกรณีการรับรองส.ส.หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับ กกต.ว่าจะมีเหตุผล หลักฐาน และกรณีเทียบเคียงที่ชัดเจนเพียงใดในการพิจารณา เพราะกกต.ต้องทำหน้าที่ให้ถูกต้องโดยไม่ต้องรับฟังแรงกดดันจากใคร
**รอสัญญาณปรองดองสั่งสลายหมู่บ้านแดง
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงกรณีแนวทางการปรองดองที่ควรจะเกิดขึ้นว่า ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตนเองตามกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา แล้วตนก็รอสัญญาณจากทางฝ่ายรัฐบาล ว่าจะมีก้าวแรกในการลดการเผชิญหน้าได้อย่างไร อาทิ การคุยกับคนเสื้อแดงให้สลายเรื่องหมู่บ้าน หรือการบอกว่าอย่าใช้วิธีการเอามวลชนมากดดัน เพราะจะเป็นสัญญาณที่สำคัญมาก ถ้าจริงใจในเรื่องของการปรองดอง
**ไม่เชื่อมีประชามติแก้ รธน.
นายอภิสิทธิ์ กล่าวกรณีที่นายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ ว่าที่ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ประกาศว่าพร้อมเดินหน้าทำประชามติเพื่อนำรัฐธรรมนูญฉบับปี40มาบังคับใช้แทนรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันว่า ยังไม่ทราบ และนายมานิตต์คงไม่มีอำนาจที่จะไปดำเนินการเรื่องนั้นได้
**“ปู” ปัดดัน “ยงยุทธ”นายกฯ สำรอง
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรี กล่าวปฏิเสธข่าวที่ว่าพรรคเพื่อไทยเตรียมเสนอชื่อนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.แบบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 2 ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีสำรองหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้รับการรับรองการเป็น ส.ส.จาก กกต.ว่า ขณะนี้ยังไม่มีการพูดคุยโดยขอให้รอฟังผลการพิจารณาของ กกต.ก่อน
ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่หนักใจที่ กกต.ยังไม่รับรองผลการเป็น ส.ส.ของตนและว่าที่ ส.ส.ของพรรคอีกหลายคน เพราะเชื่อว่าอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบของ กกต.ยังมีเวลาถึงวันที่ 3 สิงหาคมกว่าจะครบ 30 วันตามกฎหมายกำหนด ซึ่งตนยังไม่อยากพูดอะไรขอให้ กกต.ทำงานเต็มที่ ไม่อยากกดดัน กกต.เพราะเข้าใจว่างานของ กกต.มีจำนวนมาก
ส่วนที่ถูกร้องเรียนกรณีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ที่เป็นผู้ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองได้ไปช่วยพรรคเพื่อไทยหาเสียงนั้น ไม่เป็นความจริง และไม่ได้มาช่วยเตรียมการก่อนการหาเสียงด้วย ซึ่งตนหาเสียงกับทีมงานของพรรคเพียงเท่านั้น ซึ่งฝ่ายกฎหมายของพรรคก็เตรียมข้อมูลในเรื่องนี้อยู่ ส่วนเรื่องร้องเรียนต่างๆ ของพรรค ฝ่ายกฎหมายของพรรคกำลังตรวจสอบอยู่ ซึ่งกรรมการบริหารพรรคก็ไม่ได้หนักใจในเรื่องนี้แต่อย่างใด
**ฑูตหลายประเทศจ่อพบว่าที่นายกฯ
สำหรับบรรยากาศ ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย ยังคงมีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด นายปินาก รัญชัน จักรวรรดิ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินเดียประจำประเทศไทย พร้อมคณะได้เดินทางมาแสดงความยินดีพร้อมมอบดอกไม้แก่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่าที่นายกรัฐมนตรี โดยได้มอบจดหมายแสดงความยินดีจากนายมานโมฮัน ซิงห์ นายกรัฐมนตรีของประเทศอินเดียให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ด้วย
จากนั้น นายรอน ฮอฟแมน เอกอัครราชทูตแคนาดาประจำประเทศไทย พร้อมคณะ ก็ได้เดินทางมาพบปะพูดคุยและแสดงความยินดีกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีคณะเอกอัครราชทูตจาก 5 ประเทศแอฟริกาประจำประเทศไทย ประกอบด้วย ไนจีเรีย เคนยา อียิปต์ แอฟริกาใต้ และโมร็อกโก เดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ด้วยเช่นกัน
**ยงยุทธ ยัน ไม่ใช่ตัวสำรองแน่นอน
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงข่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าพรรคเพื่อไทยเตรียมแผนสำรองหากคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ไม่รับรอง น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้เป็น ส.ส. หรือขั้นร้ายแรงสุดคือถูกใบเหลืองหรือใบแดงก็จะให้นายยงยุทธเป็นนายกรัฐมนตรีแทน
นายยงยุทธ กล่าวว่า คณะกรรมการบริหารพรรคมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับ 1 ของพรรค ซึ่งมีความหมายชัดเจนว่าถ้าพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเป็นนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้ ระหว่างการรณรงค์หาเสียงของพรรค เราชูใน 3 ประเด็นคือ 1.ตัวตนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ 2.นโยบายของพรรค และ 3.การเสนอให้ประชาชนลองพิจารณาเลือกนายกรัฐมนตรีที่เป็นผู้หญิงเป็นครั้งแรก และเมื่อประชาชนให้การตอบรับโดยเลือกผู้ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยเข้ามาถึง 265 คน รวมทั้งมีพรรคร่วมรัฐบาลเข้ามาเพิ่มอีกเป็น 300 คน แสดงให้เห็นว่าทุกคนเห็นด้วยในตัวตนของ น.ส. ยิ่งลักษณ์และนโยบายของพรรคเพื่อไทย
**กม.ไม่ได้ห้าม“สมชาย-เยาวภา” ฟังปราศรัย
นายยงยุทธ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าคณะกรรมการยุทธศาสตร์และคณะกรรมการนโยบายของพรรคเพื่อไทยมีแผนสำรองหากนางสาวยิ่งลักษณ์ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ยืนยันว่าไม่มีการประชุมดังกล่าว และพรรคไม่มีความเห็นเป็นอย่างอื่นนอกจากเสนอให้ น.ส. ยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยยืนยันว่านางสาวยิ่งลักษณ์เป็นผู้ที่มีความเหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี
ส่วนกรณีที่มีการระบุว่านางสาวยิ่งลักษณ์ถูกแขวนจากคำพูดที่ว่า “ทักษิณคิด ยิ่งลักษณ์ทำ” รวมทั้งนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ภริยานายสมชายไปช่วยหาเสียงนั้น เรื่องนโยบายใครๆ ก็คิดได้ นโยบายที่ดีๆ ไม่ใช่แค่พ.ต.ท.ทักษิณที่คิดได้ หากเราเห็นว่านโยบายไหนดีเราก็เอามา ส่วนนายสมชายและนางเยาวภานั้นก็ไม่ได้ไปช่วยหาเสียงอะไร เพียงแต่เห็นมีการปราศรัยก็ไปฟัง ไปยืนดู กฎหมายก็ไม่ได้ห้ามว่าไม่ให้ไปฟังหรือไปดูการปราศรัย และหากกำหนดขนาดนั้นจะเป็นการกำหนดสิทธิของประชาชนมากเกินไปหรือไม่
**“ปลอด” โวคนไทยกว่า 20 ล้านเสียงหนุน
นายปลอดประสพ กล่าวว่า ขณะนี้การเลือกตั้งจบแล้ว อย่าฝันว่ายังไม่ได้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ว่าที่ส.ส. 265 คนของพรรคเพื่อไทยที่ประชาชนเลือกเข้ามานั้นถือเป็นความชอบธรรมที่เราจะได้เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล และเมื่อมีว่าที่ส.ส.ของพรรคร่วมรัฐบาลเข้ามาร่วมด้วยเป็น 300 เสียงจาก 500 เสียงถือว่าเกินครึ่งที่เห็นควรให้ น.ส. ยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้ ประชาชน 15.7 ล้านคนเลือกพรรคเพื่อไทย และเมื่อรวมเสียงของประชาชนที่เลือกพรรคร่วมรัฐบาลด้วยแล้วรวมเป็นทั้งสิ้น 20 ล้านคน จาก 35 ล้านคนที่ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง ถือว่าเกินครึ่งเช่นกันที่เห็นควรให้ น.ส. ยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรี และไม่มีอำนาจใดเหนือเสียงของประชาชน 20 ล้านคนได้
**แขวะจะให้พี่น้องแยกกันไหว้บรรพบุรุษ
นายปลอดประสพ กล่าวด้วยว่า สำหรับกรณีที่มีการระบุถึงการไปปรากฏตัวของนายสมชายและนางเยาวภาระหว่างที่นางสาวยิ่งลักษณ์ไปหาเสียงนั้น บังเอิญว่าในวันดังกล่าวตนเดินทางไปด้วย ซึ่งพี่น้อง 2 คนจะไปไหว้บรรพบุรุษพร้อมกัน จะต้องแยกกันไปและไหว้กันคนละรอบอย่างนั้นหรือ ส่วนนายสมชายก็ถือเป็นเขยดังนั้นการจะเดินทางไปกับภรรยาก็ไม่เห็นว่าจะเป็นเรื่องแปลกอะไร "พอทีเถอะ ปล่อยให้เราได้บริหารบ้านเมืองเถอะ อย่าทำอะไรให้ประเทศวุ่นวายอีกเลย"
**ไอ้เต้น ไม่เคยคิดเคลื่อนไหวมวลชนคุกคาม กกต.
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่ม นปช.กล่าวถึง สื่อรายงานถึงข้อความที่ตนโพสต์ไปในเว็บไซต์เฟสบุ๊คว่าตนไปขู่การทำงานของ กกต.นั้น ตนขอเรียนถึงข้อความที่ตนบอกว่าหากไม่รับรองพรรคเพื่อไทย จะเกิดเรื่องใหญ่นั้น หมายความว่า คนทั่วโลกเขาจะรู้กันว่าการดำเนินการเช่นนี้เหมือนเป็นการรัฐประหารทางกฎหมายเท่านั้น ตนไม่มีความคิดที่เคลื่อนไหวมวลชน หรือนำพาประชาชนมากดดันหรือคุกคามการทำงานของ กกต.ตราบใดที่ กกต.มีหน้าที่ตามกฎหมายก็ต้องเคารพกระบวนการ ทั้งนี้ในวันที่ 19 กรกฎาคมที่จะถึงนั้นกลุ่ม นปช.ก็ไม่ได้มีการนัดแนะกับประชาชนให้เดินทางไปที่ทำการของ กกต.แต่อย่างใด
**'เต้น'กลับคำไม่นำม็อบกดดันกกต.
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า การที่กกต.แขวนรายชื่อว่าที่ส.ส.พรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำคนเสื้อแดงโดยอ้างข้อบังคับพรรคเพื่อไทยข้อ 10(5) ที่สมาชิกจะขาดจากการเป็นสมาชิกภาพเมื่อถูกจำคุกนั้น เรื่องนี้เกิดคำถามกับตนและคนที่ถูกแขวนรายชื่อเพราะในจำนวนนี้แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.หลายคนไม่เคยถูกจำคุก เช่น พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย นายวิเชียร ขาวขำ และนายการุณ โหสกุล ส่วนนายวรชัย เหมะ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ และนายสถาพร มณีรัตน์ นั้นไม่ถูกหมายศาลและไม่ถูกจับ อีกทั้งยังไม่ถูกตั้งข้อหาก่อการร้ายด้วย จึงไม่เข้าใจว่ากระบวนการพิจารณาของกกต.นั้นเป็นอย่างไร รายชื่อเหล่านี้ขาดสมาชิกภาพตรงไหน เหตุใดจึงจับมาแขวนเป็นพวงเดียวกัน
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า ส่วนกลุ่มที่ 2 คือ ตน นพ.เหวง โตจิราการ นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท แม้จะเคยถูกคุมขังแต่ก็ยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์เพราะยังไม่มีคำตัดสินจากศาลแต่อย่างใด ดังนั้นจึงชัดเจนว่าไม่ขัดต่อการเป็นสมาชิกพรรค พวกตนและฝ่ายกฎหมายของพรรคพร้อมจะไปชี้แจงกกต.
ขณะนี้ก็กำลังรอกกต.อยู่ว่าจะเรียกไปเมื่อไหร่ สำหรับข้อบังคับและระเบียบเกี่ยวกับการเป็นสมาชิกพรรคนั้นก็ได้ปรับเปลี่ยนไปแล้ว โดยมีการประชุมใหญ่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการบริหารพรรคเมื่อวันที่ 16 ส.ค. 2553 และประกาศใช้เมื่อวันที่ 18 พ.ย.2553 ที่ผ่านมา และเมื่อวันที่ไปสมัครรับเลือกตั้งนั้นกกต.ก็รับรองคุณสมบัติทั้งหมด แล้ววันนี้จะมาบอกว่าขาดคุณสมบัติภายหลังได้อย่างไร ทั้งนี้ ยืนยันว่าจะไม่มีการนำมวลชนไปเคลื่อนไหวกดดันกกต.อย่างแน่นอน ซึ่งแกนนำนปช.เองก็มีการหารือกันแล้วว่าจะไม่มีการดำเนินการอะไรแบบนั้นอย่างแน่นอนอีกด้วย
**เฟซบุ๊กระบุไม่รับรองส.ส.เจองานใหญ่แน่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อกลางดึกวันที่ 13 ก.ค.54 เวลา 23.30 น. นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ว่าที่ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความผ่าน facebook ชื่อ "นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" ว่า เรื่องแขวนส.ส.ต้องรอ กกต.ทำงานให้ครบขั้นตอนก่อน เพราะเขายังถือความชอบธรรม เรื่องกรอบเวลาตามกฎหมาย ถ้าสุดทางแล้วยังไม่รับรอง ผมรับรองได้เลยว่า งานใหญ่แน่นอน มือที่มองไม่เห็น จะถูกมองเห็น และทักท้วงจากทั่วโลก ผมยังเชื่อว่า ถ้าจะเล่นงานเรา เขาจะทำหลังตั้งรัฐบาล การขวางไม่ให้ตั้ง ไม่ว่าวิธีใด จะทำให้ฝ่ายเขา ไม่เหลือความชอบธรรมอยู่เลย สถานการณ์ขณะนี้ กวักมือชาวโลก ให้หันมามอง แถมยังกระตุ้นคนไทย ให้ไม่กระพริบตาอีกด้วย นิ่งดูอีกนิดเดียวครับ"
**ทีมกฎหมายเผาไทยมีหลักฐานชี้แจง
อีกด้านความพยายามช่วยเหลือ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ และระบบเขต ของพรรคเพื่อไทย เพื่อให้รอดจากการถูกแขวน รายงานแจ้งว่าคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย ได้เข้าไปดูและว่าเรื่องร้องเรียนอะไรบ้างที่ทำให้กกต.ยังไม่รับรองว่าที่ส.ส.พรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะว่าที่ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ มีข้อถกเถียงในข้อกฎหมายว่าผลทางกฎหมายจะเกิดขึ้นอย่างไร อย่างไรก็ตาม ระบบบัญชีรายชื่อนั้นเป็นระบบปิดคือ เป็นระบบเลื่อนคนขึ้นมาแทนคนที่หายไปได้ แต่ถ้ากกต.ไม่รับรองผู้สมัครส.ส.คนใดคนหนึ่งในระบบบัญชีบัญชีรายชื่อมันก็จะนิ่ง จะเดินไปไม่ได้ ทั้งนี้ การให้ใบเหลืองเพื่อทำให้ผู้สมัครส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อคนใดคนหนึ่งหายไปนั้นยังไม่เคยปรากฏมาก่อน แต่ถ้าหากกกต.เห็นว่าว่าที่ส.ส.บัญชีรายชื่อคนใดทำผิดกฎหมายเลือกตั้งก็ต้องใช้วิธีดำเนินคดีตามกฎหมายเลือกตั้งเป็นรายบุคคล แต่ต้องรับรองก่อนแล้วค่อยให้ว่าที่ส.ส.บัญชีรายชื่อคนนั้นไปสู้คดี เพราะหากไม่รับรองคนใดคนหนึ่งก็อาจจะมีผลกระทบกับคนส่วนที่เหลือได้
นายประเกียรติ นาสิมมา ว่าที่สส.แบบบัญชีรายชื่อ และทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้ทีมกฎหมายก็ได้เตรียมหลักฐานและข้อเท็จจริงในการชี้แจง เตรียมพร้อมไว้แล้ว ทั้งนี้เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาและสามารถชี้แจงได้ ส่วนประเด็นทางการเมืองก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่จะต้องพิจารณาว่าจะจัดการกันอย่างไรต่อไปอย่างไรก็ตามเชื่อว่าอำนาจการพิจารณาทั้งหมดอยู่ที่กกต.ว่าจะนำไปตรวจสอบและชี้ผลออกมาอย่างใด
ส่วนเรื่องว่าที่ผู้สมัครที่เป็นแกนน้ำสื้อแดง ที่ยังถูกชะลอการรับรองนั้น เป็นเรื่องของคุณสมบัติที่จะต้องมาพิจารณาข้อเท็จจริงกันต่อไปว่าเข้ามาตรา 100 ของรัฐธรรมนูญและมาตรา 20 วรรค 7 ของพรรคการเมืองหรือไม่ โดยส่วนตัวเห็นว่ากกต.ได้พิจารณาให้ผ่านคุณสมบติในขั้นแรกมาแล้ว ก็ไม่น่าจะส่งผลให้มีปัญหาตามมาแต่อย่างใด
นายชูศักดิ์ ศิรินิล ที่ปรึกษาคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังไม่รับรองความเป็นส.ส.ให้กับแกนนำคนเสื้อแดง เนื่องจากมีผู้ร้องเรียนว่าผู้สมัครส.ส.ที่เป็นแกนนำคนเสื้อแดงนั้นขาดจากการเป็นสมาชิกพรรค เพราะผิดข้อบังคับพรรคข้อ10 (5) ที่ว่า ต้องคุมขังอยู่โดยหมายของศาล หรือโดยคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย ว่า เรื่องนี้ไม่ได้เป็นปัญหาเลย เป็นเรื่องที่คนร้องไม่รู้เรื่อง เพราะแกนนำทุกคนที่ออกจากแดนคุมขังมา เราได้ให้ลาออกจากสมาชิกพรรค และสมัครเป็นสมาชิกใหม่หมดทุกคนแล้ว ดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่เป็นปัญหา
ตัวอย่างจากกรณีของนายก่อแก้ว พิกุลทอง เมื่อครั้งลงเลือกตั้งซ่อมส.ส.กทม.ที่มีคนร้องเรียนเรื่องนี้เช่นกัน เราจึงแก้ไขปัญหาไว้แล้ว
**สบช่องร้องกกต.ยุบปชป.-ภท.จัดธงฟ้า
วันเดียวกัน นายพรชัย ก่อวัฒนมงคล ตัวแทนจากพรรคเพื่อไทย จ.สมุทรปราการ เขต 3 พร้อมด้วยนายศิลา ทองคำ ทนายความ เข้ายื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งโดยขอให้กกต.พิจารณายุบพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทย ภายหลังที่เคยยื่นร้องต่อกกต.ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 2 ก.ค.ในกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ผู้สมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่1 พรรคประชาธิปัตย์ และนางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผู้สมัครส.ส.ชัยนาท เขต 1 พรรคภูมิใจไทยมีพฤติการณ์กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งกรณีจัดให้มีการขายสินค้าในราตาต่ำเกินจริงในงานมหกรรมธงฟ้าหน้าหน่วยเลือกตั้ง ที่ศาลากลางจังหวัดสมุทรปราการ ในวันเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ซึ่งเข้าข่ายเป็นการซื้อเสียงทางอ้อม
**ทีมกม.ปชป. สู้แขวน “มาร์ค-องอาจ”
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายวิรัตน์ กัลยาศิริ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กรณีของนายองอาจคล้ามไพบูลย์ สามารถชี้แจงได้ เพราะเป็นการทำสัญญากับบริษัทเอกชนไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว ซึ่งต่อมาได้มีการเลือกตั้ง นายองอาจก็ต้องดำเนินการต่อตามสัญญานั้น จึงเป็นการทำหน้าที่ตามปกติ โดยไม่ได้ใช้อำนาจหน้าที่เข้าไปแทรกแซงแต่อย่างใด
ส่วนกรณีที่กกต.แขวนนายอภิสิทธิ์ นั้น นายวิรัตน์ กล่าวว่า ขณะนี้รับทราบเพียงแค่ข้อกล่าวหาของเลขากกต.ผ่านสื่อ แต่ยังไม่ได้รับทราบข้อกล่าวหาอย่างเป็นทางการที่กกต.ต้องแจ้งถึงผู้ถูกร้องที่ถูกกกต.สั่งแขวนโดยไม่ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ทั้งที่ต้องมีการแจ้งมาเป็นลายลักอักษร กรณีนี้จึงขึ้นอยู่กับนายอภิสิทธิ์ว่าจะไปชี้แจงด้วยตนเองหรือจะมอบให้ทีมกฎหมายดำเนินการแทน ซึ่งทีมกฎหมายพรรคมีความพร้อมอยู่แล้ว และยืนยันนายอภิสิทธิ์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
** “องอาจ” งงถูกแขวนข้อหาอะไร
นายองอาจ กล่าวว่า กรณีที่ว่าไปแทรกแซงการทำงานของ อสมท.ระหว่างที่มีการเลือกตั้ง โดยชิญหรือไม่ให้เชิญพรรคการเมืองใด มาออกรายการโทรทัศน์ หรือไม่เสนอข่าว นั้นตนขอยืนยันว่า ตนไม่เคยสั่งการใดๆต่อ อสมท.ในเรื่องที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งแต่อย่างใด โดยเฉพาะการให้ความเป็นหรือไม่เป็นธรรมกับพรรคการเมือง และตนไม่ได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับการบริหารตามปกติของอสมท. และตนยืนยันได้ว่า ตนไม่รู้สึกหนักใจกับข้อกล่าวหา
**เสธ.หนั่นปัดนั่งนายกฯสำรองแทน“ปู”
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเสนอนายกฯสำรองกับนายกฯปรองดอง หลังจากกกต.ไม่รับรองน.ส.ยิ่งลักษณ์ว่า ตนเป็นนายกฯปรองดองอยู่แล้ว ซึ่งสื่อเป็นคนตั้งให้เอง ขณะนี้กกต.ยังมีเวลาอีกนานก่อนที่กกต.จะรับรอง ตนคิดว่าต้องก่อนวันที่ 1 ส.ค. ถึงจะเรียบร้อย
กรณีที่ไม่ประกาศรับรองน.ส.ยิ่งลักษณ์จะทำให้เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นหรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ไม่รู้ว่ากกต.มีข้อกล่าวหาอะไรบ้าง ก็เป็นห่วง เพราะเขาก็ได้คะแนนท่วมท้น ก็คงต้องชี้แจงข้อกฎหมายการกระทำให้ชัดเจน แต่ตนหวังว่าจะเรียบร้อย
ถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่นายกฯอาจไม่ใช่น.ส.ยิ่งลักษณ์ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ต้องดูกกต.ก่อน เชื่อว่ากกต.จะตัดสินใจในเร็ววันนี้ เมื่อถามต่อว่าตอนนี้มีการโฟกัสมาที่ตัวพล.ต.สนั่น พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ไม่มีหรอก ลืมไปได้แล้ว
“ไม่มีหรอก จะอุบัติเหตุอย่างไรก็ไม่มี ลืมเสธฯหนั่นไปได้แล้ว เพราะมีแค่ 19 เสียง”พล.สนั่นกล่าวและตอบว่า ส่วนประวัติศาสตร์ที่พรรคการเมืองมีแค่ 10 กว่าเสียงสามารถเป็นนายกฯได้นั้นมันเป็นอดีตที่หวนกลับไม่ได้แล้ว ผ่านไปแล้ว
**ปธม.จี้ กกต.รับรองว่าที่ ส.ส.พรรค
นายวารินทร์ อัฐนาค โฆษกพรรคประชาธิปไตยใหม่ (ปธม.) แถลงเรียกร้องให้กรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ประกาศรับรอง นางพัชรินทร์ มั่นปาน ว่าที่ ส.ส.ของพรรค โดยยืนยันว่า กรณีหัวหน้าพรรคถูกฟ้องล้มละลายนั้น พร้อมชี้แจง กกต. จึงอยากให้รับรองผล ส.ส.ไปก่อน และหากชี้แจงไม่ได้ สามารถให้ใบเหลืองใบแดงภายหลังได้
**หน.พลังชล ไม่หวั่น ส.ส.ถูกแขวน
นายเชาวน์ มณีวงษ์ หัวหน้าพรรคพลังชล กล่าวถึงกรณีส.ส.พรรคถูกแขวนว่า ทางพรรคยืนยันในความชัดเจนและความโปร่งใสมาตลอดเวลา และไม่ทราบว่าสาเหตุใดที่ กกต.นำรายชื่อ ส.ส.ของพรรคไปแขวน และทาง กกต.ก็ไม่ได้มีการประสานงานสอบถาม หรือให้ไปชี้แจง โดยในฐานะที่เป็นจำเลย ยังไม่ทราบโจทก์ของเรื่องที่ กกต.ยังไม่รับรองว่าที่ ส.ส.ของพรรค แต่ทั้งหมดพร้อมที่จะชี้แจง และที่ผ่านมาผู้สมัครทุกคนก็ทำงาน ลงพื้นที่ด้วยความขยันขันแข็ง ประชาชนในพื้นที่สามารถรับรู้ได้
ส่วนกรณีหากพรรคเพื่อไทยถูกใบแดงจนกระทบต่อคะแนนของ ส.ส.ในพรรค พรรคพลังชลก็ยังไม่ตัดสินใจว่าจะย้ายขั้วหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องของอนาคต และตัวเลข ส.ส.ที่ปรากฏขณะนี้ก็ยังไม่ชัดเจน ต้องรอการรับรองจาก กกต.ทั้งหมดก่อน
วานนี้ (14 ก.ค) ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) นางสดศรี สัตยธรรม คณะกรรมการการเลือกตั้ง ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวว่า กกต.จะสามารถประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ส.ส.ได้ครบ 95% ได้ภายใน 30 วัน เพื่อให้เปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎรและเลือกนายกรัฐมนตรีได้แน่นอน เนื่องจากภาพรวมข้อร้องเรียนที่ได้รับเข้ามาส่วนใหญ่เป็นเรื่องทั่ว ๆ ไป ไม่ใช่กรณีร้ายแรงรุนแรง อย่างไรก็ตาม แม้จะพิจารณายังไม่เสร็จตามกำหนด ก็อาจจะรับรองผลไปก่อนเพื่อให้กระบวนการต่าง ๆ ดำเนินต่อไปได้ แล้วค่อยมาดำเนินการชี้ความผิดในภายหลังหากผลสอบสวนชี้ว่ามีการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง
**คาดสร็จภายใน 28 ก.ค.นี้
นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการกกต. กล่าวยืนยันถึงการพิจารณารับรอง ส.ส.ที่เหลืออีก 142 คน ทั้งจากแบบบัญชีรายชื่อ และแบ่งเขต ว่า จะต้องแล้วเสร็จภายในวันที่ 28 กรกฎาคมนี้ โดย กกต.นัดหมายที่จะประชุมพิจารณาในวันอังคารนี้ ด้วยความรอบคอบ ปราศจากการกลั่นแกล้ง
ส่วนความชัดเจนกรณีแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ที่ยังไม่ได้ประกาศรับรอง เลขาธิการกกต. กล่าวว่า เรื่องนี้มีความชัดเจนและได้แถลงข่าวแล้ว ไม่มีใครไปกลั่นแกล้งใคร โดยกกต.มีเวลาพิจารณา 30 วัน และยืนยัน กกต.ไม่ได้เลือกปฎิบัติ เนื่องจากกระบวนการยังไม่แล้วเสร็จ เรื่องพิจารณาที่ค้างจะรีบเร่งพิจารณาตามระเบียบสืบสวนสอบสวนของกกต. ต่อไป
สำหรับประเด็นที่มีกระแสข่าวพยายามกดดันกกต.ไม่ให้ประกาศรับรองผลการเลือกตั้งส.ส.นั้น นายสุทธิพล กล่าวว่า ไม่มีการกดดันการทำงานของกกต. เพราะทุกอย่างสามารถอธิบายและชี้แจงได้ โดยสอบสวนเรื่องร้องคัดค้านการเลือกตั้งอยู่ในกรอบของพยานหลักฐาน และกฎหมาย กกต.ทำหน้าที่ตรงไปตรงมา ผู้ที่เกี่ยวข้องก็จะมีความเข้าใจ
**กรณีเทือกเข้าข่ายมาตรา 53 โจมตีใส่ร้าย
นายสุทธิพล กล่าวถึง กรณีของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รักษาการเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ที่มีเรื่องร้องคัดค้านเข้ามาว่า เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับมาตรา 53 โจมตีใส่ร้ายจูงใจให้เข้าใจผิด ทั้งนี้ ที่ยังไม่มีการแจ้งให้ว่าที่ ส.ส.ทราบว่าถูกแขวนไว้ด้วยเหตุผลอะไรนั้น เนื่องจากในบางเรื่อง กกต.อาจจะพิจารณาแล้วเห็นว่าให้ยกคำร้องไป ซึ่งไม่จำเป็นต้องแจ้ง
**มาร์คไม่หวั่นถูกแขวนโบ้ย ขรก.ประจำ
เวลา 10.00 น.ที่อาคารศูนย์กีฬา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึง กรณีถูกร้องเรียนมีส่วนสั่งการเจ้าหน้าที่รัฐจัดงานมหกรรมลดค่าครองชีพ ประชาชน นำราคาสินค้าต่ำเกินจริงไปจำหน่ายในช่วงที่มีการเลือกตั้งล่วงหน้าในจ.สมุทรปราการ ว่า ขณะนี้ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา และยังไม่ทราบรายละเอียดว่าพฤติกรรมของตนผิดกฎหมายอย่างไร กรณีดังกล่าวเป็นการทำงานของหน่วยงานตามปกติ ฝ่ายการเมืองไม่ได้เกี่ยวข้อง เพราะสำหรับการจัดงานนั้นคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติเพียงหลักการ แต่รายละเอียดของการจัดงานหน่วยงานเป็นผู้กำหนด
“มันไม่เกี่ยวหรอกครับ เขาไปขายของ หน่วยงานต่างๆ มีหน้าที่แก้ปัญหาประชาชน ถ้าหน่วยงานไม่ทำอะไรก็มาด่า”นายอภิสิทธิ์ กล่าวและย้ำว่า ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาทำตามกฎหมายเลือกตั้งทุกประการ
เมื่อถามว่าการทำงานของ กกต.ในลักษณะเช่นนี้จะทำให้เกิดความวุ่นวายทางการเมืองหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ต้องเคารพกติกาและระบบ กกต.มีหน้าที่ตรวจสอบว่า ที่ได้รับเลือกตั้งนั้นมาด้วยความถูกต้องหรือไม่ ภายในกรอบระยะเวลา 30 วัน ดังนั้นเมื่อยังไม่ทราบผลการวินิจฉัยก็ไม่ควรตั้งธง มิเช่นนั้นก็ไม่ควรมีกกต.และการเอามวลชนมากดดันก็คิดว่าไม่ถูกอย่างยิ่ง จึงอยากจะเห็นพรรคเพื่อไทยแสดงจุดยืนที่ชัดเจนว่าจะหยุดพฤติกรรมเหล่านี้อย่างไรบ้าง
**แขวะ“เต้น”อย่าร้อนตัวปลุกม็อบ
ส่วนกรณีนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ว่าที่ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง ที่เขียนในเฟสบุ๊คว่าหากกกต.ยังไม่รับรองการเป็นส.ส.จะถูกนานาประเทศกดดันแน่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ทำไมไม่ทำตามกฎหมาย ถ้าทุกคนทำตามกฎหมายมันจะไม่มีปัญหา เช่นเดียวกับกรณีของน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรี ที่กกต.ยังไม่ได้ตัดสิน และถ้าใครไม่ได้ทำผิดกฎหมายกกต.ก็ไม่มีสิทธิ์จะไปให้ใบเหลืองใบแดง
**จี้กกต.ชัดเจนหวั่นถูกโยงนานาชาติ
เมื่อถามว่า มีความคิดเห็นอย่างไรที่ต่างประเทศยังมองสถานการณ์การเมืองของประเทศไทยว่า ยังวุ่นวาย นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยังมีความพยายามที่จะสร้างข่าวกับต่างประเทศมาตลอด เหมือนกับตอนที่ตนประกาศยุบสภา มันมีการพูดมาตลอดว่าจะมีปฏิวัติ ไม่มีการเลือกตั้ง แต่ทุกอย่างก็เป็นไปตามกฎหมาย มิเช่นนั้นทุกคนจะอ้างกระแส สร้างข่าว ขืนปล่อยเป็นเช่นนี้ เรียก 2 มาตรฐานแน่นอน ทั้งนี้ต่างชาติจะเข้าใจกระบวนการกฎหมายของไทยต่อกรณีการรับรองส.ส.หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับ กกต.ว่าจะมีเหตุผล หลักฐาน และกรณีเทียบเคียงที่ชัดเจนเพียงใดในการพิจารณา เพราะกกต.ต้องทำหน้าที่ให้ถูกต้องโดยไม่ต้องรับฟังแรงกดดันจากใคร
**รอสัญญาณปรองดองสั่งสลายหมู่บ้านแดง
นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงกรณีแนวทางการปรองดองที่ควรจะเกิดขึ้นว่า ต่างคนต่างทำหน้าที่ของตนเองตามกฎหมายอย่างตรงไปตรงมา แล้วตนก็รอสัญญาณจากทางฝ่ายรัฐบาล ว่าจะมีก้าวแรกในการลดการเผชิญหน้าได้อย่างไร อาทิ การคุยกับคนเสื้อแดงให้สลายเรื่องหมู่บ้าน หรือการบอกว่าอย่าใช้วิธีการเอามวลชนมากดดัน เพราะจะเป็นสัญญาณที่สำคัญมาก ถ้าจริงใจในเรื่องของการปรองดอง
**ไม่เชื่อมีประชามติแก้ รธน.
นายอภิสิทธิ์ กล่าวกรณีที่นายมานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ ว่าที่ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย ประกาศว่าพร้อมเดินหน้าทำประชามติเพื่อนำรัฐธรรมนูญฉบับปี40มาบังคับใช้แทนรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันว่า ยังไม่ทราบ และนายมานิตต์คงไม่มีอำนาจที่จะไปดำเนินการเรื่องนั้นได้
**“ปู” ปัดดัน “ยงยุทธ”นายกฯ สำรอง
น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรี กล่าวปฏิเสธข่าวที่ว่าพรรคเพื่อไทยเตรียมเสนอชื่อนายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.แบบบบัญชีรายชื่อลำดับที่ 2 ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีสำรองหากเกิดอุบัติเหตุทางการเมือง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ไม่ได้รับการรับรองการเป็น ส.ส.จาก กกต.ว่า ขณะนี้ยังไม่มีการพูดคุยโดยขอให้รอฟังผลการพิจารณาของ กกต.ก่อน
ทั้งนี้ ยืนยันว่าไม่หนักใจที่ กกต.ยังไม่รับรองผลการเป็น ส.ส.ของตนและว่าที่ ส.ส.ของพรรคอีกหลายคน เพราะเชื่อว่าอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบของ กกต.ยังมีเวลาถึงวันที่ 3 สิงหาคมกว่าจะครบ 30 วันตามกฎหมายกำหนด ซึ่งตนยังไม่อยากพูดอะไรขอให้ กกต.ทำงานเต็มที่ ไม่อยากกดดัน กกต.เพราะเข้าใจว่างานของ กกต.มีจำนวนมาก
ส่วนที่ถูกร้องเรียนกรณีนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ที่เป็นผู้ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมืองได้ไปช่วยพรรคเพื่อไทยหาเสียงนั้น ไม่เป็นความจริง และไม่ได้มาช่วยเตรียมการก่อนการหาเสียงด้วย ซึ่งตนหาเสียงกับทีมงานของพรรคเพียงเท่านั้น ซึ่งฝ่ายกฎหมายของพรรคก็เตรียมข้อมูลในเรื่องนี้อยู่ ส่วนเรื่องร้องเรียนต่างๆ ของพรรค ฝ่ายกฎหมายของพรรคกำลังตรวจสอบอยู่ ซึ่งกรรมการบริหารพรรคก็ไม่ได้หนักใจในเรื่องนี้แต่อย่างใด
**ฑูตหลายประเทศจ่อพบว่าที่นายกฯ
สำหรับบรรยากาศ ณ ที่ทำการพรรคเพื่อไทย ยังคงมีความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด นายปินาก รัญชัน จักรวรรดิ เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอินเดียประจำประเทศไทย พร้อมคณะได้เดินทางมาแสดงความยินดีพร้อมมอบดอกไม้แก่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ว่าที่นายกรัฐมนตรี โดยได้มอบจดหมายแสดงความยินดีจากนายมานโมฮัน ซิงห์ นายกรัฐมนตรีของประเทศอินเดียให้กับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ด้วย
จากนั้น นายรอน ฮอฟแมน เอกอัครราชทูตแคนาดาประจำประเทศไทย พร้อมคณะ ก็ได้เดินทางมาพบปะพูดคุยและแสดงความยินดีกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์เช่นเดียวกัน นอกจากนี้ยังมีคณะเอกอัครราชทูตจาก 5 ประเทศแอฟริกาประจำประเทศไทย ประกอบด้วย ไนจีเรีย เคนยา อียิปต์ แอฟริกาใต้ และโมร็อกโก เดินทางมาร่วมแสดงความยินดีกับ น.ส.ยิ่งลักษณ์ด้วยเช่นกัน
**ยงยุทธ ยัน ไม่ใช่ตัวสำรองแน่นอน
นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายปลอดประสพ สุรัสวดี รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และนายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงข่าวถึงกรณีที่มีกระแสข่าวว่าพรรคเพื่อไทยเตรียมแผนสำรองหากคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ไม่รับรอง น.ส. ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ให้เป็น ส.ส. หรือขั้นร้ายแรงสุดคือถูกใบเหลืองหรือใบแดงก็จะให้นายยงยุทธเป็นนายกรัฐมนตรีแทน
นายยงยุทธ กล่าวว่า คณะกรรมการบริหารพรรคมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ น.ส.ยิ่งลักษณ์เป็นผู้สมัครส.ส.บัญชีรายชื่อลำดับ 1 ของพรรค ซึ่งมีความหมายชัดเจนว่าถ้าพรรคเพื่อไทยชนะการเลือกตั้ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ จะเป็นนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้ ระหว่างการรณรงค์หาเสียงของพรรค เราชูใน 3 ประเด็นคือ 1.ตัวตนของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ 2.นโยบายของพรรค และ 3.การเสนอให้ประชาชนลองพิจารณาเลือกนายกรัฐมนตรีที่เป็นผู้หญิงเป็นครั้งแรก และเมื่อประชาชนให้การตอบรับโดยเลือกผู้ส.ส.ของพรรคเพื่อไทยเข้ามาถึง 265 คน รวมทั้งมีพรรคร่วมรัฐบาลเข้ามาเพิ่มอีกเป็น 300 คน แสดงให้เห็นว่าทุกคนเห็นด้วยในตัวตนของ น.ส. ยิ่งลักษณ์และนโยบายของพรรคเพื่อไทย
**กม.ไม่ได้ห้าม“สมชาย-เยาวภา” ฟังปราศรัย
นายยงยุทธ กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่มีกระแสข่าวว่าคณะกรรมการยุทธศาสตร์และคณะกรรมการนโยบายของพรรคเพื่อไทยมีแผนสำรองหากนางสาวยิ่งลักษณ์ไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ยืนยันว่าไม่มีการประชุมดังกล่าว และพรรคไม่มีความเห็นเป็นอย่างอื่นนอกจากเสนอให้ น.ส. ยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรี คณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทยยืนยันว่านางสาวยิ่งลักษณ์เป็นผู้ที่มีความเหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี
ส่วนกรณีที่มีการระบุว่านางสาวยิ่งลักษณ์ถูกแขวนจากคำพูดที่ว่า “ทักษิณคิด ยิ่งลักษณ์ทำ” รวมทั้งนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี และนางเยาวภา วงศ์สวัสดิ์ ภริยานายสมชายไปช่วยหาเสียงนั้น เรื่องนโยบายใครๆ ก็คิดได้ นโยบายที่ดีๆ ไม่ใช่แค่พ.ต.ท.ทักษิณที่คิดได้ หากเราเห็นว่านโยบายไหนดีเราก็เอามา ส่วนนายสมชายและนางเยาวภานั้นก็ไม่ได้ไปช่วยหาเสียงอะไร เพียงแต่เห็นมีการปราศรัยก็ไปฟัง ไปยืนดู กฎหมายก็ไม่ได้ห้ามว่าไม่ให้ไปฟังหรือไปดูการปราศรัย และหากกำหนดขนาดนั้นจะเป็นการกำหนดสิทธิของประชาชนมากเกินไปหรือไม่
**“ปลอด” โวคนไทยกว่า 20 ล้านเสียงหนุน
นายปลอดประสพ กล่าวว่า ขณะนี้การเลือกตั้งจบแล้ว อย่าฝันว่ายังไม่ได้มีการเลือกตั้งเกิดขึ้น ว่าที่ส.ส. 265 คนของพรรคเพื่อไทยที่ประชาชนเลือกเข้ามานั้นถือเป็นความชอบธรรมที่เราจะได้เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล และเมื่อมีว่าที่ส.ส.ของพรรคร่วมรัฐบาลเข้ามาร่วมด้วยเป็น 300 เสียงจาก 500 เสียงถือว่าเกินครึ่งที่เห็นควรให้ น.ส. ยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรี นอกจากนี้ ประชาชน 15.7 ล้านคนเลือกพรรคเพื่อไทย และเมื่อรวมเสียงของประชาชนที่เลือกพรรคร่วมรัฐบาลด้วยแล้วรวมเป็นทั้งสิ้น 20 ล้านคน จาก 35 ล้านคนที่ออกมาใช้สิทธิเลือกตั้ง ถือว่าเกินครึ่งเช่นกันที่เห็นควรให้ น.ส. ยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรี และไม่มีอำนาจใดเหนือเสียงของประชาชน 20 ล้านคนได้
**แขวะจะให้พี่น้องแยกกันไหว้บรรพบุรุษ
นายปลอดประสพ กล่าวด้วยว่า สำหรับกรณีที่มีการระบุถึงการไปปรากฏตัวของนายสมชายและนางเยาวภาระหว่างที่นางสาวยิ่งลักษณ์ไปหาเสียงนั้น บังเอิญว่าในวันดังกล่าวตนเดินทางไปด้วย ซึ่งพี่น้อง 2 คนจะไปไหว้บรรพบุรุษพร้อมกัน จะต้องแยกกันไปและไหว้กันคนละรอบอย่างนั้นหรือ ส่วนนายสมชายก็ถือเป็นเขยดังนั้นการจะเดินทางไปกับภรรยาก็ไม่เห็นว่าจะเป็นเรื่องแปลกอะไร "พอทีเถอะ ปล่อยให้เราได้บริหารบ้านเมืองเถอะ อย่าทำอะไรให้ประเทศวุ่นวายอีกเลย"
**ไอ้เต้น ไม่เคยคิดเคลื่อนไหวมวลชนคุกคาม กกต.
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้สมัครระบบบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทย และแกนนำกลุ่ม นปช.กล่าวถึง สื่อรายงานถึงข้อความที่ตนโพสต์ไปในเว็บไซต์เฟสบุ๊คว่าตนไปขู่การทำงานของ กกต.นั้น ตนขอเรียนถึงข้อความที่ตนบอกว่าหากไม่รับรองพรรคเพื่อไทย จะเกิดเรื่องใหญ่นั้น หมายความว่า คนทั่วโลกเขาจะรู้กันว่าการดำเนินการเช่นนี้เหมือนเป็นการรัฐประหารทางกฎหมายเท่านั้น ตนไม่มีความคิดที่เคลื่อนไหวมวลชน หรือนำพาประชาชนมากดดันหรือคุกคามการทำงานของ กกต.ตราบใดที่ กกต.มีหน้าที่ตามกฎหมายก็ต้องเคารพกระบวนการ ทั้งนี้ในวันที่ 19 กรกฎาคมที่จะถึงนั้นกลุ่ม นปช.ก็ไม่ได้มีการนัดแนะกับประชาชนให้เดินทางไปที่ทำการของ กกต.แต่อย่างใด
**'เต้น'กลับคำไม่นำม็อบกดดันกกต.
นายณัฐวุฒิ กล่าวต่อว่า การที่กกต.แขวนรายชื่อว่าที่ส.ส.พรรคเพื่อไทยที่เป็นแกนนำคนเสื้อแดงโดยอ้างข้อบังคับพรรคเพื่อไทยข้อ 10(5) ที่สมาชิกจะขาดจากการเป็นสมาชิกภาพเมื่อถูกจำคุกนั้น เรื่องนี้เกิดคำถามกับตนและคนที่ถูกแขวนรายชื่อเพราะในจำนวนนี้แบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ 1.หลายคนไม่เคยถูกจำคุก เช่น พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย นายวิเชียร ขาวขำ และนายการุณ โหสกุล ส่วนนายวรชัย เหมะ จ.ส.ต.ประสิทธิ์ ไชยศรีษะ และนายสถาพร มณีรัตน์ นั้นไม่ถูกหมายศาลและไม่ถูกจับ อีกทั้งยังไม่ถูกตั้งข้อหาก่อการร้ายด้วย จึงไม่เข้าใจว่ากระบวนการพิจารณาของกกต.นั้นเป็นอย่างไร รายชื่อเหล่านี้ขาดสมาชิกภาพตรงไหน เหตุใดจึงจับมาแขวนเป็นพวงเดียวกัน
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า ส่วนกลุ่มที่ 2 คือ ตน นพ.เหวง โตจิราการ นายก่อแก้ว พิกุลทอง นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนายวิภูแถลง พัฒนภูมิไท แม้จะเคยถูกคุมขังแต่ก็ยังถือเป็นผู้บริสุทธิ์เพราะยังไม่มีคำตัดสินจากศาลแต่อย่างใด ดังนั้นจึงชัดเจนว่าไม่ขัดต่อการเป็นสมาชิกพรรค พวกตนและฝ่ายกฎหมายของพรรคพร้อมจะไปชี้แจงกกต.
ขณะนี้ก็กำลังรอกกต.อยู่ว่าจะเรียกไปเมื่อไหร่ สำหรับข้อบังคับและระเบียบเกี่ยวกับการเป็นสมาชิกพรรคนั้นก็ได้ปรับเปลี่ยนไปแล้ว โดยมีการประชุมใหญ่ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการบริหารพรรคเมื่อวันที่ 16 ส.ค. 2553 และประกาศใช้เมื่อวันที่ 18 พ.ย.2553 ที่ผ่านมา และเมื่อวันที่ไปสมัครรับเลือกตั้งนั้นกกต.ก็รับรองคุณสมบัติทั้งหมด แล้ววันนี้จะมาบอกว่าขาดคุณสมบัติภายหลังได้อย่างไร ทั้งนี้ ยืนยันว่าจะไม่มีการนำมวลชนไปเคลื่อนไหวกดดันกกต.อย่างแน่นอน ซึ่งแกนนำนปช.เองก็มีการหารือกันแล้วว่าจะไม่มีการดำเนินการอะไรแบบนั้นอย่างแน่นอนอีกด้วย
**เฟซบุ๊กระบุไม่รับรองส.ส.เจองานใหญ่แน่
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อกลางดึกวันที่ 13 ก.ค.54 เวลา 23.30 น. นายณัฐวุฒิ ไสยเกื้อ ว่าที่ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้โพสต์ข้อความผ่าน facebook ชื่อ "นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ" ว่า เรื่องแขวนส.ส.ต้องรอ กกต.ทำงานให้ครบขั้นตอนก่อน เพราะเขายังถือความชอบธรรม เรื่องกรอบเวลาตามกฎหมาย ถ้าสุดทางแล้วยังไม่รับรอง ผมรับรองได้เลยว่า งานใหญ่แน่นอน มือที่มองไม่เห็น จะถูกมองเห็น และทักท้วงจากทั่วโลก ผมยังเชื่อว่า ถ้าจะเล่นงานเรา เขาจะทำหลังตั้งรัฐบาล การขวางไม่ให้ตั้ง ไม่ว่าวิธีใด จะทำให้ฝ่ายเขา ไม่เหลือความชอบธรรมอยู่เลย สถานการณ์ขณะนี้ กวักมือชาวโลก ให้หันมามอง แถมยังกระตุ้นคนไทย ให้ไม่กระพริบตาอีกด้วย นิ่งดูอีกนิดเดียวครับ"
**ทีมกฎหมายเผาไทยมีหลักฐานชี้แจง
อีกด้านความพยายามช่วยเหลือ ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ และระบบเขต ของพรรคเพื่อไทย เพื่อให้รอดจากการถูกแขวน รายงานแจ้งว่าคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย ได้เข้าไปดูและว่าเรื่องร้องเรียนอะไรบ้างที่ทำให้กกต.ยังไม่รับรองว่าที่ส.ส.พรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะว่าที่ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ มีข้อถกเถียงในข้อกฎหมายว่าผลทางกฎหมายจะเกิดขึ้นอย่างไร อย่างไรก็ตาม ระบบบัญชีรายชื่อนั้นเป็นระบบปิดคือ เป็นระบบเลื่อนคนขึ้นมาแทนคนที่หายไปได้ แต่ถ้ากกต.ไม่รับรองผู้สมัครส.ส.คนใดคนหนึ่งในระบบบัญชีบัญชีรายชื่อมันก็จะนิ่ง จะเดินไปไม่ได้ ทั้งนี้ การให้ใบเหลืองเพื่อทำให้ผู้สมัครส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อคนใดคนหนึ่งหายไปนั้นยังไม่เคยปรากฏมาก่อน แต่ถ้าหากกกต.เห็นว่าว่าที่ส.ส.บัญชีรายชื่อคนใดทำผิดกฎหมายเลือกตั้งก็ต้องใช้วิธีดำเนินคดีตามกฎหมายเลือกตั้งเป็นรายบุคคล แต่ต้องรับรองก่อนแล้วค่อยให้ว่าที่ส.ส.บัญชีรายชื่อคนนั้นไปสู้คดี เพราะหากไม่รับรองคนใดคนหนึ่งก็อาจจะมีผลกระทบกับคนส่วนที่เหลือได้
นายประเกียรติ นาสิมมา ว่าที่สส.แบบบัญชีรายชื่อ และทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ขณะนี้ทีมกฎหมายก็ได้เตรียมหลักฐานและข้อเท็จจริงในการชี้แจง เตรียมพร้อมไว้แล้ว ทั้งนี้เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาและสามารถชี้แจงได้ ส่วนประเด็นทางการเมืองก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ที่จะต้องพิจารณาว่าจะจัดการกันอย่างไรต่อไปอย่างไรก็ตามเชื่อว่าอำนาจการพิจารณาทั้งหมดอยู่ที่กกต.ว่าจะนำไปตรวจสอบและชี้ผลออกมาอย่างใด
ส่วนเรื่องว่าที่ผู้สมัครที่เป็นแกนน้ำสื้อแดง ที่ยังถูกชะลอการรับรองนั้น เป็นเรื่องของคุณสมบัติที่จะต้องมาพิจารณาข้อเท็จจริงกันต่อไปว่าเข้ามาตรา 100 ของรัฐธรรมนูญและมาตรา 20 วรรค 7 ของพรรคการเมืองหรือไม่ โดยส่วนตัวเห็นว่ากกต.ได้พิจารณาให้ผ่านคุณสมบติในขั้นแรกมาแล้ว ก็ไม่น่าจะส่งผลให้มีปัญหาตามมาแต่อย่างใด
นายชูศักดิ์ ศิรินิล ที่ปรึกษาคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยังไม่รับรองความเป็นส.ส.ให้กับแกนนำคนเสื้อแดง เนื่องจากมีผู้ร้องเรียนว่าผู้สมัครส.ส.ที่เป็นแกนนำคนเสื้อแดงนั้นขาดจากการเป็นสมาชิกพรรค เพราะผิดข้อบังคับพรรคข้อ10 (5) ที่ว่า ต้องคุมขังอยู่โดยหมายของศาล หรือโดยคำสั่งที่ชอบด้วยกฎหมาย ว่า เรื่องนี้ไม่ได้เป็นปัญหาเลย เป็นเรื่องที่คนร้องไม่รู้เรื่อง เพราะแกนนำทุกคนที่ออกจากแดนคุมขังมา เราได้ให้ลาออกจากสมาชิกพรรค และสมัครเป็นสมาชิกใหม่หมดทุกคนแล้ว ดังนั้นเรื่องนี้จึงไม่เป็นปัญหา
ตัวอย่างจากกรณีของนายก่อแก้ว พิกุลทอง เมื่อครั้งลงเลือกตั้งซ่อมส.ส.กทม.ที่มีคนร้องเรียนเรื่องนี้เช่นกัน เราจึงแก้ไขปัญหาไว้แล้ว
**สบช่องร้องกกต.ยุบปชป.-ภท.จัดธงฟ้า
วันเดียวกัน นายพรชัย ก่อวัฒนมงคล ตัวแทนจากพรรคเพื่อไทย จ.สมุทรปราการ เขต 3 พร้อมด้วยนายศิลา ทองคำ ทนายความ เข้ายื่นคำร้องคัดค้านการเลือกตั้งโดยขอให้กกต.พิจารณายุบพรรคประชาธิปัตย์ และพรรคภูมิใจไทย ภายหลังที่เคยยื่นร้องต่อกกต.ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 2 ก.ค.ในกรณีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ผู้สมัครส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่1 พรรคประชาธิปัตย์ และนางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ผู้สมัครส.ส.ชัยนาท เขต 1 พรรคภูมิใจไทยมีพฤติการณ์กระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งกรณีจัดให้มีการขายสินค้าในราตาต่ำเกินจริงในงานมหกรรมธงฟ้าหน้าหน่วยเลือกตั้ง ที่ศาลากลางจังหวัดสมุทรปราการ ในวันเลือกตั้งล่วงหน้าเมื่อวันที่ 26 มิ.ย. ซึ่งเข้าข่ายเป็นการซื้อเสียงทางอ้อม
**ทีมกม.ปชป. สู้แขวน “มาร์ค-องอาจ”
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายวิรัตน์ กัลยาศิริ คณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า กรณีของนายองอาจคล้ามไพบูลย์ สามารถชี้แจงได้ เพราะเป็นการทำสัญญากับบริษัทเอกชนไว้ก่อนหน้านั้นแล้ว ซึ่งต่อมาได้มีการเลือกตั้ง นายองอาจก็ต้องดำเนินการต่อตามสัญญานั้น จึงเป็นการทำหน้าที่ตามปกติ โดยไม่ได้ใช้อำนาจหน้าที่เข้าไปแทรกแซงแต่อย่างใด
ส่วนกรณีที่กกต.แขวนนายอภิสิทธิ์ นั้น นายวิรัตน์ กล่าวว่า ขณะนี้รับทราบเพียงแค่ข้อกล่าวหาของเลขากกต.ผ่านสื่อ แต่ยังไม่ได้รับทราบข้อกล่าวหาอย่างเป็นทางการที่กกต.ต้องแจ้งถึงผู้ถูกร้องที่ถูกกกต.สั่งแขวนโดยไม่ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง ทั้งที่ต้องมีการแจ้งมาเป็นลายลักอักษร กรณีนี้จึงขึ้นอยู่กับนายอภิสิทธิ์ว่าจะไปชี้แจงด้วยตนเองหรือจะมอบให้ทีมกฎหมายดำเนินการแทน ซึ่งทีมกฎหมายพรรคมีความพร้อมอยู่แล้ว และยืนยันนายอภิสิทธิ์ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
** “องอาจ” งงถูกแขวนข้อหาอะไร
นายองอาจ กล่าวว่า กรณีที่ว่าไปแทรกแซงการทำงานของ อสมท.ระหว่างที่มีการเลือกตั้ง โดยชิญหรือไม่ให้เชิญพรรคการเมืองใด มาออกรายการโทรทัศน์ หรือไม่เสนอข่าว นั้นตนขอยืนยันว่า ตนไม่เคยสั่งการใดๆต่อ อสมท.ในเรื่องที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งแต่อย่างใด โดยเฉพาะการให้ความเป็นหรือไม่เป็นธรรมกับพรรคการเมือง และตนไม่ได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับการบริหารตามปกติของอสมท. และตนยืนยันได้ว่า ตนไม่รู้สึกหนักใจกับข้อกล่าวหา
**เสธ.หนั่นปัดนั่งนายกฯสำรองแทน“ปู”
พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีเสนอนายกฯสำรองกับนายกฯปรองดอง หลังจากกกต.ไม่รับรองน.ส.ยิ่งลักษณ์ว่า ตนเป็นนายกฯปรองดองอยู่แล้ว ซึ่งสื่อเป็นคนตั้งให้เอง ขณะนี้กกต.ยังมีเวลาอีกนานก่อนที่กกต.จะรับรอง ตนคิดว่าต้องก่อนวันที่ 1 ส.ค. ถึงจะเรียบร้อย
กรณีที่ไม่ประกาศรับรองน.ส.ยิ่งลักษณ์จะทำให้เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นหรือไม่ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ไม่รู้ว่ากกต.มีข้อกล่าวหาอะไรบ้าง ก็เป็นห่วง เพราะเขาก็ได้คะแนนท่วมท้น ก็คงต้องชี้แจงข้อกฎหมายการกระทำให้ชัดเจน แต่ตนหวังว่าจะเรียบร้อย
ถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่นายกฯอาจไม่ใช่น.ส.ยิ่งลักษณ์ พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ต้องดูกกต.ก่อน เชื่อว่ากกต.จะตัดสินใจในเร็ววันนี้ เมื่อถามต่อว่าตอนนี้มีการโฟกัสมาที่ตัวพล.ต.สนั่น พล.ต.สนั่น กล่าวว่า ไม่มีหรอก ลืมไปได้แล้ว
“ไม่มีหรอก จะอุบัติเหตุอย่างไรก็ไม่มี ลืมเสธฯหนั่นไปได้แล้ว เพราะมีแค่ 19 เสียง”พล.สนั่นกล่าวและตอบว่า ส่วนประวัติศาสตร์ที่พรรคการเมืองมีแค่ 10 กว่าเสียงสามารถเป็นนายกฯได้นั้นมันเป็นอดีตที่หวนกลับไม่ได้แล้ว ผ่านไปแล้ว
**ปธม.จี้ กกต.รับรองว่าที่ ส.ส.พรรค
นายวารินทร์ อัฐนาค โฆษกพรรคประชาธิปไตยใหม่ (ปธม.) แถลงเรียกร้องให้กรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. ประกาศรับรอง นางพัชรินทร์ มั่นปาน ว่าที่ ส.ส.ของพรรค โดยยืนยันว่า กรณีหัวหน้าพรรคถูกฟ้องล้มละลายนั้น พร้อมชี้แจง กกต. จึงอยากให้รับรองผล ส.ส.ไปก่อน และหากชี้แจงไม่ได้ สามารถให้ใบเหลืองใบแดงภายหลังได้
**หน.พลังชล ไม่หวั่น ส.ส.ถูกแขวน
นายเชาวน์ มณีวงษ์ หัวหน้าพรรคพลังชล กล่าวถึงกรณีส.ส.พรรคถูกแขวนว่า ทางพรรคยืนยันในความชัดเจนและความโปร่งใสมาตลอดเวลา และไม่ทราบว่าสาเหตุใดที่ กกต.นำรายชื่อ ส.ส.ของพรรคไปแขวน และทาง กกต.ก็ไม่ได้มีการประสานงานสอบถาม หรือให้ไปชี้แจง โดยในฐานะที่เป็นจำเลย ยังไม่ทราบโจทก์ของเรื่องที่ กกต.ยังไม่รับรองว่าที่ ส.ส.ของพรรค แต่ทั้งหมดพร้อมที่จะชี้แจง และที่ผ่านมาผู้สมัครทุกคนก็ทำงาน ลงพื้นที่ด้วยความขยันขันแข็ง ประชาชนในพื้นที่สามารถรับรู้ได้
ส่วนกรณีหากพรรคเพื่อไทยถูกใบแดงจนกระทบต่อคะแนนของ ส.ส.ในพรรค พรรคพลังชลก็ยังไม่ตัดสินใจว่าจะย้ายขั้วหรือไม่ เพราะเป็นเรื่องของอนาคต และตัวเลข ส.ส.ที่ปรากฏขณะนี้ก็ยังไม่ชัดเจน ต้องรอการรับรองจาก กกต.ทั้งหมดก่อน