วานนี้ (11 ก.ค) นายเทพไท เสนพงษ์ ว่าที่ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีกระแสข่าวส.ส.ภาคใต้จำนวนหนึ่งไม่เห็นด้วยต่อการจะกลับมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอีกครั้งของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่า จากที่ได้มีการหารือกันอกรอบของสมาชิกพรรคภาคใต้ส่วนใหญ่ต่างยืนยันว่า ไม่มีการออมการคัดค้าน หรือขัดขวางนายอภิสิทธิ์แต่อย่างใด แม้พรรคประชาธิปัตย์จะมีบุคคลากรหลายคนปรารถนาที่จะเป็นหัวหน้าพรรคได้ แต่ในสถานการณ์ขณะนี้นายอภิสิทธิ์เหมาะสมที่สุด
ส่วนตำแหน่งเลขาธิการพรรคยังเห็นว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ ยังเหมาะสม แม้นายสุเทพจะปรกาศเขจตนารมย์ว่าไม่รับตำแหน่งอีกครั้ง แต่สมาชิกยังเห็นว่าในสภาวะเช่นนี้นายสุเทพยังมีบทบาทสำคัญในการเป็นแม่บ้านพรรค ซึ่งคงต้องไปอ้อนวอนให้กลับมารับตำแหน่งอีกครั้ง
“จากที่ได้พูดคุยกันนอกรอบ หลายคนยังเห้นว่าตำแหน่งเลขาธิการ ยังหาคนที่มีบารมีเหมาะสมเท่ากับมาตรฐานที่นายสุเทพทำไว้ได้ยาก จากประวัติศษสตร์ที่ผ่านมาถือว่านายสุเทพได้ทำหน้าที่เลขาธิการได้สมบูรณ์เป้นที่ยอมรับของเจ้าหน้าที่พรรค ส.ส. บุคคลภายนอก หากยังเป็นแม่บ้านอยู่จะทำให้การทำงานได้รับการร่วมมือจากทุกฝ่าย บทบาทการทำหน้าที่ของท่านอภิสิทธิ์ และท่านสุเทพถือเป็นคู่ที่เหมาะสมเหมือนหยินกับหยาง ถือเป็นความลงตัวที่สุด ส่วนคณะกรรมการบริหารอีก 17 คนก็เป็นเรื่องที่ประชุมจะต้องตัดสินใจ”
ผู้สื่อข่าวถามว่านายสุเทพได้ประกาศชัดเจนแล้วว่าจะไม่กลับมารับตำแหน่งเลขาธิการอีกครั้ง จะทำอย่างไรให้เปลี่ยนใจ นายเทพไทกล่าวว่า เป็นเรื่องของสมาชิกพรรคที่จะพิจารณาเชื่อว่านายสุเทพซึ่งเป็นนักประชาธิปไตย ให้ความสำคัญกับมติพรรค ผูกพันกับพรรค รักพรรค หากสมาชิกมีมติให้นายสุเทพกลับมาอีกครั้งก็เชื่อว่าจะกลับมารับตำแหน่งนี้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เป็นเวลาที่ต้องเร่งเดินหน้าเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ขึ้นมาทำหน้าที่ ผู้นำฝ่ายค้านไม่ให้ว่างเว้นเหมือนพรรคเพื่อไทย ที่ไม่มีผู้นำฝ่ายค้านมาถึงหนึ่งสมัยเต็มๆ
**เทือกบอกใครจะบังคับตนไม่ได้
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รักษาการรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง และรักษาการเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่า จะไม่หวนคืนนั่งตำแหน่งเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์อย่างแน่นอน ใครจะมาบังคับไม่ได้ และหากมีการเสนอ ก็จะถอนตัวทันที ทั้งนี้ เห็นว่าเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์คนต่อไปควรจะเป็นบุคคลภายในพรรคประชาธิปัตย์เอง
ถามว่า นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ อดีตเลขาธิการนายกฯ พร้อมเข้ารับตำแหน่งเลขาธิการ ปชป.แทนได้หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่ครับ นายนิพนธ์ไม่เคยประสงค์เข้ารับตำแหน่งดังกล่าว ถามว่า ระหว่างนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง หรือนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้อำนวยการเลือกตั้งภาค กทม.ของ ปชป.ที่เคยบอกว่าพร้อมเป็นหัวหน้า ปชป.คนต่อไป จะกล่อมให้มาช่วยงานในฐานะเลขาธิการ ปชป.แทนได้หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า “เป็นไปได้ครับ"
**วิทยาอ้างไม่มีสกัด“มาร์ค-เทือก”
นายวิทยา แก้วภราดัย ว่าที่ ส.ส.นครศรีธรรมราช แกนนำกลุ่ม ส.ส.ภาคใต้ กล่าวถึงกระแสข่าวมีกลุ่ม ส.ส.พยายามสกัดไม่ให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รักษาการเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ที่ประกาศลาออกจากตำแหน่ง กลับมารับตำแหน่งหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรคอีกครั้งว่า ไม่เป็นความจริง ไม่เคยได้ยิน ไม่มีใครเคยมาสะท้อนเรื่องดังกล่าวให้ฟัง มั่นใจว่านายอภิสิทธิ์เหมาะสมกับตำแหน่งหัวหน้ามากที่สุด เพราะทำงานหนักมาตลอด โดยที่ยังไม่มองหาคนใหม่
ส่วนกรรมการบริหารพรรคที่ถูกกระแสข่าวลือต่อต้านไม่ให้กลับมารับตำแหน่งอีกนั้น นายวิทยากล่าวว่า จะต้องขึ้นอยู่กับการประชุมของสาขาพรรคทั้ง 200 แห่ง และมีการโหวตเลือกในการประชุมใหญ่ ที่คาดว่าจะมีขึ้นในช่วงเดือนสิงหาคม หรือกันยายนนี้
สำหรับตำแหน่งเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์นั้น นายวิทยายืนยันว่า ขณะนี้ก็ยังไม่มีใครเหมาะสมมากกว่านายสุเทพ แต่หากไม่รับตำแหน่งตามที่ประกาศไว้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งจะต้องให้หัวหน้าพรรคเป็นคนตัดสินใจว่าจะเป็นใคร เพราะจะต้องเป็นคนที่ทำงานด้วยกันแบบราบรื่นเข้าขากันนั่นเอง แต่หากมองในกลุ่มสายใต้แล้ว นายสุเทพดีที่สุด
** เด็กญัติปัดส.ส.ใต้ขวาง มาร์คหวนนั่งหน.
นายนิพนธ์ บุญญามณี ว่าที่ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ หนึ่งในคนใกล้ชิดนายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงกรณีรายงานข่าวที่ระบุว่าสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์สายนายชวน หลีกภัยและนายบัญญัติ กำลังเคลื่อนไหวขัดขวางไม่ให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่เพิ่งประกาศลาออกจากตำแหน่งไม่ให้กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคอีกว่า ยืนยันว่าไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ในลักษณะขัดขวางไม่ให้นายอภิสิทธิ์กลับมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคและสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่ควรออกมาตั้งข้อสังเกตในลักษณะแบ่งแยกกลุ่มก๊กว่าใครเป็นพวกใคร เพราะขณะนี้สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ทุกคนต้องร่วมมือกันกอบกู้ และทำงานให้กับพรรคให้มากยิ่งขึ้น โดยมีหน้าที่การเป็นฝ่ายค้านซึ่งถือเป็นงานใหญ่ที่รออยู่ ทั้งนี้สำหรับในส่วนของข้อผิดพลาดในอดีตที่ทำให้พรรคแพ้ในการเลือกตั้งนั้น ต้องเอามาวิเคราะห์และประเมินสาเหตุเพื่อหาจุดบกพร่องทบทวนแก้ไขต่อไป ไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำอีก
ผู้สื่อข่าวถามถึงข้อสังเกตที่ว่า หากนายอภิสิทธิ์ และ นายสุเทพ เมือกสุบรรณ จะกลับมาดำรงตำแหน่งเช่นเดิมแต่ต้องเปลี่ยนบุคคลแวดล้อมใหม่ทั้งหมด นายนิพนธ์ กล่าวว่า คิดว่าการสรุปถึงข้อผิดพลาดทุกคนคงเข้าใจดีว่าหมายถึงอะไร ตนไม่ขอพูดอะไรมากกว่านี้ เพียงแต่ต้องการยืนยันเอกภาพภายในพรรคประชาธิปัตย์ และปฏิเสธการแบ่งกลุ่มแบ่งก๊กเพื่อต่อรองอำนาจภายในพรรคเหมือนที่ระบุในรายงานข่าว
**งาน “มาร์ค” ฑูต-ขรก.เข้าอำลา
วันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รักษาการนายกรัฐมนตรี ยังเดินทางมายังทำเนียบรัฐบาล เพื่อปฏิบัติภารกิจตามปกติ โดยจะมีการต้อนรับเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักร ประจำประเทศไทย เอกอัครราชทูตหัวหน้าสำนักงานคณะผู้แทน คณะกรรมาธิการยุโรป ประจำประเทศไทย และประธานองค์การส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของญี่ปุ่น ประจำกรุงเทพฯ ที่เข้ามาเยี่ยมคารวะ รวมทั้งกล่าวอำลา
นอกจากนี้ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ได้เข้าพบ เพื่ออำลานายกรัฐมนตรี เช่นเดียวกัน
จากนั้นเวลาประมาณ 10.45 น. นายอภิสิทธิ์ ได้เดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล เพื่อไปปฏิบัติภารกิจส่วนตัว โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย และเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักร ประจำประเทศไทย เอกอัครราชทูตหัวหน้าสำนักงานคณะผู้แทน คณะกรรมาธิการยุโรป ประจำประเทศไทย และประธานองค์การส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของญี่ปุ่น ประจำกรุงเทพฯ เข้าพบว่า เป็นการเข้ามาเยี่ยมเยียน คารวะ เพื่อกล่าวอำลา โดยผู้แทนท่านทูตกล่าวขอบคุณรัฐบาลไทย ที่ได้ร่วมงาน และได้ประสานงานกับฝ่ายต่างๆ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้แสดงจุดยืนในการที่จะให้บ้านเมืองเปลี่ยนผ่านไปหลังจากการเลือกตั้งเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งการสานต่อเรื่องของนโยบายการค้า การลงทุน ซึ่งหลายฝ่ายได้แสดงความคิดเห็นถึงเรื่องสถานการณ์การเมืองของไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และหวังว่ารัฐบาลใหม่ จะได้สานต่อนโยบายที่เป็นประโยชน์กับประชาชน และจะดูแลเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้น โดยไม่เข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่องที่ประชาชนส่วนใหญ่เป็นกังวล ทั้งเรื่องกฎหมาย และเรื่องอื่นๆ ทั้งนี้โดยภาพรวมถือว่าขณะนี้รัฐบาลได้เตรียมพร้อมที่จะดำเนินงานส่งมอบงานต่างๆให้รัฐบาลใหม่เข้ามา
นายปณิธานยังกล่าวถึงกรณี นายกรัฐมนตรี เรียกนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และผู้อำนวยการสำนักข่าวกรอง เข้าพบเมื่อช่วงเช้า ว่า เขามาพบเพื่ออำลานายกรัฐมนตรี และอวยพร ซึ่งเป็นเรื่องปกติ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรอง ระบุว่า เข้ามารายงานสรุปสถานการณ์ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นายปณิธาน กล่าวว่า เป็นการสรุปที่ต้องมีการรายงานประจำ และเป็นการรายงานสถานการณ์โดยทั่วไป ซึ่งทางเอกอัครราชทูตอังกฤษ ยังแสดงความแปลกใจว่า เป็นการคาดการณ์ของหลายฝ่ายที่มีการวิเคราะห์ว่า หลังเลือกตั้งจะมีปัญหา แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตอังกฤษ ยังได้แสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรี ที่ได้แสดงเจตนารมณ์อย่างชัดเจน และทำให้การเปลี่ยนผ่านไปสู่รัฐบาลใหม่เป็นไปได้ด้วยดี
**ประชุม ครม.นัดสุดท้ายวันนี้
นายปณิธาน กล่าวถึงการประชุมครม.ในวันที่12 ก.ค. ว่า จะเป็นการประชุมครั้งสุดท้าย และจะมีการพิจารณาเห็นชอบในหลักการ ในการเตรียมการเปิดสภา ส่วนวันที่จะเปิดสภาผู้แทนราษฎรนั้น ต้องรอคณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต.) รับรองผลการเลือกตั้งอย่างน้อย 475 คนก่อน โดยจะให้ทางเลขาธิการคณะรัฐมนตรีประสานไปยังกกต.
นอกจากนี้ จะมีการพิจารณาเรื่อง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในพื้นที่ภาคใต้ และรับรองการรายงานการประชุมของกระทรวงการต่างประเทศ ที่จะไปประชุมอาเซียน ซึ่งถือว่ารัฐบาลจะหมดวาระอย่างเป็นทางการ ในการประชุมครม. วันนี้ (12 ก.ค.)
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่า กกต.ว่าจะสามารถรับรอง ส.ส.ได้ร้อยละ 95 ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ถ้าหากไม่สามารถกำหนดรับรองได้ จะทำให้การทำงานของครม.ชุดนี้ต้องทำงานยาวต่อไป หรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า โดยหลักการรัฐบาลต้องดำเนินการ เตรียมการเพื่อให้มีการเปิดสภา ส่วนจะเปิดสภาได้หรือไม่ ก็ต้องมีการประสานงาน ซึ่งตัวเลขที่จำเป็นในการเปิดสภา ก็มีการระบุไว้ในกฎหมาย ก็คงจะต้องรอตรงนั้น ส่วนการประสานงานด้านอื่นๆ ก็สามารถเตรียมการได้ รวมทั้งการประสานที่จะเข้าเฝ้าฯ และการถวายสัตย์ปฏิญาณ ก็เป็นหน้าที่ในช่วงที่มีการเปลี่ยนผ่าน
**คาดถกครม.กำหนดวันเปิดสภา
เมื่อถามว่า ในการประชุมครม.เรื่องพระราชกฤษฎีกาเปิดสภา ที่จะออกในวันนี้ (12 ก.ค.) จะต้องมีการระบุวันเปิดสภา แล้วในวันนี้ จะออกพระราชกฤษฎีกา อย่างไร ในเมื่อยังไม่ได้ระบุวัน นายปณิธาน กล่าวว่า ครม.สามารถกำหนดในหลักการได้ก่อน ส่วนวันที่ที่จะกำหนด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ กกต.และขึ้นอยู่กับตัวเลขที่ กกต.รับรอง ส.ส. โดยในหลักการ สามารถเตรียมการ และอนุมัติได้ เพราะประเด็นเหลืออยู่ที่การรับรอง และหากรับรองแล้วก็สามารถเดินหน้าได้
เมื่อถามว่า ในการประชุมครม.วันนี้ ที่จะเป็นการประชุมครบวาระ อย่างเป็นทางการ หมายความว่า ครม.จะยุติการทำงานทั้งหมดแล้ว หรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า รัฐบาลจะดูแลจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่เข้ามา ซึ่งเป็นไปตามกฎหมาย โดยไม่มีการประชุมครม. เพียงแต่ว่าการดูแลความเดือดร้อนในปัญหาน้ำท่วม เรื่องภัยพิบัติในหลายพื้นที่ ที่นายกรัฐมนตรีต้องเข้าไปดูแลในช่วงนี้ ส่วนการตั้งรัฐบาล เข้าใจว่ารัฐบาล ที่จะเข้ามาก็คงจะรีบดำเนินการ เพื่อประสาน นโนยายหลายอย่าง
มื่อถามว่า นายกรัฐมนตรี จะลงไปดูพื้นที่ใดบ้าง ปณิธาน กล่าวว่า ขณะนี้กำลังพิจารณาอยู่ ซึ่งมีพื้นที่ภาคกลางบางพื้นที่ และบางพื้นที่ในภาคเหนือ แต่เนื่องจากว่าในบางพื้นที่น้ำขึ้นเร็ว และลดลงเร็ว ซึ่งกำลังดูความเหมาะสม โดยรัฐบาลชุดนี้จะยุติการดูแลประชาชน ต่อเมื่อมีนรัฐบาลใหม่เข้ามาเรียบร้อยตามกระบวนการตามกฎหมายทั้งหมด รวมทั้งการเข้าเฝ้าฯและถวายสัตย์ปฏิญาณ
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรี จะลงพื้นที่ภายในสัปดาห์ นี้ หรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า จะมีการประสานในพื้นที่ เพื่อดูความพร้อมว่าพื้นที่ใดมีความจำเป็นในการดูแล ในช่วงนี้.
**ว่างเขียนผ่าน facebook ขอกำลังใจ
เวลาประมาณ 15.00 น.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โพลข้อความผ่าน facebook "Abhisit Vejjajiva" ว่า ขอบคุณสำหรับกำลังใจจากเพื่อนสมาชิก รู้สึกซาบซึ้งจริงๆ ครับ ขอบคุณทุกท่านที่ยังเชื่อมั่นให้โอกาสผมบริหารประเทศอีกครั้ง ไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทใด ผมจะเดินหน้าเพื่อประเทศไทยเพื่อประชาชนทุกคนต่อไปครับ
ส่วนตำแหน่งเลขาธิการพรรคยังเห็นว่านายสุเทพ เทือกสุบรรณ ยังเหมาะสม แม้นายสุเทพจะปรกาศเขจตนารมย์ว่าไม่รับตำแหน่งอีกครั้ง แต่สมาชิกยังเห็นว่าในสภาวะเช่นนี้นายสุเทพยังมีบทบาทสำคัญในการเป็นแม่บ้านพรรค ซึ่งคงต้องไปอ้อนวอนให้กลับมารับตำแหน่งอีกครั้ง
“จากที่ได้พูดคุยกันนอกรอบ หลายคนยังเห้นว่าตำแหน่งเลขาธิการ ยังหาคนที่มีบารมีเหมาะสมเท่ากับมาตรฐานที่นายสุเทพทำไว้ได้ยาก จากประวัติศษสตร์ที่ผ่านมาถือว่านายสุเทพได้ทำหน้าที่เลขาธิการได้สมบูรณ์เป้นที่ยอมรับของเจ้าหน้าที่พรรค ส.ส. บุคคลภายนอก หากยังเป็นแม่บ้านอยู่จะทำให้การทำงานได้รับการร่วมมือจากทุกฝ่าย บทบาทการทำหน้าที่ของท่านอภิสิทธิ์ และท่านสุเทพถือเป็นคู่ที่เหมาะสมเหมือนหยินกับหยาง ถือเป็นความลงตัวที่สุด ส่วนคณะกรรมการบริหารอีก 17 คนก็เป็นเรื่องที่ประชุมจะต้องตัดสินใจ”
ผู้สื่อข่าวถามว่านายสุเทพได้ประกาศชัดเจนแล้วว่าจะไม่กลับมารับตำแหน่งเลขาธิการอีกครั้ง จะทำอย่างไรให้เปลี่ยนใจ นายเทพไทกล่าวว่า เป็นเรื่องของสมาชิกพรรคที่จะพิจารณาเชื่อว่านายสุเทพซึ่งเป็นนักประชาธิปไตย ให้ความสำคัญกับมติพรรค ผูกพันกับพรรค รักพรรค หากสมาชิกมีมติให้นายสุเทพกลับมาอีกครั้งก็เชื่อว่าจะกลับมารับตำแหน่งนี้ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เป็นเวลาที่ต้องเร่งเดินหน้าเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ขึ้นมาทำหน้าที่ ผู้นำฝ่ายค้านไม่ให้ว่างเว้นเหมือนพรรคเพื่อไทย ที่ไม่มีผู้นำฝ่ายค้านมาถึงหนึ่งสมัยเต็มๆ
**เทือกบอกใครจะบังคับตนไม่ได้
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รักษาการรองนายกรัฐมนตรีด้านความมั่นคง และรักษาการเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันว่า จะไม่หวนคืนนั่งตำแหน่งเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์อย่างแน่นอน ใครจะมาบังคับไม่ได้ และหากมีการเสนอ ก็จะถอนตัวทันที ทั้งนี้ เห็นว่าเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์คนต่อไปควรจะเป็นบุคคลภายในพรรคประชาธิปัตย์เอง
ถามว่า นายนิพนธ์ พร้อมพันธุ์ อดีตเลขาธิการนายกฯ พร้อมเข้ารับตำแหน่งเลขาธิการ ปชป.แทนได้หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า ไม่ครับ นายนิพนธ์ไม่เคยประสงค์เข้ารับตำแหน่งดังกล่าว ถามว่า ระหว่างนายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง หรือนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้อำนวยการเลือกตั้งภาค กทม.ของ ปชป.ที่เคยบอกว่าพร้อมเป็นหัวหน้า ปชป.คนต่อไป จะกล่อมให้มาช่วยงานในฐานะเลขาธิการ ปชป.แทนได้หรือไม่ นายสุเทพกล่าวว่า “เป็นไปได้ครับ"
**วิทยาอ้างไม่มีสกัด“มาร์ค-เทือก”
นายวิทยา แก้วภราดัย ว่าที่ ส.ส.นครศรีธรรมราช แกนนำกลุ่ม ส.ส.ภาคใต้ กล่าวถึงกระแสข่าวมีกลุ่ม ส.ส.พยายามสกัดไม่ให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รักษาการเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ที่ประกาศลาออกจากตำแหน่ง กลับมารับตำแหน่งหัวหน้าพรรค และเลขาธิการพรรคอีกครั้งว่า ไม่เป็นความจริง ไม่เคยได้ยิน ไม่มีใครเคยมาสะท้อนเรื่องดังกล่าวให้ฟัง มั่นใจว่านายอภิสิทธิ์เหมาะสมกับตำแหน่งหัวหน้ามากที่สุด เพราะทำงานหนักมาตลอด โดยที่ยังไม่มองหาคนใหม่
ส่วนกรรมการบริหารพรรคที่ถูกกระแสข่าวลือต่อต้านไม่ให้กลับมารับตำแหน่งอีกนั้น นายวิทยากล่าวว่า จะต้องขึ้นอยู่กับการประชุมของสาขาพรรคทั้ง 200 แห่ง และมีการโหวตเลือกในการประชุมใหญ่ ที่คาดว่าจะมีขึ้นในช่วงเดือนสิงหาคม หรือกันยายนนี้
สำหรับตำแหน่งเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์นั้น นายวิทยายืนยันว่า ขณะนี้ก็ยังไม่มีใครเหมาะสมมากกว่านายสุเทพ แต่หากไม่รับตำแหน่งตามที่ประกาศไว้ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งจะต้องให้หัวหน้าพรรคเป็นคนตัดสินใจว่าจะเป็นใคร เพราะจะต้องเป็นคนที่ทำงานด้วยกันแบบราบรื่นเข้าขากันนั่นเอง แต่หากมองในกลุ่มสายใต้แล้ว นายสุเทพดีที่สุด
** เด็กญัติปัดส.ส.ใต้ขวาง มาร์คหวนนั่งหน.
นายนิพนธ์ บุญญามณี ว่าที่ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ หนึ่งในคนใกล้ชิดนายบัญญัติ บรรทัดฐาน กรรมการสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์กล่าวถึงกรณีรายงานข่าวที่ระบุว่าสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์สายนายชวน หลีกภัยและนายบัญญัติ กำลังเคลื่อนไหวขัดขวางไม่ให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่เพิ่งประกาศลาออกจากตำแหน่งไม่ให้กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคอีกว่า ยืนยันว่าไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ในลักษณะขัดขวางไม่ให้นายอภิสิทธิ์กลับมาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคและสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ก็ไม่ควรออกมาตั้งข้อสังเกตในลักษณะแบ่งแยกกลุ่มก๊กว่าใครเป็นพวกใคร เพราะขณะนี้สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ทุกคนต้องร่วมมือกันกอบกู้ และทำงานให้กับพรรคให้มากยิ่งขึ้น โดยมีหน้าที่การเป็นฝ่ายค้านซึ่งถือเป็นงานใหญ่ที่รออยู่ ทั้งนี้สำหรับในส่วนของข้อผิดพลาดในอดีตที่ทำให้พรรคแพ้ในการเลือกตั้งนั้น ต้องเอามาวิเคราะห์และประเมินสาเหตุเพื่อหาจุดบกพร่องทบทวนแก้ไขต่อไป ไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นซ้ำอีก
ผู้สื่อข่าวถามถึงข้อสังเกตที่ว่า หากนายอภิสิทธิ์ และ นายสุเทพ เมือกสุบรรณ จะกลับมาดำรงตำแหน่งเช่นเดิมแต่ต้องเปลี่ยนบุคคลแวดล้อมใหม่ทั้งหมด นายนิพนธ์ กล่าวว่า คิดว่าการสรุปถึงข้อผิดพลาดทุกคนคงเข้าใจดีว่าหมายถึงอะไร ตนไม่ขอพูดอะไรมากกว่านี้ เพียงแต่ต้องการยืนยันเอกภาพภายในพรรคประชาธิปัตย์ และปฏิเสธการแบ่งกลุ่มแบ่งก๊กเพื่อต่อรองอำนาจภายในพรรคเหมือนที่ระบุในรายงานข่าว
**งาน “มาร์ค” ฑูต-ขรก.เข้าอำลา
วันเดียวกัน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ รักษาการนายกรัฐมนตรี ยังเดินทางมายังทำเนียบรัฐบาล เพื่อปฏิบัติภารกิจตามปกติ โดยจะมีการต้อนรับเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักร ประจำประเทศไทย เอกอัครราชทูตหัวหน้าสำนักงานคณะผู้แทน คณะกรรมาธิการยุโรป ประจำประเทศไทย และประธานองค์การส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของญี่ปุ่น ประจำกรุงเทพฯ ที่เข้ามาเยี่ยมคารวะ รวมทั้งกล่าวอำลา
นอกจากนี้ เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ได้เข้าพบ เพื่ออำลานายกรัฐมนตรี เช่นเดียวกัน
จากนั้นเวลาประมาณ 10.45 น. นายอภิสิทธิ์ ได้เดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล เพื่อไปปฏิบัติภารกิจส่วนตัว โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด
นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย และเอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักร ประจำประเทศไทย เอกอัครราชทูตหัวหน้าสำนักงานคณะผู้แทน คณะกรรมาธิการยุโรป ประจำประเทศไทย และประธานองค์การส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของญี่ปุ่น ประจำกรุงเทพฯ เข้าพบว่า เป็นการเข้ามาเยี่ยมเยียน คารวะ เพื่อกล่าวอำลา โดยผู้แทนท่านทูตกล่าวขอบคุณรัฐบาลไทย ที่ได้ร่วมงาน และได้ประสานงานกับฝ่ายต่างๆ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้แสดงจุดยืนในการที่จะให้บ้านเมืองเปลี่ยนผ่านไปหลังจากการเลือกตั้งเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งการสานต่อเรื่องของนโยบายการค้า การลงทุน ซึ่งหลายฝ่ายได้แสดงความคิดเห็นถึงเรื่องสถานการณ์การเมืองของไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และหวังว่ารัฐบาลใหม่ จะได้สานต่อนโยบายที่เป็นประโยชน์กับประชาชน และจะดูแลเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้น โดยไม่เข้าไปเกี่ยวข้องในเรื่องที่ประชาชนส่วนใหญ่เป็นกังวล ทั้งเรื่องกฎหมาย และเรื่องอื่นๆ ทั้งนี้โดยภาพรวมถือว่าขณะนี้รัฐบาลได้เตรียมพร้อมที่จะดำเนินงานส่งมอบงานต่างๆให้รัฐบาลใหม่เข้ามา
นายปณิธานยังกล่าวถึงกรณี นายกรัฐมนตรี เรียกนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และผู้อำนวยการสำนักข่าวกรอง เข้าพบเมื่อช่วงเช้า ว่า เขามาพบเพื่ออำลานายกรัฐมนตรี และอวยพร ซึ่งเป็นเรื่องปกติ
ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรอง ระบุว่า เข้ามารายงานสรุปสถานการณ์ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นายปณิธาน กล่าวว่า เป็นการสรุปที่ต้องมีการรายงานประจำ และเป็นการรายงานสถานการณ์โดยทั่วไป ซึ่งทางเอกอัครราชทูตอังกฤษ ยังแสดงความแปลกใจว่า เป็นการคาดการณ์ของหลายฝ่ายที่มีการวิเคราะห์ว่า หลังเลือกตั้งจะมีปัญหา แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตอังกฤษ ยังได้แสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรี ที่ได้แสดงเจตนารมณ์อย่างชัดเจน และทำให้การเปลี่ยนผ่านไปสู่รัฐบาลใหม่เป็นไปได้ด้วยดี
**ประชุม ครม.นัดสุดท้ายวันนี้
นายปณิธาน กล่าวถึงการประชุมครม.ในวันที่12 ก.ค. ว่า จะเป็นการประชุมครั้งสุดท้าย และจะมีการพิจารณาเห็นชอบในหลักการ ในการเตรียมการเปิดสภา ส่วนวันที่จะเปิดสภาผู้แทนราษฎรนั้น ต้องรอคณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต.) รับรองผลการเลือกตั้งอย่างน้อย 475 คนก่อน โดยจะให้ทางเลขาธิการคณะรัฐมนตรีประสานไปยังกกต.
นอกจากนี้ จะมีการพิจารณาเรื่อง พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ในพื้นที่ภาคใต้ และรับรองการรายงานการประชุมของกระทรวงการต่างประเทศ ที่จะไปประชุมอาเซียน ซึ่งถือว่ารัฐบาลจะหมดวาระอย่างเป็นทางการ ในการประชุมครม. วันนี้ (12 ก.ค.)
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่า กกต.ว่าจะสามารถรับรอง ส.ส.ได้ร้อยละ 95 ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ถ้าหากไม่สามารถกำหนดรับรองได้ จะทำให้การทำงานของครม.ชุดนี้ต้องทำงานยาวต่อไป หรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า โดยหลักการรัฐบาลต้องดำเนินการ เตรียมการเพื่อให้มีการเปิดสภา ส่วนจะเปิดสภาได้หรือไม่ ก็ต้องมีการประสานงาน ซึ่งตัวเลขที่จำเป็นในการเปิดสภา ก็มีการระบุไว้ในกฎหมาย ก็คงจะต้องรอตรงนั้น ส่วนการประสานงานด้านอื่นๆ ก็สามารถเตรียมการได้ รวมทั้งการประสานที่จะเข้าเฝ้าฯ และการถวายสัตย์ปฏิญาณ ก็เป็นหน้าที่ในช่วงที่มีการเปลี่ยนผ่าน
**คาดถกครม.กำหนดวันเปิดสภา
เมื่อถามว่า ในการประชุมครม.เรื่องพระราชกฤษฎีกาเปิดสภา ที่จะออกในวันนี้ (12 ก.ค.) จะต้องมีการระบุวันเปิดสภา แล้วในวันนี้ จะออกพระราชกฤษฎีกา อย่างไร ในเมื่อยังไม่ได้ระบุวัน นายปณิธาน กล่าวว่า ครม.สามารถกำหนดในหลักการได้ก่อน ส่วนวันที่ที่จะกำหนด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ กกต.และขึ้นอยู่กับตัวเลขที่ กกต.รับรอง ส.ส. โดยในหลักการ สามารถเตรียมการ และอนุมัติได้ เพราะประเด็นเหลืออยู่ที่การรับรอง และหากรับรองแล้วก็สามารถเดินหน้าได้
เมื่อถามว่า ในการประชุมครม.วันนี้ ที่จะเป็นการประชุมครบวาระ อย่างเป็นทางการ หมายความว่า ครม.จะยุติการทำงานทั้งหมดแล้ว หรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า รัฐบาลจะดูแลจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่เข้ามา ซึ่งเป็นไปตามกฎหมาย โดยไม่มีการประชุมครม. เพียงแต่ว่าการดูแลความเดือดร้อนในปัญหาน้ำท่วม เรื่องภัยพิบัติในหลายพื้นที่ ที่นายกรัฐมนตรีต้องเข้าไปดูแลในช่วงนี้ ส่วนการตั้งรัฐบาล เข้าใจว่ารัฐบาล ที่จะเข้ามาก็คงจะรีบดำเนินการ เพื่อประสาน นโนยายหลายอย่าง
มื่อถามว่า นายกรัฐมนตรี จะลงไปดูพื้นที่ใดบ้าง ปณิธาน กล่าวว่า ขณะนี้กำลังพิจารณาอยู่ ซึ่งมีพื้นที่ภาคกลางบางพื้นที่ และบางพื้นที่ในภาคเหนือ แต่เนื่องจากว่าในบางพื้นที่น้ำขึ้นเร็ว และลดลงเร็ว ซึ่งกำลังดูความเหมาะสม โดยรัฐบาลชุดนี้จะยุติการดูแลประชาชน ต่อเมื่อมีนรัฐบาลใหม่เข้ามาเรียบร้อยตามกระบวนการตามกฎหมายทั้งหมด รวมทั้งการเข้าเฝ้าฯและถวายสัตย์ปฏิญาณ
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรี จะลงพื้นที่ภายในสัปดาห์ นี้ หรือไม่ นายปณิธาน กล่าวว่า จะมีการประสานในพื้นที่ เพื่อดูความพร้อมว่าพื้นที่ใดมีความจำเป็นในการดูแล ในช่วงนี้.
**ว่างเขียนผ่าน facebook ขอกำลังใจ
เวลาประมาณ 15.00 น.นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี โพลข้อความผ่าน facebook "Abhisit Vejjajiva" ว่า ขอบคุณสำหรับกำลังใจจากเพื่อนสมาชิก รู้สึกซาบซึ้งจริงๆ ครับ ขอบคุณทุกท่านที่ยังเชื่อมั่นให้โอกาสผมบริหารประเทศอีกครั้ง ไม่ว่าจะอยู่ในบทบาทใด ผมจะเดินหน้าเพื่อประเทศไทยเพื่อประชาชนทุกคนต่อไปครับ