ASTVผู้จัดการรายวัน - ธ.ก.ส.พร้อมสนองนโยบายปูแดง "จำนำข้าว – พักหนี้ครัวเรือน" ทันที แจงเคยทำมาก่อนและมีฐานข้อมูลจากประกันรายได้ แต่ขอความชัดเจนด้านวงเงิน พร้อมขอรัฐจ่ายชดเชยดอกเบี้ย ส่วนบัตรเครดิตชาวนาคาดสรุปได้ภายในปีนี้
นายบุญไทย แก้วขันตี ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) กล่าวถึงนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกรและเกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของธ.ก.ส.ว่ามี 3 เรื่องหลัก คือการนำระบบจำนำกลับมาใช้แทนการประกันรายได้ การพักหนี้ครัวเรือนไม่เกิน 5 แสนบาท และการทำบัตรเครดิตให้ชาวนา โดยส่วนของระบบจำนะและการพักหนี้ครัวเรือนนั้นสามารถทำได้ทันทีเพราะธ.ก.ส.เคยมีประสบการณ์มาแล้ว แต่คงต้องหารือในรายละเอียดว่าจะพักหนี้กลุ่มไหนหรือพักหนี้ทั้งหมด และการจำนำจะทำเฉพาะบางส่วนหรือทั้งหมด เพราะเกี่ยวข้องกับเงินงบประมาณที่ต้องนำมาใช้หากจะให้ธ.ก.ส.ดำเนินการแทนไปก่อนก็ต้องตั้งงบประมาณชดเชยส่วนของดอกเบี้ยที่ควรได้รับด้วย
ส่วนของการทำบัตรเครดิตชาวนานั้นอาจต้องมีการวางระบบและศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเพราะเป็นเรื่องใหม่แต่คาดว่าจะได้ข้อสรุปและดำเนินการได้ภายในปีนี้ ขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลด้วย
"การเปลี่ยนจากระบบประกันรายได้เป็นจำนำทั้งหมดก็จะทำได้ง่ายขึ้นเพราะมีฐานข้อมูลเดิมที่นำมาใช้ประโยชน์ได้ แต่สิ่งที่ต้องหารือรายละเอียดคือเรื่องเงินทุนที่ใช้ดำเนินโครงการเพราะระบบจำนำจะใช้เงินมากกว่าประกันรายได้มากขึ้นอยู่กับการกำหนดปริมาณข้าวที่เข้าโครงการ ซึ่งที่ผ่านมายังมีเงินที่รัฐบาลค้างจ่ายธ.ก.ส.จากการจำนำข้าว 1.8 แสนล้านบาท ส่วนที่ขาดทุน 8 หมื่นถึงแสนล้านบาทรัฐจะทยอยตั้งงบชำระคืนและอีกแสนล้านบาทยังมีข้าวในสต็อกที่รอขายนำเงินมาชำระหนี้ ส่วนนี้ก็น่าจะเร่งเคลียร์ให้ ธ.ก.ส.ก่อน" นายบุญไทย กล่าว
สำหรับการพักหนี้เกษตรกรนั้น หากรัฐบาลจะทำตามที่ประกาศไว้จริงไม่เกินครัวเรือนละ 5 แสนบาทก็จะเข้าข่ายลูกค้าของธ.ก.สทั้งหมดหรือ 80-85% เพราะส่วนใหญ่เป็นลูกค้ารายย่อย จากจำนวนลูกค้าทั้งหมด 5-6 ล้านครัวเรือน รวมลูกค้าสถาบันด้วย โดยคิดเป็นสินเชื่อแต่ละปี 6-7 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตามคงต้องรอดูความชัดเจนของนโยบายอีกครั้งว่าจะพักหนี้เฉพาะลูกหนี้ที่มีปัญหาหรือรวมลูกหนี้ที่ดีด้วย ซึ่งตามหลักควรพักหนี้เฉพาะลูกหนี้ที่มีปัญหาและเข้าสู่การฟื้นฟู ส่วนลูกหนี้ที่ดีจะมีมาตรการจูงใจไม่ให้เข้าโครงการ เช่น ลดดอกเบี้ยให้หรือให้เงินกู้เพิ่มเติม เป็นต้น โดยหากธ.ก.ส.ต้องดำเนินการเรื่องดังกล่าวรัฐบาลต้องชดเชยดอกเบี้ยให้ตามต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นตามทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นด้วย
นายบุญไทย แก้วขันตี ผู้ช่วยผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) กล่าวถึงนโยบายของพรรคเพื่อไทยที่เกี่ยวข้องกับเกษตรกรและเกี่ยวข้องกับการดำเนินงานของธ.ก.ส.ว่ามี 3 เรื่องหลัก คือการนำระบบจำนำกลับมาใช้แทนการประกันรายได้ การพักหนี้ครัวเรือนไม่เกิน 5 แสนบาท และการทำบัตรเครดิตให้ชาวนา โดยส่วนของระบบจำนะและการพักหนี้ครัวเรือนนั้นสามารถทำได้ทันทีเพราะธ.ก.ส.เคยมีประสบการณ์มาแล้ว แต่คงต้องหารือในรายละเอียดว่าจะพักหนี้กลุ่มไหนหรือพักหนี้ทั้งหมด และการจำนำจะทำเฉพาะบางส่วนหรือทั้งหมด เพราะเกี่ยวข้องกับเงินงบประมาณที่ต้องนำมาใช้หากจะให้ธ.ก.ส.ดำเนินการแทนไปก่อนก็ต้องตั้งงบประมาณชดเชยส่วนของดอกเบี้ยที่ควรได้รับด้วย
ส่วนของการทำบัตรเครดิตชาวนานั้นอาจต้องมีการวางระบบและศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมเพราะเป็นเรื่องใหม่แต่คาดว่าจะได้ข้อสรุปและดำเนินการได้ภายในปีนี้ ขึ้นอยู่กับนโยบายของรัฐบาลด้วย
"การเปลี่ยนจากระบบประกันรายได้เป็นจำนำทั้งหมดก็จะทำได้ง่ายขึ้นเพราะมีฐานข้อมูลเดิมที่นำมาใช้ประโยชน์ได้ แต่สิ่งที่ต้องหารือรายละเอียดคือเรื่องเงินทุนที่ใช้ดำเนินโครงการเพราะระบบจำนำจะใช้เงินมากกว่าประกันรายได้มากขึ้นอยู่กับการกำหนดปริมาณข้าวที่เข้าโครงการ ซึ่งที่ผ่านมายังมีเงินที่รัฐบาลค้างจ่ายธ.ก.ส.จากการจำนำข้าว 1.8 แสนล้านบาท ส่วนที่ขาดทุน 8 หมื่นถึงแสนล้านบาทรัฐจะทยอยตั้งงบชำระคืนและอีกแสนล้านบาทยังมีข้าวในสต็อกที่รอขายนำเงินมาชำระหนี้ ส่วนนี้ก็น่าจะเร่งเคลียร์ให้ ธ.ก.ส.ก่อน" นายบุญไทย กล่าว
สำหรับการพักหนี้เกษตรกรนั้น หากรัฐบาลจะทำตามที่ประกาศไว้จริงไม่เกินครัวเรือนละ 5 แสนบาทก็จะเข้าข่ายลูกค้าของธ.ก.สทั้งหมดหรือ 80-85% เพราะส่วนใหญ่เป็นลูกค้ารายย่อย จากจำนวนลูกค้าทั้งหมด 5-6 ล้านครัวเรือน รวมลูกค้าสถาบันด้วย โดยคิดเป็นสินเชื่อแต่ละปี 6-7 แสนล้านบาท อย่างไรก็ตามคงต้องรอดูความชัดเจนของนโยบายอีกครั้งว่าจะพักหนี้เฉพาะลูกหนี้ที่มีปัญหาหรือรวมลูกหนี้ที่ดีด้วย ซึ่งตามหลักควรพักหนี้เฉพาะลูกหนี้ที่มีปัญหาและเข้าสู่การฟื้นฟู ส่วนลูกหนี้ที่ดีจะมีมาตรการจูงใจไม่ให้เข้าโครงการ เช่น ลดดอกเบี้ยให้หรือให้เงินกู้เพิ่มเติม เป็นต้น โดยหากธ.ก.ส.ต้องดำเนินการเรื่องดังกล่าวรัฐบาลต้องชดเชยดอกเบี้ยให้ตามต้นทุนทางการเงินที่เพิ่มขึ้นตามทิศทางดอกเบี้ยขาขึ้นด้วย
