“มาร์ค” คุยทูตสหราชอาณาจักร ทูตจีน ทูตอียู ผอ.สมช. ผอ.ข่าวกรอง อำลาตำแหน่งนายกฯ “ปณิธาน” เผยนายกฯ หวังรัฐปูแดงสานต่อนโยบาย เผยทูตผู้ดีงงหลังเลือกตั้งไร้เหตุวุ่น ระบุถก ครม.นัดสุดท้ายเห็นชอบเปิดสภา พิจารณา พ.ร.ก.ฉุกเฉิน รับรองการประชุมอาเซียนของ กต. ชี้รอ กกต.รับรอง ส.ส.เกิน 475 ถึงระบุวันเปิดสภาได้ ยันยังช่วยชาวบ้านจนกว่ารัฐใหม่ถวายสัตย์
วันนี้ (11 ก.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางมายังทำเนียบรัฐบาลเพื่อปฏิบัติภารกิจนายกรัฐมนตรีตามปกติ โดยภารกิจของนายกรัฐมนตรีในวันนี้ คือการต้อนรับเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน ประจำประเทศไทย เอกอัครราชทูตสหราชอาณาจักร ประจำประเทศไทย เอกอัครราชทูตหัวหน้าสำนักงานคณะผู้แทน คณะกรรมาธิการยุโรป ประจำประเทศไทย และประธานองค์การส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศของญี่ปุ่น ประจำกรุงเทพฯ ที่เข้ามาเยี่ยมเยียนคารวะ รวมทั้งกล่าวอำลา อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ก็มีเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ ได้เข้าพบเพื่ออำลานายกรัฐมนตรีเช่นเดียวกัน
จากนั้นเวลาประมาณ 10.45 น. นายอภิสิทธิ์ได้เดินทางออกจากทำเนียบรัฐบาล เพื่อไปปฏิบัติภารกิจส่วนตัว โดยไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนแต่อย่างใด
ด้าน นายปณิธาน วัฒนายากร รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เป็นการเข้ามาเยี่ยมเยียน คารวะ เพื่อกล่าวอำลาโดยรวม โดยผู้แทนท่านทูตกล่าวขอบคุณรัฐบาลไทยที่ได้ร่วมงานและได้ประสานงานกับฝ่ายต่างๆ ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้แสดงจุดยืนในการที่จะให้บ้านเมืองเปลี่ยนผ่านไปหลังจากการเลือกตั้งเรียบร้อยแล้ว รวมทั้งการสานต่อเรื่องของนโยบายการค้า การลงทุน ซึ่งหลายฝ่ายได้แสดงความคิดเห็นถึงเรื่องสถานการณ์การเมืองของไทย ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และหวังว่ารัฐบาลใหม่จะได้สานต่อนโยบายที่เป็นประโยชน์กับประชาชน และจะดูแลเพื่อไม่ให้เกิดปัญหาขึ้น โดยไม่เขาไปเกี่ยวข้องในเรื่องที่ประชาชนส่วนใหญ่เป็นกังวล ทั้งเรื่องกฎหมายและเรื่องอื่นๆ ทั้งนี้โดยภาพรวมถือว่าขณะนี้รัฐบาลได้เตรียมพร้อมที่จะดำเนินงานส่งมอบงานต่างๆ ให้รัฐบาลใหม่เข้ามา
นายปณิธานยังกล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีเรียกทางนายถวิล เปลี่ยนศรี เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ และผู้อำนวยการสำนักข่าวกรอง เข้าพบเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาว่า เข้ามาพบเพื่ออำลานายกรัฐมนตรีและอวยพร ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ผู้สื่อข่าวถามว่า ผู้อำนวยการสำนักข่าวกรอง ระบุว่า เข้ามารายงานสรุปสถานการณ์ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นายปณิธาน กล่าวว่า เป็นการสรุปที่ต้องมีการรายงานประจำ และเป็นการรายงานสถานการณ์โดยทั่วไป ซึ่งทางเอกอัครราชทูตอังกฤษ ยังแสดงความแปลกใจว่าเป็นการคาดการณ์ของหลายฝ่ายที่มีการวิเคราะห์ว่าหลังเลือกตั้งจะมีปัญหา แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร ทั้งนี้ เอกอัครราชทูตอังกฤษยังได้แสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ได้แสดงเจตนารมณ์อย่างชัดเจนและทำให้การเปลี่ยนผ่านไปสู่รัฐบาลใหม่เป็นไปได้ด้วยดี
รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการประชุมคณะรัฐมนตรีในวันที่ 12 ก.ค. ซึ่งจะเป็นการประชุมครั้งสุดท้าย ว่า ครม.จะมีพิจารณาเห็นชอบในหลักการในการเตรียมการเปิดสภา ส่วนวันที่จะเปิดสภาผู้แทนราษฎรนั้น ต้องรอคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รับรองผลการเลือกตั้งอย่างน้อย 475 คนก่อน โดยจะให้ทางเลขาธิการคณะรัฐมนตรีประสานไปยัง กกต.
นายปณิธานกล่าวต่อว่า ในการประชุมครม.ในวันพรุ่งนี้ (12 ก.ค.) จะมีการพิจารณาเรื่องพระราชกำหนดการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ภาคใต้ และรับรองการรายงานการประชุมของกระทรวงการต่างประเทศที่จะไปประชุมอาเซียน ซึ่งถือว่ารัฐบาลจะหมดวาระอย่างเป็นทางการในการประชุมครม.ในวันพรุ่งนี้ (12 ก.ค.)
ผู้สื่อข่าวถามว่า ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่ากกต.ว่าจะสามารถรับรองส.ส.ได้ร้อยละ 95 ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ถ้าหากไม่สามารถกำหนดรับรองได้ จะทำให้การทำงานของครม.ชุดนี้ต้องทำงานยาวต่อไป หรือไม่ นายปณิธานกล่าวว่า โดยหลักการรัฐบาลต้องดำเนินการ เตรียมการเพื่อให้มีการเปิดสภา ส่วนจะเปิดสภาได้หรือไม่ ก็ต้องมีการประสานงาน ซึ่งตัวเลขที่จำเป็นในการเปิดสภา ก็มีการระบุไว้ในกฎหมายก็คงจะต้องรอตรงนั้น ส่วนการประสานงานด้านอื่นๆ ก็สามารถเตรียมการได้ รวมทั้งการประสานที่จะเข้าเฝ้าฯ และการถวายสัตย์ปฏิญาณ ก็เป็นหน้าที่ในช่วงที่มีการเปลี่ยนผ่าน
เมื่อถามว่า ในการประชุมครม.เรื่องพระราชกฤษฎีกาเปิดสภา ที่จะออกในวันพรุ่งนี้ (12 ก.ค.) จะต้องมีการระบุวันเปิดสภา แล้วในวันพรุ่งนี้จะออกพระราชกฤษฎีกาอย่างไร ในเมื่อยังไม่ได้ระบุวัน นายปณิธานกล่าวว่า ครม.สามารถกำหนดในหลักการได้ก่อน ส่วนวันที่ที่จะกำหนด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ กกต.และขึ้นอยู่กับตัวเลขที่ กกต.รับรอง ส.ส. โดยในหลักการสามารถเตรียมการและอนุมัติได้ เพราะประเด็นเหลืออยู่ที่การรับรอง และหากรับรองแล้วก็สามารถเดินหน้าได้
เมื่อถามว่า ในการประชุม ครม.พรุ่งนี้ที่จะเป็นการประชุมครบวาระอย่างเป็นทางการ หมายความว่า ครม.จะยุติการทำงานทั้งหมดแล้ว หรือไม่ นายปณิธานกล่าวว่า รัฐบาลจะดูแลจนกว่าจะมีรัฐบาลใหม่เข้ามา ซึ่งเป็นไปตามกฎหมาย โดยไม่มีการประชุม ครม. เพียงแต่ว่าการดูแลความเดือดร้อนในเรื่องปัญหาน้ำท่วม เรื่องภัยพิบัติในหลายพื้นที่ ที่นายกรัฐมนตรีต้องเขาไปดูแลในช่วงนี้ ส่วนการตั้งรัฐบาล เข้าใจว่ารัฐบาลที่จะเข้ามาก็คงจะรีบดำเนินการ เพื่อประสานนโยบายหลายอย่าง
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีจะลงไปดูพื้นที่ใดบ้าง ปณิธานกล่าวว่า ขณะนี้กำลังพิจารณาอยู่ ซึ่งมีพื้นที่ภาคกลางบางพื้นที่ และบางพื้นที่ในภาคเหนือ แต่เนื่องจากว่าในบางพื้นที่น้ำขึ้นเร็วและลดลงเร็ว ซึ่งกำลังดูความเหมาะสม โดยรัฐบาลชุดนี้จะยุติการดูแลประชาชน ต่อเมื่อมีรัฐบาลใหม่เข้ามาเรียบร้อยตามกระบวนการตามกฎหมายทั้งหมด รวมทั้งการเข้าเฝ้าฯและถวายสัตย์ปฏิญาณ
เมื่อถามว่า นายกรัฐมนตรีจะลงพื้นที่ภายในสัปดาห์ นี้ หรือไม่ นายปณิธานกล่าวว่า จะมีการประสานในพื้นที่เพื่อดูความพร้อมว่าพื้นที่ใดมีความจำเป็นในการดูแลในช่วงนี้