ASTVผู้จัดการรายวัน-ชัดเจน! การเมืองแทรกแซงคดีดีแทค "อลงกรณ์"สั่งเบรกส่งผลตรวจสอบให้ตำรวจ ทั้งๆ ที่สรุปแล้วดีแทคเข้าข่ายเป็นบริษัทต่างด้าว ส่งไม้ต่อให้ "สัญญา"สอบซ้ำ ก่อนส่งให้ตัวเองฟันธง เป็นหรือไม่เป็นต่างด้าว อ้างเรื่องนี้ต้องละเอียด แฉเหตุฟิวส์ขาด หลัง "บรรยงค์"หักไม่ตั้ง "สัญญา"เป็นประธานสอบก่อนหน้า
นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระงับการส่งผลการตรวจสอบโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค ที่คณะทำงานตรวจสอบโครงการสร้างการถือหุ้นของดีแทค มีนายบรรยงค์ ลิ้มประยูรวงศ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เป็นประธาน ที่ระบุว่ามีหลักฐานควรเชื่อได้ว่าดีแทคเป็นบริษัทต่างด้าว และมีคนไทยถือหุ้นแทน (นอมินี) ไปให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการสืบสวนสอบสวนในเชิงลึกไว้ก่อน เพราะเพิ่งได้รับผลสรุปของคณะทำงานฯ เมื่อเช้าวานนี้ (5ก.ค.) หลังจากที่นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ได้แถลงข่าวผลสรุปไปแล้ว
"ผมยังไม่ทราบรายละเอียด และจำเป็นต้องขอพิจารณาให้ละเอียดรอบคอบก่อน เพราะกรณีนี้เป็นที่สนใจของสาธารณชน และมีผลกระทบต่อประชาชน เศรษฐกิจไทย และความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศ โดยได้มอบหมายให้นายสัญญา สถิรบุตร ประธานที่ปรึกษา ตรวจสอบผลสรุปดังกล่าวอีกครั้ง ก่อนที่จะนำผลตรวจสอบที่ได้เสนอให้ผมพิจารณาว่าควรจะฟันธงว่าดีแทคเป็นต่างด้าว แล้วส่งอัยการฟ้องร้อง หรือจะตีธง คือ ยืนตามข้อสรุปของคณะทำงานฯ แล้วส่งเรื่องให้ตำรวจสาวลึกต่อก่อนส่งอัยการฟ้อง คาดว่าน่าจะใช้เวลาตรวจสอบเพียง 2-3 วันก็จะได้ข้อสรุปและเสนอให้ผมได้"
นายอลงกรณ์กล่าวว่า การให้ตรวจสอบซ้ำอีกครั้ง ไม่เกี่ยวกับความไม่มั่นใจในผลสรุปของคณะทำงานฯ แต่เป็นเพราะต้องการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ซึ่งเป็นผู้ถือกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ได้ใช้อำนาจที่แท้จริง เมื่อมีหลักฐานชี้ชัดว่าเข้าข่ายเป็นต่างด้าว ก็ต้องฟันธงไปเลย แต่ผลสรุปของคณะทำงานฯ ยังตีกรรเชียงอยู่ ยังไม่ระบุชัดว่าเป็นต่างด้าวหรือไม่
อย่างไรก็ตาม เคยเห็นจากเอกสารทางการเงินในรายงานประจำปี ที่บริษัท เทเลนอร์ เอเชีย ผู้ถือหุ้นใหญ่ในดีแทค ได้รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ในประเทศต่างๆ ว่า ถือหุ้นให้ดีแทค ถึง 66% รวมถึงยังมีอำนาจครอบงำกิจการมากกว่าคนไทย มีการแบ่งผลประโยชน์ส่วนใหญ่ของดีแทคให้กับผู้ถือหุ้นข้างน้อย ซึ่งเป็นคนต่างด้าว ส่วนนอมินีคนไทยที่ถือหุ้นไขว้กันไปมาในบริษัทต่างๆ ที่ถือหุ้นในดีแทคถึง 5 ชั้นยังมีถึง 4 ชั้นที่จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทโดยไม่ได้ประกอบกิจการ ถือเป็นการแจ้งข้อมูลเท็จต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าด้วย เพียงแค่นี้ก็เห็นแล้วว่าส่อเป็นนอมินี
“ปัจจุบัน มีธุรกิจในไทยหลายประเภทที่เป็นต่างด้าว และรู้กันโดยพฤตินัย ซึ่งบริษัทเหล่านี้ที่ทำธุรกิจเอาเปรียบคนไทย ผมเคยสั่งการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าตรวจสอบทั้งทางพฤตินัย และนิตินัยแล้ว ไม่ใช่จะดูแค่การถือหุ้นชั้นเดียว 51/49 เท่านั้น ให้สาวลึกลงไปให้ได้ ถ้าบริษัทถือหุ้นในดีแทคทั้ง 5 ชั้นเป็นต่างด้าว ดีแทคก็ต้องเป็นต่างด้าวด้วย จะปล่อยให้ละเมิดกฎหมายไทย และทำธุรกิจเอาเปรียบคนไทยไม่ได้ ซึ่งการจะฟันธงดีแทคเป็นต่างด้าวหรือไม่ ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู แต่ต้องการให้ผู้ถือกฎหมายมีอำนาจเด็ดขาด และไม่ได้ใช้อำนาจทางการเมืองเข้าแทรกแซง เพราะผมเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง” นายอลงกรณ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การที่นายอลงกรณ์ สั่งการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าระงับการส่งผลตรวจสอบดีแทคให้ตำรวจสาวลึกต่อไปนั้น สามารถดำเนินการได้ แต่อยู่ที่กรมฯ จะดำเนินการตามหรือไม่ หากดำเนินการตาม ก็ถือว่า ยอมให้การเมืองเข้าแทรกแซง เพราะการทำงานของคณะทำงานฯ ถือว่าจบไปแล้ว อีกทั้ง กรมฯ ไม่มีอำนาจเพียงพอที่จะฟันธงลงไปว่าเป็นนอมินีหรือไม่ การฟันธงเป็นอำนาจของศาลที่จะชี้ขาด กรมฯ เป็นเพียงผู้หาข้อเท็จจริง และชี้มูล เพื่อส่งต่อให้ตำรวจสืบสวนในเชิงลึกเท่านั้น กรมฯ ไม่มีอำนาจหน้าที่ในการสืบสวนสอบสวน ส่วนกรณีที่นายอลงกรณ์ อ้างว่าจะเป็นผู้ฟันธงเองว่าเป็นนอมินีหรือไม่นั้น ขอให้ดูอำนาจหน้าที่ก่อนว่าทำได้หรือไม่
สำหรับการที่นายอลงกรณ์ต้องตรวจสอบผลสอบดีแทคซ้ำอีกครั้ง เป็นเพราะไม่พอใจที่นายบรรยงค์ ไม่ดำเนินการตามที่ได้สั่งการให้ตั้งคณะทำงานตรวจสอบ โดยมีนายสัญญา เป็นประธาน แต่นายบรรยงค์กลับเสนอให้นายยรรยงตั้งคณะทำงาน โดยมีนายบรรยงค์เป็นประธานแทน ถือเป็นการหักหน้านายอลงกรณ์อย่างมาก จึงได้แสดงอำนาจรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ระงับการส่งผลสอบดีแทคให้ตำรวจ
นายอลงกรณ์ พลบุตร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ระงับการส่งผลการตรวจสอบโครงสร้างการถือหุ้นของบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือดีแทค ที่คณะทำงานตรวจสอบโครงการสร้างการถือหุ้นของดีแทค มีนายบรรยงค์ ลิ้มประยูรวงศ์ อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า เป็นประธาน ที่ระบุว่ามีหลักฐานควรเชื่อได้ว่าดีแทคเป็นบริษัทต่างด้าว และมีคนไทยถือหุ้นแทน (นอมินี) ไปให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติดำเนินการสืบสวนสอบสวนในเชิงลึกไว้ก่อน เพราะเพิ่งได้รับผลสรุปของคณะทำงานฯ เมื่อเช้าวานนี้ (5ก.ค.) หลังจากที่นายยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ได้แถลงข่าวผลสรุปไปแล้ว
"ผมยังไม่ทราบรายละเอียด และจำเป็นต้องขอพิจารณาให้ละเอียดรอบคอบก่อน เพราะกรณีนี้เป็นที่สนใจของสาธารณชน และมีผลกระทบต่อประชาชน เศรษฐกิจไทย และความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศ โดยได้มอบหมายให้นายสัญญา สถิรบุตร ประธานที่ปรึกษา ตรวจสอบผลสรุปดังกล่าวอีกครั้ง ก่อนที่จะนำผลตรวจสอบที่ได้เสนอให้ผมพิจารณาว่าควรจะฟันธงว่าดีแทคเป็นต่างด้าว แล้วส่งอัยการฟ้องร้อง หรือจะตีธง คือ ยืนตามข้อสรุปของคณะทำงานฯ แล้วส่งเรื่องให้ตำรวจสาวลึกต่อก่อนส่งอัยการฟ้อง คาดว่าน่าจะใช้เวลาตรวจสอบเพียง 2-3 วันก็จะได้ข้อสรุปและเสนอให้ผมได้"
นายอลงกรณ์กล่าวว่า การให้ตรวจสอบซ้ำอีกครั้ง ไม่เกี่ยวกับความไม่มั่นใจในผลสรุปของคณะทำงานฯ แต่เป็นเพราะต้องการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้า ซึ่งเป็นผู้ถือกฎหมายการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว ได้ใช้อำนาจที่แท้จริง เมื่อมีหลักฐานชี้ชัดว่าเข้าข่ายเป็นต่างด้าว ก็ต้องฟันธงไปเลย แต่ผลสรุปของคณะทำงานฯ ยังตีกรรเชียงอยู่ ยังไม่ระบุชัดว่าเป็นต่างด้าวหรือไม่
อย่างไรก็ตาม เคยเห็นจากเอกสารทางการเงินในรายงานประจำปี ที่บริษัท เทเลนอร์ เอเชีย ผู้ถือหุ้นใหญ่ในดีแทค ได้รายงานต่อตลาดหลักทรัพย์ในประเทศต่างๆ ว่า ถือหุ้นให้ดีแทค ถึง 66% รวมถึงยังมีอำนาจครอบงำกิจการมากกว่าคนไทย มีการแบ่งผลประโยชน์ส่วนใหญ่ของดีแทคให้กับผู้ถือหุ้นข้างน้อย ซึ่งเป็นคนต่างด้าว ส่วนนอมินีคนไทยที่ถือหุ้นไขว้กันไปมาในบริษัทต่างๆ ที่ถือหุ้นในดีแทคถึง 5 ชั้นยังมีถึง 4 ชั้นที่จดทะเบียนจัดตั้งบริษัทโดยไม่ได้ประกอบกิจการ ถือเป็นการแจ้งข้อมูลเท็จต่อกรมพัฒนาธุรกิจการค้าด้วย เพียงแค่นี้ก็เห็นแล้วว่าส่อเป็นนอมินี
“ปัจจุบัน มีธุรกิจในไทยหลายประเภทที่เป็นต่างด้าว และรู้กันโดยพฤตินัย ซึ่งบริษัทเหล่านี้ที่ทำธุรกิจเอาเปรียบคนไทย ผมเคยสั่งการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าตรวจสอบทั้งทางพฤตินัย และนิตินัยแล้ว ไม่ใช่จะดูแค่การถือหุ้นชั้นเดียว 51/49 เท่านั้น ให้สาวลึกลงไปให้ได้ ถ้าบริษัทถือหุ้นในดีแทคทั้ง 5 ชั้นเป็นต่างด้าว ดีแทคก็ต้องเป็นต่างด้าวด้วย จะปล่อยให้ละเมิดกฎหมายไทย และทำธุรกิจเอาเปรียบคนไทยไม่ได้ ซึ่งการจะฟันธงดีแทคเป็นต่างด้าวหรือไม่ ยืนยันว่า ไม่ได้เป็นการเชือดไก่ให้ลิงดู แต่ต้องการให้ผู้ถือกฎหมายมีอำนาจเด็ดขาด และไม่ได้ใช้อำนาจทางการเมืองเข้าแทรกแซง เพราะผมเป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง” นายอลงกรณ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การที่นายอลงกรณ์ สั่งการให้กรมพัฒนาธุรกิจการค้าระงับการส่งผลตรวจสอบดีแทคให้ตำรวจสาวลึกต่อไปนั้น สามารถดำเนินการได้ แต่อยู่ที่กรมฯ จะดำเนินการตามหรือไม่ หากดำเนินการตาม ก็ถือว่า ยอมให้การเมืองเข้าแทรกแซง เพราะการทำงานของคณะทำงานฯ ถือว่าจบไปแล้ว อีกทั้ง กรมฯ ไม่มีอำนาจเพียงพอที่จะฟันธงลงไปว่าเป็นนอมินีหรือไม่ การฟันธงเป็นอำนาจของศาลที่จะชี้ขาด กรมฯ เป็นเพียงผู้หาข้อเท็จจริง และชี้มูล เพื่อส่งต่อให้ตำรวจสืบสวนในเชิงลึกเท่านั้น กรมฯ ไม่มีอำนาจหน้าที่ในการสืบสวนสอบสวน ส่วนกรณีที่นายอลงกรณ์ อ้างว่าจะเป็นผู้ฟันธงเองว่าเป็นนอมินีหรือไม่นั้น ขอให้ดูอำนาจหน้าที่ก่อนว่าทำได้หรือไม่
สำหรับการที่นายอลงกรณ์ต้องตรวจสอบผลสอบดีแทคซ้ำอีกครั้ง เป็นเพราะไม่พอใจที่นายบรรยงค์ ไม่ดำเนินการตามที่ได้สั่งการให้ตั้งคณะทำงานตรวจสอบ โดยมีนายสัญญา เป็นประธาน แต่นายบรรยงค์กลับเสนอให้นายยรรยงตั้งคณะทำงาน โดยมีนายบรรยงค์เป็นประธานแทน ถือเป็นการหักหน้านายอลงกรณ์อย่างมาก จึงได้แสดงอำนาจรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ระงับการส่งผลสอบดีแทคให้ตำรวจ